Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กันยายน 2529








 
นิตยสารผู้จัดการ กันยายน 2529
ชวลิต เตชะไพบูลย์ คนรวยใจไม่ดำ             
 


   
search resources

ชวลิต เตชะไพบูลย์




ถ้าคนอย่างชวลิต เตชะไพบูลย์ จะต้องการใช้ชีวิตอย่าง "เจ็ทเซ็ท" คนหนึ่งนั้น ก็คงไม่ใช่เรื่องยาก เพราะการเกิดในครอบครัว "เตชะไพบูลย์" ที่ร่ำรวยและเป็นปึกแผ่นมาหลายชั่วอายุคนก็ย่อมทำให้ เขาสามารถเสวยสุขไปได้อีกหลายชาติอยู่แล้ว

และก็คงไม่มีใครติฉินนินทาเสียด้วยซ้ำ

แต่นั่นก็คงจะไม่ใช่วิถีทางของชวลิต

วิถีทางของชวลิตนั้น เป็นวิถีทางของการเสียสละความสุขความสบายพร้อมกับกระโดดเข้ารับใช้ชาติและสังคมโดยตรง ซึ่งคนที่รู้จักชวลิตก็จะทราบว่าชวลิตมีจิตสำนึกเช่นนี้มานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อเขาตัดสินใจเข้าสู่เวทีการเมืองด้วยการลงเลือกตั้งในเขตพญาไทที่ผ่านไปสด ๆ ร้อน ๆ นี้

ชวลิตเป็น "เตชะไพบูลย์" คนแรกที่เคยรับราชการเป็นรั้วของชาติ ผ่านการฝึกระเบียบวินัยการกิน การอยู่อย่างเช่นทหารทั่ว ๆ ไป และผ่านการยืนยามหน้ากระทรวงกลาโหมเช่นเดียวกับลูกชาวบ้านมาแล้ว

แต่ก็แปลกที่เมื่อชวลิตลงเล่นการเมือง หลายคนกับคิดว่าเขาถูกส่งเข้ามาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของกลุ่ม?

ชวลิตนั้นเป็นลูกชายของสุเมธ เตชะไพบูลย์ ที่เป็นน้องของประธานแบงก์ศรีนคร-อุเทน เตชะไพบูลย์ เขาเป็นศิษย์เก่ากรุงเทพคริสเตียน จบชั้น HIGH SCHOOL ที่ WILLISTON ACADEMY รัฐแมสซาชูเซทส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นก็ได้ปริญญาตรีทางด้านบริหารธุรกิจจาก BUCKNELL UNIVERSITY PENSYLVANIA, USA และปริญญาโททางด้านการเงินและการบัญชีจาก U.C.L.A.

กลับจากต่างประเทศหมาด ๆ นั้น ชวลิตเริ่มงานแรกด้วยการทำหน้าที่ล่ามอยู่ที่โรงงานน้ำตาลสิงห์บุรี ซึ่งขณะนั้นโรงงานน้ำตาลแห่งนี้ยังเป็นของครอบครัวเตชะไพบูลย์อยู่ เขาเริ่มงานเมื่อปี 2517 ถึงปี 2519 ก็เปลี่ยนงานเข้าไปรับการฝึกตามสาขาวิชาที่ร่ำเรียนมาจริง ๆ กับ CROKER NATIONAL BANK

ปี 2520 เป็นเลขานุการของกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารศรีนคร

"ชีวิตการทำงานในช่วงแรก ๆ ก็ค่อนข้างจะประสบปัญหาบ้าง เพราะเพิ่งจบมาจากเมืองนอกใหม่ ๆ ไปใช้ชีวิตที่เมืองนอกก็นานนับสิบปี นิสัยจึงติดความเสรีมาก ภาษาไทยก็อ่านไม่ค่อยชัด โดยเฉพาะเรื่องระเบียบวินัยผู้ใหญ่เป็นห่วงผมมาก...." ชวลิตเล่ากับ "ผู้จัดการ" อย่างไม่ปิดบัง

สุเมธ ผู้พ่อได้แนะนำให้เขาสมัครเข้ารับราชการทหารและชวลิตก็เห็นดีด้วย

"เหตุผลก็เพราะต้องการฝึกเรื่องระเบียบวินัยมากที่สุด เพราะการจะเป็นผู้นำนั้น ถ้าขาดเรื่องระเบียบวินัยก็คงไม่ทำให้ชีวิตประสบความสำเร็จเป็นแน่และอีกอย่างชีวิตทางด้านธุรกิจเราก็เห็นมาแล้ว ก็อยากดูว่าชีวิตการเป็นทหารจะเป็นอย่างไรบ้างเหมือนกับอีกด้านหนึ่งของเหรียญที่พวกเราไม่เคยเห็นไม่เคยสัมผัส" ชวลิตบอกเหตุผล

ชวลิตเข้ารับราชการทหารเมื่อปี 2521 สังกัดสำนักงานปลัดบัญชีทหาร กระทรวงกลาโหมเขาผ่านการฝึกรักษาดินแดน (รด.) 3 เดือน ใช้ชีวิตอย่างทหารเต็มตัวไม่ว่าจะเป็นการกินอยู่หลับนอนหรือการฝึกภาคสนามที่ต้องเคร่งครัดระเบียบวินัยและคำสั่งของครูฝึก เป็นชีวิตที่ลูกเศรษฐีน้อยคนนักจะได้พบ

แต่สำหรับชวลิต เขาถือว่ามันเป็นการใช้ชีวิตที่คุ้มค่าเอามาก ๆ

ชีวิตการรับใช้ชาติผ่านไป 3 ปี ชวลิตได้รับยศร้อยโทแห่งกองทัพบก เขาตั้งใจว่าจะให้ได้ยศร้อยเอกเสียก่อนค่อยขอปลดประจำการ แต่ก็เผอิญที่ช่วงนั้น (ปี 2523) เป็นช่วงที่กลุ่มเตชะไพบูลย์ร่วมทุนกับอีกหลายกลุ่มก่อตั้งบริษัทสุรามหาราษฎร์ขึ้นทำกิจการเหล้าแม่โขง สุเมธต้องเข้าดำรงตำแหน่งเป็นหัวเรือใหญ่ของสุรามหาราษฎร์ในช่วงนั้นและสุเมธได้ขอร้องลูกชายหัวแก้วหัวแหวน-ร้อยโทชวิต เตชะไพบูลย์ ให้มาช่วยงานในตำแหน่งรองผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด

ชวลิตทำงานที่สุรามหาราษฎร์มาโดยตลอด จนกระทั่งเขาตัดสินใจลงเล่นการเมืองโดยสมัครเข้ารับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในเขตพญาไทของกรุงเทพมหานคร สังกัดพรรคประชาธิปัตย์

ชวลิตนั้น เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์มานานแล้ว

"จากการคลุกคลีกับคนในพรรคก็รู้สึกนโยบายและแนวความคิดเขาดี จึงสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค" เขาชี้แจง โดยบอกด้วยว่า "คนในพรรค" ที่คลุกคลีจนถึงขั้นสนิทสนมที่สำคัญก็เช่น ดร. พิจิต รัตตกุล และ วีระ มุสิกพงศ์ เป็นต้น

การสมัครลงเลือกตั้งของชวลิตก็เป็นเรื่องที่มีการวิจารณ์กันมาก ซึ่งก็อาจจะเป็นเพราะการเลือกตั้งครั้งที่เพิ่งผ่านไปนี้มี "เตชะไพบูลย์" หลายคนลงสมัครพร้อม ๆ กัน ก็เลยเกิดความเชื่อว่าน่าจะเป็นความพยายามที่จะเข้ามาดูแลผลประโยชน์กันอย่างเป็นแผง

แต่สำหรับชวลิตนั้นเหตุผลของเขาก็คือ "อย่างหนึ่งต้องถือว่า บรรยากาศทางการเมืองเป็นใจและพรรคประชาธิปัตย์ก็เป็นพรรคเปิดที่ในระยะหลังนี้ให้ความสนใจนักธุรกิจ และนักเศรษฐศาสตร์ มากเป็นพิเศษ พรรคนั้นตระหนักดีว่าปัญหาเฉพาะหน้าของประเทศในขณะนี้คือปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งโอกาสที่จะแก้ปัญหาก็คือต้องเร่งสร้างบุคลากรทางด้านนี้ให้มาก มันเป็นทิศทางใหญ่ของพรรคและผมก็เป็นส่วนหนึ่งตามทิศทางนี้"

"ถ้าเป็นการเข้ามาเพื่อปกป้องผลประโยชน์แล้ว ไม่ต้องเข้าดีกว่า เพราะเข้ามาแล้วก็หมายถึงการยืนอยู่ในฐานะด่านหน้ามีอะไรเข้ามากระทบต้องโดนก่อน ถ้ามันเป็นอย่างที่เขาโจมตีกันจริง ก็คงไม่ใช่ยุทธวิธีที่ดีหรือฉลาดเป็นแน่" ชวลิตถือโอกาสกล่าวตอบโต้เสียงวิพากษ์วิจารณ์บ้าง

และถ้าจะว่าไปกว่าที่จะสามารถเอาชนะใจประชาชนในเขตพญาไทจนได้รับคะแนนเสียงไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่ง สส. นั้น เบื้องหลังก็คือการเดินตะลุยหาเสียงทุกตรอกซอกซอยเป็นระยะทางหลายร้อยกิโลเมตร

"เราใช้ 3 วิธีคือ วิธีเคาะทุกประตูบ้าน วิธีขึ้นปราศรัย และวิธีที่ 3 ใช้อาสาสมัคร" ชวลิตเล่าให้ฟัง

"การออกเดินหาเสียงตามตรอกซอกซอยนี้นอกจากจะเป็นการได้สัมผัสกับต้นตอปัญหาโดยตรงแล้ว สิ่งที่ผมประทับใจมากก็คือบ้านเรายังเป็นแผ่นดินแห่งรอยยิ้มอยู่ครับ" ชวลิตเล่าถึงบางสิ่งที่เขาได้รับจากการออกตระเวนหาเสียงในเขตพญาไทกับ "ผู้จัดการ"

สำหรับทายาทตระกูลเศรษฐีอย่างร้อยโทชวลิต เตชะไพบูลย์นั้นความตั้งใจที่จะรับใช้สังคมบนเวทีการเมืองของเขาก้าวมาถึงจุดๆ หนึ่งแล้ว

เขายังมีวัยและไฟที่ลุกโชนในหัวใจให้พร้อมที่จะก้าวออกไปข้างนอกอีกอย่างไม่หยุดยั้ง ท่ามกลางสิ่งที่จะต้องท้าทายเขาอีกมาก

ความมั่นคงเด็ดเดี่ยวและคุณธรรมในหัวใจเท่านั้นที่จะเป็นเสมือนประทีบส่องทางให้เขา

ชวลิตด้วยชวลิตนั้นก็คงต้องการจะพิสูจน์อะไรหลาย ๆ อย่าง

แต่อย่างหนึ่งที่หลายคนอยากให้ชวลิตพิสูจน์ที่สุดก็คือเศรษฐนั้นก็ใช่ว่าจะต้องใจดำอำมหิตเสมอไป

ซึ่งถ้าเขาทำสำเร็จก็คงจะมีคนดีมีฝีมืออีกเป็นจำนวนมากที่พร้อมจะประกาศตัวลงเล่นการเมือง ไม่ต้องมานั่งชักใยอยู่ข้างหลังหรือวางเฉยให้เสียชาติเกิดแล้วก็ปล่อยให้ทุกอย่างพินาศไปต่อหน้าต่อตา

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us