Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา มีนาคม 2553
ชีวิตที่มืดและสว่างของเท็ด เทอร์เนอร์ (ตอนที่ 4)             
โดย มานิตา เข็มทอง
 


   
search resources

Ted Turner




ความทะเยอทะยานของเท็ดมิได้อยู่แค่การก่อตั้ง CNN สถานีโทรทัศน์แห่งแรกของสหรัฐฯ ที่เสนอข่าว 24 ชั่วโมง เมื่อปี 1980 จากนั้นไม่นานเขาพยายามเข้าซื้อกิจการของสถานีใหญ่ CBS แต่ไม่สำเร็จ ต่อมาในปี 1986 เขามีโอกาสซื้อกิจการของ MGM/UA (Metro-Goldwyn-Mayer Inc. และ United Artists) ซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ภาพยนตร์และการ์ตูนจำนวนมาก จาก Kirk Kerkorian ด้วยมูลค่าสูงถึง 1.4 พันล้านเหรียญ จากนั้นได้ขาย United Artists กลับคืนให้ Kirk ด้วยมูลค่า 480 ล้านเหรียญ มูลค่าการลงทุนครั้งนั้นไม่ได้หยุดแค่พันล้านเหรียญ เนื่องจาก MGM มีหนี้จำนวน 600 ล้าน เหรียญ รวมกับหนี้อื่นของเทอร์เนอร์บรอดแคสติ้งทำให้บริษัทเป็นหนี้สูงถึง 2 พันล้านเหรียญหลังจากเข้าซื้อกิจการ MGM ภายในปีเดียวกันนั้นเทอร์เนอร์ฯ ต้องขาย กิจการอีกหลายส่วนคืนให้ Kirk ในราคาที่ต่ำกว่าที่ซื้อมา นับเป็นดีลที่สร้างปัญหาให้กับเท็ดและบริษัทอย่างมาก รวมกับผลขาดทุนของรายการแข่งขันโอลิมปิกนอกฤดูกาล หรือ Goodwill Games ที่เท็ดจัดขึ้นเพื่อสนับสนุนนักกีฬาโอลิมปิก หลังจากสหรัฐฯ และประเทศ อื่นๆ อีก 64 ประเทศคว่ำบาตรการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อนปี 1980 ที่จัด ณ กรุงมอสโค ในยุคสงครามเย็น ไม่ได้ช่วยให้สถานะของบริษัทดีขึ้น

เท็ดหาทางออกด้วยการคิดสร้างช่องใหม่เพื่อสร้างรายได้ให้แก่บริษัท โดยในปี 1988 เขาประกาศเปิดตัว TNT (Turner Network Television) สถานีใหม่ประเดิมออกอากาศภาพยนตร์คลาสสิกจากคอลเลกชั่น MGM เรื่อง Gone with the Wind ซึ่งเป็นภาพยนตร์ โปรดของเท็ด นอกจากนั้นยังมีแผนออกอากาศรายการ ใหญ่ เช่น โอลิมปิก งานประกาศรางวัลออสการ์ งานประกาศรางวัลเอมมีส์ งานประกวดนางงามมิสอเมริกา และการแข่งขันเทนนิสวิมเบิลดัน เป็นต้น นอกจากนั้น เท็ดยังสั่งการให้นำภาพยนตร์เก่าขาวดำมาทำใหม่เป็นภาพยนตร์สี ซึ่งสร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่ไม่สู้ดีนักจากบรรดาคนทำภาพยนตร์ แต่เนื่องด้วยเทอร์เนอร์บรอดแคสติ้งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ในเครือ MGM จึงไม่มีใครสามารถหยุดได้ เท็ดกล่าวว่าเป็นทางเลือกใหม่ๆ ให้กับผู้ชม หากใครต้องการชมแบบขาวดำก็ยังคงทำได้ด้วยการปรับลดสีลง ครบรอบปีแรกของ TNT มีสมาชิกถึง 50 ล้านครัวเรือน สร้างรายได้จากค่าสมาชิกสูงถึง 100 ล้านเหรียญ ยังไม่รวมรายได้จากสปอนเซอร์

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า TNT จะช่วยกู้สถานการณ์ สร้างรายได้ให้แก่บริษัท แต่เท็ดยังคงไม่ล้มเลิกความคิดในการเทกโอเวอร์กิจการ เขาเริ่มมองหาดีลใหม่ เขาต้องการซื้อ FNN ซึ่งเป็นสถานีข่าวธุรกิจ เพื่อตัดหน้า NBC ที่ต้องการซื้อเช่นเดียวกัน แต่คณะกรรมการของเทอร์เนอร์บรอดแคสติ้ง ไม่ปล่อยให้การตัดสินใจอยู่ในมือของเท็ดอีกต่อไป เขาเสียดายดีลนี้มาก ในที่สุด NBC ซื้อ FNN ด้วยราคาเพียง 100 ล้านเหรียญ และเปลี่ยนชื่อเป็น CNBC ที่ประสบความสำเร็จ ขณะเดียวกัน แม้ว่าจะไม่ได้ซื้อ FNN ตามต้องการ แต่ผลการดำเนินงานของบริษัทเป็นที่น่าพอใจ หุ้นของเทอร์เนอร์บรอดแคสติ้งมีราคาสูงอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเริ่มต้นปี 1990 หุ้นในสัดส่วนของเท็ดมีมูลค่าสูงถึง 1 พันล้านเหรียญ เท็ดรู้สึกภูมิใจในความสำเร็จของเขามากที่สามารถมาถึงจุดนี้ได้ขณะที่อายุยังน้อย อีกทั้งยังมีโอกาสข้างหน้าอีกมากมาย การทำธุรกิจของเท็ดถือเป็นเกมการแข่งขันอย่างหนึ่ง เขาทำธุรกิจเพื่อพิสูจน์ว่าเขาสามารถทำได้ และสามารถชนะเป็นหนึ่งได้ แม้เขาจะไม่เคยคิดว่าเขาทำธุรกิจเพื่อเงิน แต่เขายอมรับว่า "มันเป็นความรู้สึกที่ดีที่กลายเป็นเศรษฐีพันล้าน"

นอกเหนือจากโชคแล้ว บุคคลิกส่วนตัวในการเป็นคนบ้าบิ่น กล้าได้กล้าเสีย มีพลังไม่มีวันหยุดนิ่ง ประกอบกับการคิดถึงอนาคตมากกว่าอดีต มุ่งที่จะเคลื่อนไปข้างหน้ามากกว่าหยุดนิ่งหรือถอยหลัง เขาจะไม่ยอมเสียเวลากับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่น เขาไม่เคยใส่รองเท้าที่ต้องผูกเชือก เพราะเขาคิดว่า เอาเวลาที่ต้องผูกเชือกรองเท้าไปทำอย่างอื่นที่สร้างประสิทธิผลดีกว่า นอกจากนั้นการมีทีมงานผู้ช่วยที่ดีเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จ เหมือนการแข่งเรือซึ่งไม่สามารถสำเร็จได้เพียงคนเดียว แต่ต้องมีทีมที่รู้หน้าที่ในการจัดการงานให้ลุล่วงไปได้ เขากล่าวว่า การบริหารกิจการของเขาก็เหมือนการแข่งเรือ เขาต้องสรรหา ทีมงานที่มีคุณภาพที่สุด เพื่อทำให้บริษัทหรือเรือไปถึงจุดมุ่งหมาย โดยมีเขามองดูอย่างใกล้ชิดในการกำหนดกลยุทธ์และการเคลื่อนไหว ทั้งหมดนี้ถือเป็นเคล็ดที่ไม่ลับของเท็ด เทอร์เนอร์ในการที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จ

อย่างไรก็ตาม เท็ดประสบความสำเร็จในธุรกิจ แต่ไม่ใช่เรื่องของครอบครัว เขายอมรับว่า สิ่งที่บิดาเขาพร่ำสอน นั้นไม่ถูกต้องเสมอไป เขาจำได้ว่า บิดาเขากล่าวว่า "ลูกผู้ชาย ที่แท้จริง ต้องไม่หยุดนิ่ง" แม้ว่ามันสายไปสำหรับเขาที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่กับลูกๆ ของเขา เขาสนับสนุนให้เชื่อ ฟังคำแนะนำของเขา แต่ไม่ให้ทำตามในเรื่องของความสัมพันธ์ ระหว่างชายหญิง เท็ดพยายามประคับประคองชีวิตแต่งงานของเขาให้ราบรื่น แต่ไม่สำเร็จ ครั้งแรกระหว่างเขากับจูดี้ ที่อยู่ด้วยกันเพียง 3 ปี มีลูกสาวลูกชายอย่างละ 1 คน ครั้งที่สองกับเจนี่ แม้ว่าจะอยู่ด้วยกันยาวนานถึง 20 ปี และมีลูกด้วยกันถึง 4 คน แต่ก็ไม่ราบรื่น ในที่สุดแยกทางกันหลังลูกๆ เริ่มโตกันแล้ว จากนั้นไม่นาน เท็ดเริ่มความสัมพันธ์ครั้งใหม่กับเจน ฟอนด้า ดาราดังแห่งฮอลลีวูด ซึ่งเธอได้ชื่อว่า "เป็นผู้หญิงที่ทำให้เท็ดเชื่องได้" กระนั้นชีวิตคู่ของเท็ดและเจนยาวนาน เพียง 10 ปี ทั้งสองแยก ทางอย่างเป็นทางการในปี 2000

นอกเหนือจากธุรกิจและความรักแล้ว เท็ดยังมีงานอดิเรกอย่างหนึ่งคือ การสะสมผืนดิน หมายถึงทุ่งเลี้ยงสัตว์ที่เขาซื้อสะสมไว้ เริ่มจากทุ่งบาร์นันในมอนทานา ต่อมาเขาขยายอาณาจักรซื้อทุ่งไฟล์อิ้งดีเพิ่ม ยังไม่รวมสวนในเซาท์แคโรไลนาในทาลลาแฮซซี่ ฟลอริดา บ้านและที่ดินในบิ๊กเซอร์ แคลิฟอร์เนีย เบ็ดเสร็จเท็ดเป็นเจ้าของผืนดินกว่า 2 ล้านเอเคอร์ทั้งอเมริกา เท็ดต้องการปรับผืนดินเหล่านี้ให้กลับไปคงสภาพเหมือนเมื่อ 150 ปีก่อนที่ชาวอินเดียนท้องถิ่นจะถูกบุกรุก ต้องการอนุรักษ์ แผ่นดินส่วนนี้เป็นทุ่งเป็นป่าแบบธรรมชาติอย่างที่เคยเป็น ป้องกันการถูกทำลายจากความศิวิไลซ์ เพื่อลูกหลานในอนาคต การจะทำให้ทุ่งอุดมสมบูรณ์เหมือนในอดีตจำเป็นต้องมีสัตว์ป่านานาชนิดเป็นฝูงใหญ่ หนึ่งในนั้นคือวัวไบซัน ที่ใกล้จะสูญพันธุ์ เท็ดจึงพยายามสงวนพันธุ์สัตว์ป่าคู่อเมริกา เหนือชนิดนี้ไว้ ฟาร์มไบซันของเขามีสมาชิกกว่า 50,000 ตัว แล้ว โดยฟาร์มไบซันของเท็ดนอกจากจะทำเพื่อเป็นการเพิ่ม ประชากรไบซันแล้ว เขายังจำหน่ายเนื้อไบซันเพื่อการบริโภค อันเป็นที่นิยมไม่แพ้เนื้อวัวธรรมดาอีกด้วย

ในปี 1997 เท็ดซื้อผืนดินที่อุดมไปด้วยลำน้ำและแมกไม้ในอาร์เจนตินา ซึ่งมีปลามากมายให้เขาตกในช่วงฤดูหนาวที่อเมริกา การเป็นเจ้าของผืนดินจำนวนมหาศาลนี้ ทำให้เท็ดรำลึกถึงชีวิตในวัยเยาว์ที่เขาใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับธรรมชาติ ยิงนก ตกปลา กับจิมมี่ บราวน์ พี่เลี้ยงคนสนิทที่เป็นเหมือนทั้งเพื่อนและพ่อในเวลาเดียวกัน การอยู่กับธรรมชาติเป็นการเยียวยาความโดดเดี่ยวอ้างว้างแก่เท็ด มาจวบจนทุกวันนี้ ธรรมชาติเป็นเสมือนเพื่อนแท้ที่ไม่เคยทิ้งกัน หากใครยังจำภาพยนตร์เรื่อง Gone with the Wind ได้ คงจะจำประโยคหนึ่งที่ Gerald O'Hara พูดกับ Scarlett ผู้เป็นลูกสาวว่า "ทำไมผืนดินจึงเป็นเพียงสิ่งเดียวที่มีค่าพอ ที่จะยอมลงแรงเพื่อ ยอมต่อสู้เพื่อ ยอมตายเพื่อ เพราะว่ามันเป็นเพียงสิ่งเดียวที่จะยังคงอยู่ต่อไป" เป็นบทสนทนาจาก ภาพยนตร์เรื่องโปรดของ Ted อันเป็นแรงบันดาลใจให้เขากลายเป็นผู้ครอบครองและอนุรักษ์แผ่นดินสหรัฐฯ ผืนใหญ่ที่สุด รวมไปถึงบางส่วนในอาร์เจนตินาด้วย   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us