|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ตลาดหลักทรัพย์ฯ มั่นใจดูแลระบบซื้อขายหลักทรัพย์และระบบงานสำคัญ ในช่วงเสื้อแดงชุนนุมใหญ่ได้แน่ ยืนยันมีแผนรองรับพร้อมเปิดการซื้อขายในวันจันทร์15มี.ค.ได้ทันที ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ระบุภาพรวมนักลงทุนไม่กังวลมากนัก ดัชนียังปรับเพิ่ม ไม่พบแรงเทขายหุ้นหนัก มีเพียงวอลุ่มเบาบาง แต่แนะนำผู้ลงทุนติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิด ชี้ปี53 ตลาดหุ้นผันผวน เพราะการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลทั่วโลก
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เปิดเผยว่าตลท.ได้จัดมีแผนการรองรับกรณีที่เกิดเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบ ต่อการดำเนินงานในช่วง 12-15 มี.ค.นี้ โดยมีคณะทำงานติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งให้ความสำคัญกับระบบซื้อขายหลักทรัพย์ และระบบงานที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อให้การซื้อขายหลักทรัพย์ สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมรองรับการซื้อขายของผู้ลงทุนทั้งในและต่างประเทศ โดยได้ประสานไปยังบริษัทหลักทรัพย์ต่าง ๆแล้ว ขอให้ผู้ลงทุนมั่นใจ
นายวิรไท สันติประภพ รองผู้จัดการ สายงานพัฒนาและวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลท.กล่าวว่า ในเรื่องนี้นักลงทุนในตลาดหุ้นมีความกังวลบ้างซึ่งเห็นจากมูลค่าการซื้อขาย ที่มีการปรับตัวลดลง แต่ยังไม่ถึงขั้นที่มีความกังวลมากนัก จนมีแรงขายหุ้นไทยออกมาอย่างรุนแรง เพื่อต้องการถือเงินสดไว้มากๆ แต่ต้องการติดตามสถานการณ์ว่าจะเป็นอย่างไร เพราะไม่สามารถที่จะคาดการณ์ได้ว่าจะออกมาอย่างไร ทั้งนี้ ตลท.มีอาคารสำรองรองรับหากไม่สามารถที่จะให้พนักงานเข้ามาทำงานที่นี่ได้ และก็มีระบบงานต่างๆรองรับไว้แล้วเช่นกัน
นอกจากนี้ ตลท.ได้การสรุปภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์ประจำเดือนก.พ. 2553 ซึ่งดัชนีตลาดหุ้นไทยและดัชนีตลาดหลักทรัพย์ส่วนใหญ่ในภูมิภาคเอเชียปรับสูง ขึ้นจากปัจจัยบวกด้านเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น แม้จะมีความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตเศรษฐกิจในกรีซ แต่นักลงทุนต่างประเทศยังคงมีการลงทุนในตลาดหุ้นเกิดใหม่มากขึ้น ซึ่งดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวสูงขึ้นกว่าประเทศอื่นในภูมิภาค ส่วนหนึ่งเกิดจากปัจจัยบวกในประเทศหนุน เช่น การรายงานตัวเลขเศรษฐกิจมีการเติบโต และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนมีการเติบโตที่ดี และมีการจ่ายเงินปันผลที่สูงสุดอันดับ2 มีอัตราผลตอบแทนเงินปันผล 3.42% รองจากฟิลิปปินส์ ที่มี 3.56%
ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.56% มาปิดอยู่ที่ 721.37 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนม.ค. ที่ปิดอยู่ที่ 696.6 จุด มูลค่าหลักทรัพย์ตรมราคาตลาด (มาร์เกตแคป)รวมอยู่ที่ 5.54 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.14% จากเดือนมกราคม แต่ในเดือนกุมภาพันธ์จะมีวันหยุดทำการหลายวัน และนักลงทุนชะลอการซื้อขายเพื่อรอความชัดเจนของการตัดสินคดียึดทรัพย์นั้น ทำให้มูลค่าการซื้อขายหุ้นในเดือนนี้ปรับตัวลดลงเหลือเฉลี่ยต่อวันที่ 14,245.31 ล้านบาทลดลง จากเดือนมกราคมอยู่ที่ 19,026.91 ล้านบาท
ขณะที่การซื้อขายรายกลุ่มของนักลงทุนนั้น พบว่า ในเดือนก.พ. 2553 นักลงทุนต่างชาติมีบทบาทในการซื้อขายมากขึ้น โดยสัดส่วนของมูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้น 21.95% ในเดือนม.ค.2553 เป็น 23.62% และเปลี่ยนสถานะจากขายสุทธิต่อเนื่อง 3 เดือน เป็นซื้อสุทธิอยู่ที่ 5,410.87 ล้านบาท ส่วนรายย่อยขายสุทธิ 10,858.87 ล้านบาท
สำหรับปัจจัยที่ต้องจับตาจากนี้ถึงสิ้นปี2553 ซึ่งจะกระทบต่อการลงทุนในตลาดหุ้น คือ การถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลทั่วโลก เพราะอาจจะมีผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยนทำให้กระทบต่อการเคลื่อนไหวเม็ดเงิน ลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ
|
|
|
|
|