เขาคือธาดา เต็มบุญเกียรติ
จนถึงวันที่ 24 พฤษภาคม 2529 เขามีอายุแค่ 52 ปี ชั่วชีวิตของเขาทำงานด้านสื่อสารมวลชนและการโฆษณา
เริ่มเป็นที่รู้จักแก่วงการทั่วไปก็ตอนที่เขาเป็นนักจัดรายการวิทยุตั้งแต่รายการอาทิตย์ยิ้ม
มาจนถึงรายการอาทิตย์อุทัยเป็นรายการสุดท้าย
จะว่าไปแล้วรายการวิทยุได้จุดชีวิตของเขาเป็นที่รู้จัก แต่หากที่เขาโด่งดังจริง
ๆ มาอยู่ที่จอแก้ว และที่สำคัญเป็นรายการแสดงเป็นการค้าอย่างแท้จริง
ธาดา เมบุญเกียรติ น้อยคนนักที่จะรู้จักชื่อนี้ แต่หากเอ่ยถึงมิสเตอร์บรีสแล้ว
ชาวไทยเกือบทั่วประเทศรู้จักดี โดยเฉพาะแม่บ้านซึ่งฝันว่าสักวันชายกลางคน
เสียงเสน่ห์คนนี้จะมาสัมภาษณ์เธอออกทีวีว่าใช้ผงซักฟอกบรีสเป็นอย่างไร?
งานนี้ธาดาได้ชื่อ ได้เงินค่าจ้างในฐานะนายแบบอมตะคนหนึ่งของเมืองไทย แต่ผู้อยู่เบื้องหลังที่ได้ผลประโยชน์อย่างเต็มกอบเต็มกำ
คือบริษัทลีเวอร์บราเธอร์ (ประเทศไทย)
การที่บรีสแซงแฟ็บ มาเป็นสินค้าผงซักฟอกที่ได้รับความนิยมสูงสุดนั้น ธาดา
เต็มบุญเกียรติเป็นแรงหนึ่งในการสร้างความสำเร็จนี้อย่างมิต้องสงสัย
เขาเป็นมิสเตอร์บรีสอยู่เกือบ 20 ปี
เมื่อเร็ว ๆ นี้เจ้าหน้าที่ของบริษัทอาเยนซีโฆษณา-เอสเอสซีแอนด์บีลินตัสฯ
ได้แสดงความวิตกกังวลว่าหากสิ้นเขาไปแล้ว คงลำบากไม่น้อยในการสร้าง "ภาพพจน์"
ของบรีสใหม่ เหมือนจะเป็นลางสังหรณ์ หลังจากนั้นไม่นาน ธาดา ก็ต้องจากโลกไปไม่มีวันกลับ
เขาเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2529 พร้อม ๆ กับมิสเตอร์บรีสได้หายไปจากจอแก้ว
เปลี่ยนเป็นการสัมภาษณ์แม่บ้านที่ตัดต่อไม่ให้เห็นมิสเตอร์บรีส (ธาดา) อีกต่อไป
โดยมีเสียงพูดเป็นแบ็คกราวน์ ซึ่งดูพยายามให้คล้ายเขา
วินิจ สุรพงศ์ชัย กรรมการผู้จัดการบริษัทเอสเอสซี แอนด์บี ลินตัส ออกมาแสดงความเห็นว่าการจากไปของธาดาไม่มีผลต่อการโฆษณาของบรีส
ซึ่งช่างขัดแย้งกับคำพูดเมื่อเดือนก่อน "เป็นธรรมดาครับ ถ้าพูดว่าสะเทือนก็แสดงว่าตนเองบ่มิไก๊"
คนนอกที่รู้เรื่องวงการโฆษณาดีคอมเมนต์
อย่างไรก็ตามวินิจก็ยังจะคงจะรักษาสไตล์การโฆษณาแบบเดิมเอาไว้ โดยจะเฟ้นหาผู้สัมภาษณ์รายใหม่
เมื่อวันเสาร์ที่ 31 พฤษภาคม 2529 ณ ฌาปนสถาน กองทัพบก วัดโสมนัสวิหาร
เวลาบ่าย ๆ บรรดาเพื่อนพ้องญาติพี่น้องของธาดา เต็มบุญเกียรติ ได้มากันมากหน้าหลายตา
ประมาณกว่า 200 คน ในจำนวนนี้มีพนักงานจากบริษัทยูนิฟูดส์--บริษัทจำหน่ายผงซักฟอกบรีสของลีเวอร์บราเธอร์
(ประเทศไทย) และอาเยนซีของเขา--เอสเอสซีแอนด์บีลินตัสฯ ร่วมอยู่ด้วย
ท่ามกลางชุดสีดำ-ขาว อันแสดงความคารวะต่อผู้เสียชีวิต ซึ่งกำลังจำไปสู้สัมปรายภพคราคร่ำในงานนั้น
ปรากฏชายฉกรรจ์ในชุดสีฟ้า กระเป๋าหน้าอกเสื้อมีตราพรรคการเมืองที่มี ส.ส.
มากที่สุดใน กทม. เมื่อสมัยที่แล้วเพ่นพ่านอยู่นับสิบคน
คนที่รู้จักธาดาก็ย่อมถึงบางอ้อเพราะเขาเคยเป็น สส. ในนามพรรคนี้มาก่อน
และเผอิญเหลือเกินที่ความดังของเขาไม่อาจเทียบกับหัวหน้าพรรคได้ คนจึงไม่ค่อยรู้จักว่าเขาเคยเป็น
สส. กับเขาเหมือนกัน
หนังสืองานศพของธาดาปรากฏข้อเขียนของสมัคร สุนทรเวช ซึ่งคัดลอกมาจากคอลัมน์
"มุมน้ำเงิน" ใน นสพ. เดลิมิเรอร์ ซึ่งทำให้เราไดรู้จักธาดาอีกแง่มุมหนึ่ง
"…คุณธาดาเป็นนักเรียนเก่าโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน ตอนที่คุณธาดายังเรียนอยู่ที่นั่น
พี่ชายคุณธาดาชื่อคุณวัลลภเป็นนักเรียนอัสสัมชัญพาณิชย์รุ่นก่อนผม 2 ปี
ตอนที่น้องชายผมสองคนไปเข้าเรียนจุฬาฯ พร้อม ๆ กันเมื่อ พ.ศ. 2500 นั้นคนที่ไปเรียนคณะวิทยาศาสตร์และใคร
ๆ ทุกคนในคณะวิทยาศาสตร์ก็รู้จักธาดา เต็มบุญเกียรติ เพราะคุณธาดาเป็นรีพีทเตอร์ที่มีตำแหน่งเป็นประธานเชียร์ของคณะวิทยาศาสตร์
เรียนอยู่จุฬาฯ ตอนนั้นพักหนึ่ง เลยออกไปเรียนต่อที่วิทยาลัยเทคนิคกรุงเทพ
จบจากเทคนิคฯ ได้รับประกาศนียบัตรอาชีวชั้นสูงแล้ว คุณธาดาไปเป็นผู้จัดการรายการเพลงที่มีแฟนรายการกว้างขวางอยู่ที่สถานีวิทยุ
ททท. ที่มีสถานีอยู่ที่สี่แยกคอกวัว จากนักจัดรายการเพลงก็กลายเป็นผู้อ่านข่าวเสียงดีที่ผู้คนทั้งบ้านทั้งเมืองคุ้นหูอยู่ที่
ททท. นั่นแหละ จนกระทั่งเมื่อสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 4 เกิดขึ้นแล้ว
คุณธาดาก็มาทำงานอยู่วงการโทรทัศน์…"
"…ตอนที่คุณธาดา เต็มบุญเกียรติ มาร่วมทีมกับชาวประชากรไทยอีก 31
คนที่ลงสมัครร่วมกันในกรุงเทพฯ เมื่อปี พ.ศ. 2522 นั้น คุณธาดาเป็นคนดังที่มีคนรู้จักดีมากกว่าใคร
ๆ
สมัครพูดถึงธาดาไว้ยืดยาวพอสมควร
"…เราเป็น สส. ฝ่ายค้านอยู่ในสภาด้วยกันมา 4 ปี ได้รู้ว่าคุณธาดาชอบดื่มเบียร์มากนิดหน่อย
เมื่อตอนเตรียมการเลือกตั้งทั่วไปปี 2526 ผมได้รับรายงานจากแพทย์เกี่ยวกับสุขภาพของคุณธาดาว่าจะมีปัญหา
ถ้าหากคุณธาดาลงสมัครรับเลือกตั้ง คราวนั้นมีใครต่อใครหลายคนในพรรคไม่ได้รับการพิจารณาให้ลงสมัครรับเลือกตั้ง
และมีหลายคนแสดงความไม่พอใจถึงกับไปให้สัมภาษณ์ นสพ. ตอบโต้และไปสมัครลงเลือกตั้งในพรรคอื่น…"
นี่อีกตอนหนึ่ง
สมัครบอกไว้ในข้อเขียนของเขาว่า พรรคประชากรไทยจะติดรูปธาดา เต็มบุญเกียรติไว้ที่พรรคในฐานะ
สส. อีกคนหนึ่งของประชากรไทยที่จากไป
ในวันนั้น สมิตร สุทนทรเวช น้องชายสมัคร มาร่วมงานก่อนเวลาเกือบครึ่งชั่วโมง
เขากุลีกุจอ
เป็นพิเศษ
ตามกำหนดการ เวลา 14.00 น. เป็นเวลาที่พระราชทานเพลิงศพ
นาฬิกาของเรากับสมัคร สุนทรเวชเดินตรงกัน แต่นาฬิกาของวัดโสมนัสวิหารอาจจะเร็วกว่า
2-3 นาทีก็เหลือเดา
การดำเนินตามพิธีเริ่มก่อนเวลาในนาฬิกาของเราประมาณ 3 นาที นายแพทย์บุญเทียม
เขมาภิรัตน์ รัฐมนตรีช่วยคมนาคม อดีต ส.ส. พรรคประชากรไทยคนสำคัญมาถึงเมื่อเวลาเริ่มทันที
เขาไม่ได้รับความสนใจจากใครเท่าที่ควร ประธานในพิธีเป็นใครไม่ทราบ เริ่มดำเนินไปอย่างรวดเร็ว
ผู้คนในงานทะยอยขึ้นเมรุแออัดยัดเยียด
ในเวลานั่นเอง รถเปอโยต์สีเทาคันหนึ่งมาจอดใกล้งานที่สุด ทันทีที่ประตูรถเปิด
ชายหนุ่มร่างสันทัดคนหนึ่งนั่งอยู่ด้านหน้า หน้าตักมีผ้าไตรอยู่ ไม่มีใครสนใจมากนัก
ชายหนุ่มกลางคน ๆ นั้นตะโกนเสียงอันดังเรียก รมช. บุญเทียม (เรียกชื่อเล่น
ฟังไม่ชัดว่า "ป๊อก" หรืออะไร) นพ. บุญเทียมกุลีกุจอเข้าไปหาพร้อมเอ่ยปากโบกไม้โบกมืออย่างสุภาพ
ห้ามไม่ให้ชายคนนั้นกล่าวเสียงดังท่ามกลางความโศกเศร้าในพิธีพระราชทานเพลิงศพอันสำรวม
"ไม่เข้าท่า ๆ ๆ ๆ" ชายในรถสวมเสื้อสีฟ้ามีตราพรรคการเมืองที่หน้าอก
พูดด้วยเสียงอันดังไม่ต่ำกว่า 5 ครั้ง
"ผมบอกว่าผมจะมาทอดผ้าไตร จะมาเป็นประธานให้ เขาทำพิธีก่อนเวลาหรืออย่างไร
นาฬิกาของผมอีกตั้ง 3 นาที ผมบอกว่าผมจะมาพูดกันไม่รู้เรื่องหรืออย่างไร"
ชายคนนั้นพูดด้วยความโมโห แต่ดูเหมือนจะไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร
นพ. บุญเทียม เจรจาอธิบายอยู่พักหนึ่ง ทั้งพยายามให้ลดเสียงอันไม่สุภาพ
ในที่สุด นพ. บุญเทียมก็ปิดประตูรถ รถคันนั้นทะยานอย่างแรงออกจากงานนั้นไป
ชายคนนั้นที่มีผ้าไตรบนตักอยู่อย่างไรก็อยู่อย่างนั้น!!
ธาดาจะรู้หรือไม่ ว่าตัวเขาเอง มีชีวิตอยู่ได้ทำประโยชน์ให้กับคนหลาย ๆ
คน หลายกิจการค้า ตั้งแต่บริษัทคอนซูเมอร์โปรดักส์ที่ใหญ่ มาจนถึงพรรคการเมือง
ถึงใครจะปฏิเสธว่าการจากไปของเขาไม่สะเทือนก็ช่างเขาเถอะ นั่นเป็นวิถีทางธรรมดา
ส่วนที่ใครที่จะมาหาประโยชน์จากงานศพของเขาก็ช่างเถิด
ขอให้วิญญาณสงบเถิด ผู้อยู่ย่อมดิ้นรนกันต่อไป