ไมเนอร์ อินเตอร์ฯ ชี้ 2 เดือนแรกปี 52 ธุรกิจโรงแรม อาหารเติบโตดี จากเศรษฐกิจฟื้นตัวนักท่องเที่ยวโต จับตาชุมนุมเสื้อแดง ยันขณะนี้ยังไม่มีผู้ยกเลิกห้องพัก หวังปีนี้กำไรสุทธิโตกว่า 12-15% จากคุมต้นทุน พร้อมอัดงบเกือบ 5 พันล้านบาทใช้ขยายงาน เตรียมออกโปรโมชั่นใหม่ ๆ ผู้บริหารตั้งเป้ายอดขายโครงการที่พักอาศัยปีนี้ 1 พันล้านบาท รับรู้รายได้ไตรมาสสุดท้าย
นางสาวประภารัตน์ ตังควัฒนา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการเงิน บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT เปิดเผยว่า ช่วง2 เดือนแรกยอดการเข้าพักโรงแรมของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นจากจำนวนนักท่อง เที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทยยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากเดือนธันวาคม ปี52 ซึ่งเดือนมกราคมมียอดผู้เข้าพัก 60% เดือนกุมภาพันธ์เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 70% ถือว่าดีกว่าทั้งปี52 ที่มีอัตราเฉลี่ยที่ 52% โดยคาดว่าปีนี้จะมีอัตราผู้เข้าพักเฉลี่ย 65% แต่จากการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงช่วงวันที่ 11-14 มีนาคมนั้น ต้องรอดูว่าจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงหรือไม่ แต่ในเบื้องต้นยังไม่พบว่าลูกค้าที่จองยกเลิกการเข้าพัก
บริษัทคาดว่าอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิปี 53 จะเพิ่มขึ้นมากกว่าการเติบโตของรายได้ที่คาดว่าปีนี้จะโต 12-15% จากปี 52 ที่มีรายได้รวม 17,291 ล้านบาท มีกำไรสุทธิที่ 1,400 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนรายได้จะมาจากธุรกิจอาหาร 45-50% รายได้จากธุรกิจโรงแรม 30-35% ธุรกิจค้าปลีก 10-12% ธุรกิจขายโครงการที่พักอาศัย 5% ซึ่งคาดว่าปีนี้จะขายโครงการที่พักอาศัย The Estates Samui และโครงการ St Regis ได้ 800-1,000 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ในไตรมาส4 ปีนี้ ขณะนี้ขายได้แล้ว 4 ยูนิต และมีจองเข้ามาอีก 4 ยูนิต โดยราคาขายต่อยูนิตอยู่ที่ 65-200 ล้านบาท
" ปีนี้บริษัทเน้นในเรื่องอัตรากำไรสุทธิให้เติบโตมากกว่าตัวรายได้ ซึ่งธุรกิจที่ทำให้เรามีกำไรที่ดีคือ ธุรกิจอาหารและโรงแรม ช่วง 2 เดือนแรกมีการเติบโตดี บริษัทจึงมีแผนเปิดร้านอาหารอีก 80-85 แห่ง จากสิ้นปีที่มี1,112 แห่ง และเปิดแฟรนไชน์ในต่างประเทศคือลาว เวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินเดีย รวมทั้งการออกเมนูอาหารมากขึ้น ส่วนธุรกิจโรงแรมเราก็จะทำการตลาดใหม่เพื่อทำให้มีลูกค้ามาลงทุนมากขึ้นและ คุ้มทุน"
โดยบริษัทอัดงบลงทุนประมาณ 4,500 -5,000 ล้านบาท แบ่งเป็นลงทุนโรงแรม 2,500 ล้านบาท ลงทุนต่อเนื่องธุรกิจอาหาร 1,000 ล้านบาท และลงทุนโครงการที่พักอาศัย 1,000 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากที่จะซื้อแบรนด์ธุรกิจอาหาร และซื้อโรงแรม เพิ่ม ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนช่วงไตรมาส 2/53 และบริษัทได้เจรจาที่จะเข้าไปบริหารโรงแรมเพิ่ม คาดสิ้นปีนี้จะมีโรงแรมที่ดูแลทั้งหมดมากกว่า 34 แห่ง จากปัจจุบันที่มี 30 แห่ง
นางสาวประภารัตน์ กล่าวว่า ปีนี้บริษัทไม่มีแผนที่จะมีการออกหุ้นกู้ เนื่องจากบริษัทมีวงเงินกู้จากธนาคารพาณิชย์อยู่ 6,000 ล้านบาท ซึ่งการที่บริษัทกู้เงินแทนการออกหุ้นกู้เพราะไม่ต้องการให้สัดส่วนหนี้สิน ต่อทุนของบริษัทสูงมากซึ่งจะกระทบต่ออันดับเรตติ้งของบริษัท แต่มีแผนที่จะออกใบสำคัญแสดงสิทธิซื้อหุ้นสามัญ ซึ่งจะขออนุมัติต่อผู้ถือหุ้นในเดือนหน้า
ทั้งนี้ หากนักลงทุนมีการใช้สิทธิใบสำคัญแสดงสิทธิก็จะทำให้บริษัทมีเงินใช้เป็นทุน หมุนเวียนในอนาคตอีก 4,000 ล้านบาท ทำให้บริษัทมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง โดยปีนี้บริษัทจะต้องชำระหนี้หุ้นกู้ที่จะครบกำหนดปีนี้ 2,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีหนี้ทั้งหมด 1.15 หมื่นล้านบาท และเตรียมเงินที่จะชำระคืนหนี้แล้ว
|