|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ไทยเบฟฯ อัดฉีดงบ 500 ล้านบาท ลุยตลาดชูกำลังครั้งแรกรอบ 2 ปีหลังซื้อกิจการ ปั้นแรงเยอร์โค่นบัลลังก์คาราบาวแดง 3 ปี กวาดแชร์มากกว่า 10% ชูศักยภาพการกระจายสินค้าร้านค้าปลีก 2.8 แสนแห่ง เอเยนต์ 800 แห่ง ยกเครื่องครั้งใหญ่รอบกว่า 10 ปี ปรับรสชาติ แพกเกจ มัดใจผู้ใช้แรงงานรุ่นใหม่ ควงโปรโมชันรับสมรภูมิรบชิงโชคเดือด สิ้นปีนี้แชร์เพิ่มจาก 3% เป็น 5%
นายมารุต บูรณะเศรษฐกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มชูกำลังแรงเยอร์ เปิดเผยว่า บริษัทได้วางแผนดำเนินการตลาดเชิงรุกเครื่องดื่มชูกำลังแรงเยอร์ในระยะยาว 3-5 ปี ด้วยการทุ่มงบเกือบ 500 ล้านบาท โดยปีนี้บริษัทปรับโฉมเครื่องดื่มชูกำลังแรงเยอร์ใหม่ ทั้งรสชาติ บรรจุภัณฑ์ฉลาก ภายใต้คอนเซปต์เดิม “แรงใจไม่มีวันหมด” เพื่อให้มีความทันสมัยและสอดรับกับกลุ่มเป้าหมายผู้ใช้แรงงานอายุ 25-54 ปี จากเดิมฐานลูกค้ามีอายุ 35 ปีขึ้นไป ซึ่งนับว่าเป็นการดำเนินการตลาดครั้งแรกในรอบ 2 ปี หลังจากที่บริษัทได้เข้าซื้อกิจการเมื่อเดือนมีนาคม 2551
ทั้งนี้ปัจจัยที่ทำให้ไทยเบฟฯ ได้ตัดสินใจซื้อเครื่องดื่มชูกำลังแรงเยอร์ และกาแฟกระป๋องพร้อมดื่มแบล็คอัพ เพื่อต้องการขยายธุรกิจจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาสู่เครื่องดื่มปราศจากแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้น หรือกลายเป็นผู้ดำเนินธุรกิจเครื่องดื่มอย่างครบวงจร
อย่างไรก็ตามใน 1-2 เดือนข้างหน้านี้ บริษัทจะพิจารณาเลิกทำตลาดกาแฟกระป๋องพร้อมดื่มแบล็คอัพ เนื่องจากตลาดแข่งขันรุนแรง และปีนี้วางแผนเปิดตัวเครื่องดื่มใหม่ 4-5 รายการ โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้กลุ่มเครื่องดื่มปราศจากแอลกอฮอล์สิ้นปีนี้ไว้ที่ 2,000 ล้านบาท จากเมื่อปีที่ผ่านมา 1,400 ล้านบาท ขณะที่รายได้โดยรวมกว่าแสนล้านบาท
สำหรับกลยุทธ์การตลาดเครื่องดื่มชูกำลังแรงเยอร์ ในปีนี้บริษัทมุ่งเน้นการกระจายสินค้าให้ครอบคลุมเป็นหลัก จากปัจจุบันเข้าถึงช่องทางจัดจำหน่ายเพียง 60% โดยอาศัยการกระจายสินค้าของไทยเบฟฯ ที่มีศักยภาพและแข็งแกร่ง จากการมีเอเยนต์รวม 700-800 ราย และแอคทีฟถึง 500 ราย สามารถเข้าถึงร้านค้าปลีกร่วม 2.8 แสนแห่ง จากทั้งหมด 4 แสนแห่ง โดยบริษัทมุ่งเจาะช่องทางร้านค้าปลีกรายย่อย 90% ที่เหลือ 10% เป็นโมเดิร์นเทรดและร้านสะดวกซื้อ สอดคล้องกับช่องทางจัดจำหน่ายเครื่องดื่มชูกำลังในตลาด แบ่งเป็น ร้านค้าปลีกรายย่อย 80% ส่วนอีก 10% ร้านค้าสะดวกซื้อ และอีก 10% เป็นโมเดิร์นเทรด
ทั้งนี้บริษัทเจาะตลาดภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นหลัก เพราะเป็นตลาดใหญ่สัดส่วน 50% ที่เหลือ 50% เป็นภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ ตามลำดับ ซึ่งปีนี้บริษัทได้เตรียมทุ่มงบกว่า 100 ล้านบาท ภายใต้การทำอะโบฟเดอะไลน์ โดยโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านทางโทรทัศน์ เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่แนวคิดแรงใจจากครอบครัวคือพลังที่ยิ่งใหญ่ เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้าง และการทำบีโลว์เดอะไลน์ หรือการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ลด แลก แจก แถม อาทิ การทำโปรโมชันชิงโชค สอดรับกับการแข่งขันในตลาดที่ผู้ประกอบการเครื่องดื่มชูกำลังแต่ละค่ายงัดการทำแคมเปญชิงโชคกระตุ้นการดื่ม ซึ่งโดยเฉลี่ยเครื่องดื่มชูกำลัง 3 ค่าย คือ M-150, กระทิงแดง และคาราบาวแดง ใช้งบการตลาดแต่ละปี 400-500 ล้านบาท
“แรงเยอร์ทำตลาดมานานร่วม 10 กว่าปี เคยมีส่วนแบ่งสูงถึง 10-15% แต่หลังจากมีการควบคุมการโฆษณาเครื่องดื่มชูกำลัง โดยให้โฆษณาในลักษณะส่งเสริมสังคม ทำให้ส่วนแบ่งลดลงอย่างต่อเนื่องเหลือเป็น 2% จากการที่ไม่ได้มีการทำตลาดอย่างต่อเนื่อง” นายมารุตกล่าว
สำหรับสภาพตลาดเครื่องดื่มชูกำลังนั้นมีมูลค่าประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท มีการเติบโต 1-2% ซึ่งตลาดค่อนข้างจะอิ่มตัว หรือโดยเฉลี่ยตลาดมีมูลค่าราว 1.4-1.6 หมื่นล้านบาท ทำให้การเติบโตของแรงเยอร์ต้องมาจากการช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดเป็นหลัก ซึ่งปัจจัยที่จะทำให้ลูกค้าหันมาดื่มแรงเยอร์ คือ ด้านรสชาติและราคาที่ถูก โดยเป้าหมายภายใน 3 ปี ต้องการให้แรงเยอร์ขึ้นเป็นอันดับ 3 ด้วยการครองส่วนแบ่งจาก 3% เพิ่มเป็นมากกว่า 10% แทนที่คาราบาวแดง ซึ่งมีส่วนแบ่ง 10% ส่วนกระทิงแดง 20% และผู้นำตลาด M-150 ราว 55%
จากการดำเนินการตลาดเชิงรุกปีแรกตั้งเป้าหมายมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 5% หรือมีรายได้เพิ่มจาก 480 ล้านบาท เป็น 750 ล้านบาท
|
|
|
|
|