|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
นายสวง ทั่งวัฒโนทัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูบิส (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ UBIS เปิดเผยว่า บริษัทฯคาดว่ายอดขายในไตรมาสแรกปีนี้ผลงานของบริษัทจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน หลังพบว่ายอดขายในช่วง 2 เดือนแรกมีการขยายตัวที่ดี เนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผลิตภัณฑ์อาหารกระป๋องหลังจากเศรษฐกิจ ฟื้นตัว โดยเฉพาะในตลาดต่างประเทศที่น่าจะเติบโตได้ถึง 20% ขณะตลาดในประเทศจะเติบโต 10%ดังนั้น บริษัทจึงตั้งเป้ายอดขายและกำไรปีนี้ไว้ที่ 15% พร้อมกับเน้นใช้งบทางการตลาดแทนการใช้งบลงทุนขนดาใหญ่ เพราะต้องการคุมค่าใช้จ่ายโดยรวมให้อยู่ในระดับ 20% และมีแผนที่จะเจาะตลาดในเอเชียเพิ่มคือในประเทศเกาหลีและไต้หวัน จากเดิมที่บริษัทฯไม่ได้ทำตลาดใน 2 ประเทศนี้มากนัก
อย่างไรก็ดี อัตราการเติบโตปีนี้จะมาจากกลุ่มตลาดเดิม ทั้งตลาดเอเชียและยุโรปที่ประเมินว่าปีนี้จะสามารถเติบโตได้ในอัตราสูง คาดว่าตลาดยุโรปจะเติบโตประมาณ 40% ผลจากเศรษฐกิจที่เริ่มค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้น อีกทั้งแรงหนุนจากการเติบโตของเศรษฐกิจจีน ที่ปัจจุบันมีสัดส่วนยอดขายประมาณ 50% โดยประเมินว่าอัตราการเติบโตตลาดจีนจะอยู่ที่ประมาณ 15 % ตามความต้องการสินค้าในการจัดงาน World Expo และ Asian Games ขณะตลาดอินเดียก็เติบโตใกล้เคียงกับจีน คาดว่าปีนี้ความต้องการใช้กระป๋องจะเติบโต 20-25% จากปีก่อนที่เติบโต 5-6% แม้การเจรจาเปิดเขตการค้าเสรีระหว่างไทยกับอินเดียจะยังไม่มีความคืบหน้า เพราะต้องการปกป้องสินค้าของตัวเอง
โดยต้นปีที่ผ่านมา UBIS ได้เซ็นสัญญากับพันธมิตรใหม่จากประเทศอิตาลี คือ บริษัท METLAC ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายสารเคมีหมวดสีเคลือบกระป๋อง และยาฝากระป๋อง อันดับ 4 ในยุโรป โดยบริษัทฯจะนำผลิตภัณฑ์สินค้าในหมวดเดียวกับที่บริษัทฯจำหน่ายอยู่ แต่เป็นสินค้าบางชนิดที่บริษัทฯยังขาด หรือเป็นสินค้าที่มีคุณภาพดีกว่าของบริษัทฯ โดยบริษัทฯได้รับสิทธิ์เป็นตัวแทนจัดจำหน่ายครอบคลุม ทั้งในตลาดในไทย เวียดนาม จีนและฟิลิปปินส์ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายขึ้น และช่วยส่งเสริมให้ยอดขายเติบโตตามแผนที่วางไว้
ขณะที่พันธมิตรเดิมคือจากเยอรมันอย่าง บริษัท HENKEL ซึ่้งเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายและผลิตสินค้าให้กับบริษัทฯ ปัจจุบันทำเพียงธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าให้กับบริษัทฯ ประเมินว่าการจัดจำหน่ายผ่าน HENKEL ปีนี้จะปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อนจากภาวะเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศสหรัฐฯที่มีแนว โน้มฟื้นตัว โดยบริษัทดังกล่าว แม้ยังไม่ได้มีการผลิตสินค้าภายใต้ใบอนุญาตการผลิตสินค้าของบริษัทฯ ก็จะต้องมีการเสียค่าธรรมเนียมขั้นต่ำให้กับบริษัทฯประมาณ 1 แสนยูโร หรือประมาณ 4-5 ล้านบาทต่อปี
นายสวง กล่าวถึงผลกระทบจากต้นทุนจากราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นจาก ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 80 ดอลลาร์/บาร์เรล อาจจะส่งผลต่ออัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ที่ปีนี้มีโอกาสจะลดลงจากปีก่อนเล็กน้อย โดยปีก่อนอัตรากำไรขั้นต้นที่ 12.2% แต่คาดว่ากำไรในรูปสกุลเงินบาทยังมีแนวโน้มเติบโตที่ดี ส่วนค่าเงินนั้นบริษัทได้ป้องกันความเสี่ยงไว้ล่วงหน้าแล้ว
|
|
|
|
|