Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กันยายน 2529








 
นิตยสารผู้จัดการ กันยายน 2529
คนเรียนเอ็มบีเอ บ้านเราเรียนไปแล้วได้ประโยชน์กันบ้างหรือเปล่า?             
โดย สนธิ ลิ้มทองกุล
 


   
search resources

MBA




ผมเคยถามคำถามนี้กับคนที่เรียนเอ็มบีเอไม่ว่าจะเป็นภาคค่ำของธรรมศาสตร์หรือไม่ก็บรรดาคนเรียนจีบ้าของจุฬาฯ แม้กระทั่งของนิด้าที่ตกต่ำไปมาก ๆ ในด้านคุณภาพ (จากการสรุปของบรรดาศิษย์เก่านิด้าทั้งหลาย ที่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอาจารย์นิด้าทางด้านบริหารธุรกิจนั้นทำงานด้านที่ปรึกษาให้กับบริษัทเป็นงานหลักและสอนนักเรียนเป็นงานอดิเรก)

ส่วนใหญ่ที่เรียนเอ็มบีเอก็จะบอกผมว่ามันได้ประโยชน์ เพราะมันทำให้รู้อะไรมากขึ้นและกว้างขึ้น

แต่พอผมถามว่าแล้วเอามาใช้กันได้หรือเปล่า?

ทีนี้ก็มีหลายคำตอบที่อึกอักตะกุกตะกักกันมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากคนที่เรียนจีบ้าที่เอาหลักสูตรและอาจารย์ฝรั่งมาจาก Northwestern University

จริง ๆ แล้วเราต้องยอมรับกันว่า MBA ในช่วง 2-3 ปีนี้กำลังเป็นแฟชั่นที่ผู้รักความก้าวหน้าพากันแสวงหาและไขว่คว้าเอาเกียรติบัตรเข้ามาประดับกาย แต่ผมมีคำถามให้กับบรรดาคณาจารย์ทั้งหลายที่มุ่งมั่นแข่งขันกันจัดหลักสูตรกันอย่างไม่ลืมหูลืมตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ชอบขนเอาหลักสูตรฝรั่งและอาจารย์ฝรั่งมาทั้งดุ้นนั้นว่า MBA ที่สอนกันนั้นมักทำให้คนเรียนกลายเป็น practical และวิชาที่เรียนนั้นมัน applicable กันบ้างหรือเปล่า?

ผมเชื่อว่าต้องมีคนตอบว่าจะ practical หรือ applicable หรือไม่นั้นมันก็ย่อมขึ้นอยู่กับว่าคนเรียนเอาไปใช้เป็นหรือเปล่า?

มีอยู่ครั้งหนึ่ง ผมได้มีโอกาสสอบถามคนเรียนวิชา Finance ในโครงการ MBA ต่าง ๆ ว่าเขาสอนอะไรในเรื่อง Finance ให้บ้าง?

อนาคตมหาบัณฑิตในวิชาบริหารธุรกิจก็พูดให้ฟังอย่างเคร่งขรึมว่า "ก็มีเรื่อง cash flow forecast, financial management, เรื่อง Receivable aging, เรื่องการกู้เงินต่างประเทศและการกู้ภายในประเทศการใช้ syndication ฯลฯ

ผมฟังแล้วก็รู้สึกดีใจที่ผู้เรียนได้เข้าไปรับรู้ modern-day finance ที่โลกตะวันตกเขาเรียนรู้กัน

แต่ผมก็ดีใจไม่นานก็ตกใจ เพราะคนเดียวกันนั้นพูดกับผมว่า "มันได้ประโยชน์ดีแต่มันใช้กับเมืองไทยไม่ได้หรอก"

"ที่เขาสอน ๆ กันอยู่นั้นมันเป็นลักษณะของการที่เราต้องเป็นองค์กรใหญ่ เช่นเครือซิเมนต์ไทย ที่สามารถจะมี facilities ในการ utilize การเงินแบบอย่างที่เขาสอนได้ แต่สำหรับผมแล้วการเล่นแชร์ การหมุนเช็ค และการกินข้าวกับผู้จัดการแบงก์ก็เพื่อขอเกินวงเงินชั่วคราวยังเป็นอยู่" คนพูดคนเดิมพูดต่อ

นั่นน่ะซิ!

จริง ๆ แล้วสำหรับ cash flow forecast นั้นมันไม่ได้สลับซับซ้อนอะไร?

สำหรับคนทำธุรกิจส่วนตัวก็รู้ว่าตัวเองเงินจะขาดเมื่อไหร่และเพราะอะไร?

สำหรับปูนซิเมนต์ไทยถ้า cash short สัก 20 ล้าน ผมเชื่อว่าคุณสิงห์หมุนโทรศัพท์แกร็กเดียวก็ได้แล้วในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมากด้วย

แต่สำหรับเถ้าแก่แล้วคงจะไม่มีฤทธิ์เดชอย่างคุณสิงห์เขาหรอก แกอาจจะต้องใช้วิธีแลกเช็คหรือตั้งวงแชร์ขึ้นมา หรือไปขอร้องให้แบงก์เขาเพิ่มวงเงินอีก

หรืออย่างที่เขาให้ออกหุ้นบุริมสิทธิเวลาขาดเงินนั้น ลองไปสอนคนที่มีธุรกิจขนาดเล็กหรือขนาดกลางดูซิรับรองว่าพี่แกหัวร่อฟันโยกฟันคลอนเลย

ยังมีตัวอย่างอีกมากที่วิชา MBA บ้านเราสอนอยู่ แต่มันขัดกับความจริงโดยสิ้นเชิง กับสิ่งที่เกิดขึ้นทุกวันนี้

ที่เขียนวันนี้มิใช่จะมาทำลายกัน เพียงแต่อยากจะยกเรื่องนี้ให้เป็นอุทาหรณ์ให้บรรดาสถาบันทั้งหลายได้รับรู้ว่า วิชาความรู้และหลักสูตรที่เอามาจากต่างชาตินั้น ก่อนอื่นต้อง Screen และเอามาปรับปรุงผสมสิ่งที่เป็นจริงในบ้านเรา และค่อยสร้างขึ้นมาเป็นหลักสูตรเสียก่อน แล้วค่อยเอามาสอน

ครั้งหนึ่งจีบ้าเคยพูดอย่างภูมิใจว่าคนที่เรียนจีบ้านั้นสามารถโอนหน่วยกิตตัวเองไปเรียนต่อที่ Northwestern University ได้

ความภูมิใจของจีบ้านั้นกลับเป็นความห่อเหี่ยวหัวใจของผมที่เห็นสถาบันยังหลงงมงายกับเรื่องนี้อยู่

นี่แสดงว่า miss objective กันหมดเลย

การที่สถาบันการศึกษาชั้นสูงนั้นให้ความสนใจกับ MBA ก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วน่าจะยกย่อง

แต่ถ้าสถาบันนั้นสามารถจะทำ MBA ที่เข้ากับสภาพสภาวะของสังคมไทยได้อย่างเต็มที่แล้วละก้อกลับเป็นเรื่องที่ต้องสรรเสริญเพิ่มเติม นอกจากจะยกย่องไปแล้วชั้นหนึ่ง

ถ้าอาจารย์ชัยอนันต์ สมุทรวานิช สามารถแต่งตำรารัฐศาสตร์ของเมืองไทยขึ้นมาได้ ผมไม่เชื่อว่าอาจารย์จุฬาฯ ธรรมศาสตร์ นิด้าทางด้านบริหารธุรกิจจะไม่สามารถแต่งตำราทางด้านนี้ได้

ผมเคยคุยกับอาจารย์ทางด้านบริหารธุรกิจหลายท่านซึ่งก็บอกว่าจะหา case บ้านเราที่สามารถหาข้อมูลเขียนกันให้ละเอียดไม่ค่อยได้

อันนี้น่าเห็นใจ แต่ผมก็เชื่อว่าทำได้ ถ้าท่านจะพยายาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นสถาบันการศึกษาไปขอความร่วมมือขอข้อมูลจากกระทรวงการคลังกับธนาคารชาติกับรัฐบาลนั้น ผมว่าจะได้รับความร่วมมือยิ่งกว่าการที่พวกผมไปขอข้อมูลพื้นฐานเสียอีก

เพียงแต่ผมคิดว่าคณาจารย์ในสถาบันการศึกษาในสาขาบริหารธุรกิจหรือพาณิชย์ศาสตร์และการบัญชียังพยายามไม่พอ และบางแห่งนอกจากจะไม่พยายามแล้วก็ยังชุบมือเปิบไปเอาหลักสูตรฝรั่งมาครอบคนไทยเข้าไปอีก

ความรู้เรื่องการบริหารธุรกิจนั้นมีความจำเป็นมากในสังคมไทยและความรู้เหล่านี้จำเป็นต้องให้กันหลายระดับ

ระดับผู้บริหารจริง ๆ แล้วสถาบันการศึกษาเหล่านี้ก็คงให้เขาไม่ได้เพราะไม่มีใครมีคุณวุฒิ และประสบการณ์มากพอจะสอนคนอย่างอากร ฮุนตระกูลหรือชุมพล ณ ลำเลียง หรือกังวาฬ ตันติพิพัฒนพงษ์ ฯลฯ ได้หรอก แต่สถาบันน่าจะนึกถึงคนระดับล่างที่ต้องดำเนินธุรกิจขนาดเล็กหรือกำลังเจริญเติบโตขึ้นมาในองค์กร ที่สมควรจะรับรู้เรื่องราวการบริหารธุรกิจที่ประเทศและสังคมไทยได้ดำเนินอยู่

และสถาบันเหล่านี้ก็คงจะสอนอะไรก็ตามที่เขาเอาไปใช้ได้จริง ๆ

ระบบการศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาเราล้มเหลวมาตลอด ที่สอนแต่ให้คนมุ่งหวังปริญญาเพื่อความก้าวหน้าและเพื่อเป็นเกียรติประวัติ

วันนี้เราก็ประสบผลสำเร็จที่เรามีบัณฑิตมากมายไปหมดแต่ตกงานกันเป็นแถว และก็ไม่รู้ว่ามีกี่คนที่เอาปริญญาใส่กรอบแล้วจุดธูปไหว้ก่อนนอนทุกคืน

เดี๋ยวนี้เด็กจบรัฐศาสตร์มาสมัครเป็นนักขาย จบการศึกษา มาเป็นคนคุมสต็อค จบนิติศาสตร์มาเป็นโอเปอร์เรเตอร์ จบบริหารธุรกิจมาเป็นเสมียนพิมพ์ดีด ฯลฯ

ในต่างประเทศเองก็มีปัญหากับ MBA เพราะนายจ้างที่มีลูกจ้างเป็น MBA มักจะบ่นว่าพวกนี้ทำงานเป็นทีมเวอร์คกันไม่เป็น และที่สำคัญที่สุดคือที่เรียนมาเอามาใช้กับงานไม่ได้ เพราะไม่เคยถูกสอนว่าความจริงมันเป็นอย่างไร ?

ก็คงอีกไม่นานเกินรอหรอกที่ MBA คงจะเฟ้อตลาดกันอีก

แล้วถึงวันนั้น MBA คนไหนเรียนวิชาที่เอามาใช้ได้ก็จะเป็นคนที่ได้เปรียบที่สุด

และเมื่อถึงวันนี้น สถาบันที่ผลิต MBA ที่ใกล้ชิดกับความเป็นจริงในสังคมไทยมากที่สุดก็คงจะได้เปรียบที่สุดมิใช่หรือ?

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us