Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กันยายน 2529








 
นิตยสารผู้จัดการ กันยายน 2529
ปตท.-กรรมการที่ลงมาชกกับนักมวย !             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)

   
search resources

ปตท., บมจ.
Oil and gas




เมื่อว่ากันถึงการฟาดฟันช่วงชิงตลาด ในวงการธุรกิจค้าน้ำมันแล้ว ก็ต้องแยก ปตท. หรือการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยออกมากล่าว เนื่องจากองค์การรัฐวิสาหกิจองค์กรนี้ถูกกล่าวกันมากว่า มันเหมือนกับการจัดให้นักมวยชกกัน แล้วมี ปตท. เป็นกรรมการ แล้วกรรมการอย่าง ปตท. ก็ลงไปชกกับนักมวย ด้วย

กรรมการอย่าง ปตท. เป็นผู้กุมชะตาและสามารถที่จะชี้ความเป็นความตายแก่นักมวยทุกคน โดยเฉพาะบริษัทรายย่อยนั้นจะยืนอยู่ได้หรือไม่อย่างไร? ก็ขึ้นอยู่กับ ปตท. นี้ เนื่องจากบริษัทรายย่อย แต่ละบริษัทจะนำน้ำมันเข้ามาได้ก็ต้องขออนุญาตกันเป็นครั้ง ๆ ไป และหากวันใด ปตท. เกิดเหม็นหน้านักมวยคนใดคนหนึ่งขึ้นมา แล้ว ปตท. ก็ส่งข้อมูลให้กับกระทรวงพาณิชย์โดยบอกว่าปริมาณความต้องการใช้น้ำมันในช่วงนี้เพียงพอแล้ว แค่นี้รายย่อยก็ต้องล้มกลิ้งอย่างไม่เป็นท่าแล้ว

แหล่งข่าวในวงการค้าน้ำมันผู้หนึ่งได้เล่าให้ "ผู้จัดการ" ฟังว่า

"หน่วยงานที่รับนโยบายจากคณะกรรมการนโยบายปิโตรเลียมแห่งชาติมาปฏิบัตินั้นก็จะมีหน่วยงานที่สำคัญจริงๆ อยู่ 2 หน่วยงาน หน่วยงานที่หนึ่งก็เป็น ปตท. ในฐานะที่เป็นรัฐวิสาหกิจ ปตท. ก็จะเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบในนโยบายตั้งแต่เรื่องการขุดแก๊ส การซื้อแก๊สจากหลุมการซื้อน้ำมันดิบต่าง ๆ รวมทั้งการขายปลีกขายส่ง อีกหน่วยงานหนึ่งก็คือกรมทะเบียนการค้า ในลักษณะที่กรมทะเบียนการค้ามีกองน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ กองน้ำมันเชื้อเพลิงนั้นมีหน้าที่หลัก ๆ ส่วนใหญ่ก็คือ การกำหนดโควต้าการนำเข้าของแต่ละบริษัท การควบคุมให้น้ำมันสำรองเป็นไปตามกฎหมาย และที่สำคัญที่สุดก็คือการควบคุมการค้าภายใน จะให้ใบอนุญาตค้าน้ำมันแก่ใครหรือจะไม่ให้ จะยึดใบอนุญาตหรือจะถอนใบอนุญาตของใครก็อยู่ที่นี่ เพราะฉะนั้น ถ้าจะพูดถึงอำนาจต่อผู้ประกอบการค้าน้ำมันแล้วกรมทะเบียนการค้ามีอำนาจล้นฟ้าเลย และก่อนที่จะไปดูที่การปิโตรเลียมซึ่งจะเป็นตัวแปรที่สำคัญ มาดูที่กรมทะเบียนการค้าก่อน หน่วยงานที่รับผิดชอบทางด้านน้ำมันและก๊าซของกรมทะเบียนการค้าก็คือ กองน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งถ้าไปดูกำลังคนในกองน้ำมันเชื้อเพลิงแล้ว จะเห็นว่ามีน้อยมาก เครื่องคอมพิวเตอร์สักเครื่องยังไม่มีเลย คุณจะเห็นว่าเล็กมาก ผมว่าคนที่นั่งแออัดอยู่ในนั้นนับตั้งแต่พนักงานไปจนถึงผู้อำนวยการกองผมว่า ยังไม่ถึง 30 คนเลย งบประมาณแต่ละปีนั้นน้อยนิดมาก ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่กองน้ำมันเชื้อเพลิงจะมีพาวเวอร์พอที่จะไปรับรู้ข้อมูลต่าง ๆ ทั้งด้านการขึ้นลงของราคาในต่างประเทศหรือปริมาณความต้องการที่แท้จริงภายในประเทศ กองน้ำมันเชื้อเพลิงจึงต้องพึ่งข้อมูลจากคนอื่น และแหล่งข้อมูลที่พึ่งอยู่ในปัจจุบันก็คือ ปตท. และเมื่อต้องพึ่งข้อมูลจากปตท.นั้นก็เท่ากับว่า ปตท. กลายเป็นผู้ควบคุมทั้งหมด คือกลายเป็นผู้กำหนดโควต้าไปด้วย เพราะถ้าข้อมูลมันบูด ๆ เบี้ยว ๆ แล้วแม้คนในกองน้ำมันเชื้อเพลิงจะขยันกันสักเพียงใด งานที่ออกมาก็ย่อมที่จะบูด ๆ เบี้ยว ๆ ไปด้วยแน่ ๆ"

ดังนั้นการที่ ปตท. ลงมาเป็นทั้งนักมวยเป็นทั้งกรรมการเช่นนี้ ชัยชนะก็ย่อมเป็นของ ปตท. จึงเปรียบเสมือนหนึ่งคนกุมชะตากรรมวงการนี้

ตัวอย่างอันหนึ่งที่ชี้ชัดก็คือ การห้ามนำเข้าแก๊สปิโตรเลียมเหลวเมื่อต้นปี 2528 ของกระทรวงพาณิชย์ ใครจะปฏิเสธบ้างว่าการห้ามนำเข้าครั้งนั้นไม่ได้ผลมาจาก ปตท.

ปลายปี 2527 ปตท. สร้างโรงแยกแก๊สหน่วยที่ 1 เสร็จก็ประกาศออกมาว่าเมื่อโรงงานแยกแก๊สนี้เดินเครื่อง เราก็จะมีแก๊สปิโตรเลียมเหลวเพียงพอที่จะใช้ภายในประเทศโดยที่ไม่จำเป็นต้องนำเข้าอีก เมื่อโรงแยกแก๊สเริ่มเดินเครื่องในปี 2528 บริษัทรายย่อยทั้งหลายที่เคยเอนจอยอยู่กับการนำเข้าแก๊สแอลพีจี. ต่างก็พากันกระอักเลือด ไม่เว้นแม้แต่ เชลล์และคาลเท็กซ์ ที่นำเข้าแก๊สเช่นกัน เอสโซ่เป็นเพียงบริษัทเดียวที่ยิ้มออกได้ เนื่องจากเอสโซ่มีโรงกลั่นน้ำมันดิบของตัวเองอยู่แล้ว เอสโซ่จึงไม่กระทบกระเทือนต่อการห้านนำเข้าครั้งนี้ เนื่องจากแก๊สปิโตรเลียมเหลวก็คือส่วนเหลือ (WASTE) จากการกลั่นน้ำมันดิบนั้นเอง

แหล่งข่าวระดับสูงคนเดิม ได้ให้ทัศนะต่อเรื่องนี้กับผู้จัดการว่า

"อย่าว่าแต่บริษัทรายย่อยเลยที่จะเลิกค้าแก๊สกัน แม้แต่เชลล์ แม้แต่คาลเท็กซ์เองเขาก็ค้าไปเพื่อรักษาตลาดไว้อย่างนั้นแหละ เขาก็อยากจะเลิกค้าแก๊ส เพราะการถูกห้ามนำเข้า การที่เขาต้องซื้อแก๊สจาก ปตท. นั่นก็เท่ากับว่า เขาต้องเป็นเอเย่นต์ให้กับ ปตท. ไปโดยปริยาย ซึ่งความจริงเราก็ไม่มายด์หรอกกับการที่จะเป็นเอเย่นต์ให้กับเขา แต่นี่ ปตท. ให้เรากิโลละ 3 สตังค์ คุณลองคิดดูเวลาคุณเติมแก๊สให้กับรถยนต์ มันต้องมีส่วนหนึ่งล่ะที่หายไป แล้วใครมันจะคุ้มก็ไม่ว่ากันหาก ปตท. อยากจะค้าแต่ผู้เดียว

นั่นเป็นตัวอย่างหนึ่งที่ ปตท. ได้และ ปตท. จะทำอย่างไรกับน้ำมันต่อไปอีกก็ต้องรอดูกันต่อไป

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us