|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
บัวทองฯ เผยแผนธุรกิจปีเสือ ระบุไตรมาส3ผุดบริษัทลูก “บัวทอง ดีเวลลอปเม้นท์ ” ทุนจดทะเบียน15ล้านบาท เน้นร่วมทุนคู่ค้าพัฒนาโครการ เพิ่มช่องทางแข่งขัน พร้อมแตกไลน์บริษัท “ บ้านผาสวรรค์ รีสอร์ท และบัวทอง พันธุ์ไม้” ลุยธุรกิจ พันธ์ไม้ -รีสอร์ท พร้อมเปิดตัว2โครงการใหม่รุกตลาดทาวน์เฮาส์จับลูกค้าย่านบางบัวทอง มูลค่ารวมกว่า 325ล้านบาท
นายไพโรจน์ สุขจั่น ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษท บัวทอง พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า หลังจากที่ช่วง1-2ปีที่ผ่านมาธุรกิจอสังหาฯได้รับผลกระทบจากปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจและการเมือง ส่งผลให้ตลาดหดตัลง แต่ในปี53นี้ คาดว่าตลาด
จะเริ่มมีปัจจัยบวกเข้ามาส่งผลให้เกิดการขยายตัวต่อภาคธุรกิจอสังหาให้ปรับตัวดีขึ้น อาทิ ความชัดเจนการก่อสร้างของโครงการรถไฟฟ้าบางเส้นทางแล้ว สถาบันการเงินเริ่มปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ส่วนปัจจัยลบนั้นจะเป็นในเรื่องของภาวะเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มสูงขึ้นทำให้กำลังซื้อบ้านอาจลดน้อยลง และที่สำคัญคือปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง
ทั้งนี้ กลุ่มบัวทองฯ ประมาณการณ์ว่า ปี53 นี้ สถานการณ์ยังไม่น่าไว้วางใจ ถึงแม้ภาพรวมของเศรษฐกิจจะมีแนวโน้มดีขึ้นก็ตาม จึงตั้งเป้าหมายธุรกิจรับบริหารงานขายและวางแผนการตลาดแบบครบวงจร ของกลุ่มบริษัท บัวทอง พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด จาก 3 บริษัทฯ ได้แก่ บริษัท บัวทอง พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด , บริษัท บัวทอง มาร์เก็ตติ้ง แอนด์ เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด และ บริษัท บีที สมาร์ท พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ไว้ที่ 2,500 ล้านบาท
สำหรับ บริษัท บัวทอง แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจพัฒนาโครงการมีแผนจะพัฒนาโครงการใหม่2 โครงการ ซึ่งจะทำให้ในปีนี้ บริษัทมีโครงการเปิดขายรวม 4โครงการ มูลค่ารวม1,000 ล้านบาท ประกอบด้วยโครงการ ทิพย์
พิมาน บ้านริมคลอง บางบัวทอง โครงการทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้นรวม 147 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 330 ล้านบาท ซึ่งมีขายยอดขายแล้ว74 กว่ายูนิต โครงการทิพย์พิมาน บ้านริมน้ำ บางบัวทอง โครงการทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น รวม 113 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 252 ล้านบาท ขณะนี้มียอดขายแล้ว 10 % ส่วนโครงการใหม่จะเปิดตัวในไตรมาส 2 โดยจะพัฒนาโครงการใหม่อีก 1 โครงการในย่านบางบัวทอง มูลค่าโครงการประมาณ 100 ล้านบาท
ส่วน ไตรมาส 3 และ 4 ได้วางแผนพัฒนาอีก 1 โครงการซึ่งอยู่ในโซนเดียวกันมูลค่าโครงการ350 –400 ล้านบาท นอกจากนี้ในไตรมาส 2 กลุ่มบัวทองฯ จะ เปิดตัวบริษัทน้องใหม่ ภายใต้ชื่อ “บัวทอง ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด” ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการยื่นจดทะเบียน ด้วยทุนจดทะเบียน 15 ล้านบาท โดยมีนโยบายเน้นการดำเนินธุรกิจร่วมทุนพันธมิตรทางธุรกิจใน
การพัฒนากับโครงการ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน และยังแตกไลน์เพิ่มเติมในส่วนของต้นไม้และรีสอร์ท ซึ่งตอนนี้กำลังฟอร์มทีมงานอยู่ ภายใต้ชื่อ บ้านผาสวรรค์ รีสอร์ท และบัวทอง พันธุ์ไม้ ซึ่งได้ประเดิมออกบู๊ธขายที่งานเกษตร แฟร์ เป็นครั้งแรก
“ขณะนี้ กลุ่มบัวทองฯ มีโครงการที่รับบริหารการขายและวางแผนการตลาดจำนวน13โครงการ โดยมีโครงการประมาณ 3 – 5 โครงการ อยู่ในช่วงเจรจา และปสรุปข้อตกลงสัญญา และตั้งเป้าว่าจะรับบริหารโครงการเพิ่มเป็น 30 – 35 โครงการ โดยเน้นรับโครงการที่มีศักยภาพทุกด้าน
นายไพโจรน์ กล่าวว่า สำหรับภาพรวมของตลาดอสังหาฯในปีที่ผ่านมา ถือว่าเป็นปีที่ธุรกิจต่างๆ ต้องรับมือกับปัญหาอย่างหนัก โดยเฉพาะปัญหาการเมือง ซึ่งเป็นปัจจัยลบ ทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้รับผลกระทบ ประชาชนไม่มีกำลังซื้อ และขาดความเชื่อมั่น ทำให้มีผลต่อการชะลอการตัดสินใจซื้อ
อย่างไรก็ตาม กลุ่มบัวทองฯ แม้จะได้รับผลกระทบจากปัญหาดังกล่าวด้วย แต่ เนื่องจาก เป็นบริษัทรับบริหารงานขายและวางแผนการตลาดโครงการครบวงจร ทำให้มีสินค้าหลากหลายรูปแบบ เช่น บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ คอนโดมิเนียม มีหลายทำเล หลายระดับราคา ทำให้ยอดขายภาพรวมตกลงไม่มาก นอกจากนี้ กลุ่มบัวทองฯ ยังมีเงินทุน
สำรองของบริษัทฯ ในการบริหารงาน ทำให้ใช้เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินเล็กน้อยในโครงการ ที่พัฒนาโครงการเอง ทำให้กลุ่มบัวทองฯ ผ่านช่วงวิกฤติมาได้
ขณะที่ช่วงครึ่งปีหลังของปี52 ปัญหาต่างๆ คลี่คลายเบาบางลง ทำให้ประชาชนเริ่มเชื่อมั่นในเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น รวมถึงภาครัฐบาลยังช่วยเหลือธุรกิจอสังหาฯ ด้วยการต่ออายุมาตรการทางภาษีไปสิ้นสุดที่ 28 มี.ค.53ประกอบกับการปรับตัว ปรับกลยุทธ์ของทีมงาน จึงทำให้กลุ่มบริษัทบริหารการขาย ทั้ง 3 บริษัท สามารถสร้างยอดขายรวมกว่า 2,700 ล้านบาท หลังหักยอดยกเลิกแล้วเหลือยอดสุทธิที่ 2,156 ล้านบาท ตกเป้าไป14%
อย่างไรก็ตามในปี53นี้หลายๆหน่วยงานได้คาดการณ์สถานการณ์ตลาดอสังหาฯว่า จะเริ่มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น โดยกำลังซื้อยังคงมาจากกลุ่มผู้บริโภคที่มีความพร้อมและมีความจำเป็นในการซื้อที่อยู่อาศัยเป็นหลัก โดยเฉพาะในช่วงไตร
มาสแรกของปี53 อาจมีปัจจัยเร่งการตัดสินใจซื้อจากมาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียม ที่จะสิ้นสุดลงในวันที่ 28 มี.ค.53 ซึ่งครม.มีมติว่า จะไม่ต่ออายุมาตราการต่างๆ ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวจะเป็นโอกาสที่ผู้ประกอบการที่มีที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จในสต็อก หันมาเร่งทำการตลาดกระตุ้นยอดขาย เพื่อระบายสินค้า
|
|
|
|
|