Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTVผู้จัดการรายวัน22 กุมภาพันธ์ 2553
ตลท.เสี่ยงลุยหุ้น ขยับพอร์ตลงทุน45%             
 


   
search resources

ภัทรียา เบญจพลชัย
Stock Exchange




นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า เงินกองทุนของตลาดหลักทรัพย์ฯณสิ้นปี2552 มีอยู่ประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งคณะกรรมการ(บอร์ด)ตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีการจัดสรรให้สำรองไว้เพื่อชำระราคาส่งมอบหลักทรัพย์ (เคลียร์ริ่ง)ของตลท.และตลาดอนุพันธ์ 50% หรือ 5,000 ล้านบาท ส่วนอีก 50% หรือประมาณ5,000 ล้านบาท นั้นเป็นวงเงินเพื่อใช้ในการลงทุนตราสารหนี้และตราสารทุน

ทั้งนี้ ทางบอร์ดตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีการเห็นชอบให้มีการคงสัดส่วนการลงทุนเหมือนเดิม ตามที่ฝ่ายจัดการได้เสนอมาคือ ลงทุนในหุ้น 45% ลงทุนในกองทุนเพื่อลงทุนต่างประเทศ (FIF) ลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ 5% และอีก 45% ลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ และให้สามารถมีการปรับสัดส่วนลงทุนในทุกการลงทุนให้มีความยืดหยุ่นได้ 20% โดยทุกๆ3เดือนนั้นจะมีการทบทวนเพื่อปรับสัดส่วนการลงทุนให้ได้ผลตอบแทนที่ดี

แหล่งข่าวจากตลาดหลักทรัพย์ฯกล่าวว่า ปีที่ผ่านมาพอร์ตการลงทุนของตลาดหลักทรัพย์ฯมีกำไร 21.8% เนื่องจากภาวะตลาดหุ้นมีการปรับตัวดีขึ้นในช่วงปลายปี โดยในช่วงปลายปีตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีการปรับเพิ่มสัดส่วนเน้นการลงทุนในหุ้นมากขึ้นและการลงทุนในตราสารหนี้ถือว่าให้ผลตอบแทนที่ดีจากมีการบริหารพอร์ตที่ดีได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝาก และตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีการยกเลิกที่จะมีการนำเงินไปลงทุนต่างประเทศเอง แต่จะให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เป็นผู้บริหารให้ จากที่มีความรู้ความชำนาญในการลงทุนมากกว่า โดยจะเป็นการลงทุนผ่านกองทุนFIF

“ผลตอบแทนจากพอร์ตการลงทุนในปีที่ผ่านมาของตลาดหลักทรัพย์ฯนั้นมีการบริหารได้ชนะเบนมาร์คซึ่งมีกำไรพอร์ต 21.8% จากที่ในช่วงปลายปีบริษัทได้มีการปรับเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นเพิ่มจากช่วงดังกล่าว ตลาดหุ้นมีการปรับตัวดีเพิ่มขึ้น และการลงทุนในตราสารหนี้นั้นมีการบริหารที่ดีทำให้มีผลตอบแทนดี โดยสัดส่วนการลงทุนปีที่แล้วนั้นเป็นการลงทุนหุ้นและตราสารทุนต่างๆ 25% และที่เหลือเป็นตราสารหนี้75% ”แหล่งข่าวจากตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าว

สำหรับสินทรัพย์รวมของตลาดหลักทรัพย์ฯณสิ้นปี 2552 ประมาณ 20,000 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นวงเงินรวมในการลงทุนและวงเงินที่ใช้กันไว้เพื่อใช้ในการเคลียร์ริ่งหุ้นและเคลียร์ริ่งของตลาดอนุพันธ์และมีการกันเงินสำรองไว้อนาคต รวมถึงวงเงินพอร์ตการลงทุน และมีเงินที่ได้มีการลงทุนในบริษัทหลักทรัพย์เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ จำกัด (มหาชน)หรือ TSFC และสินทรัพย์ฯที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ฯ

อนึ่งก่อนหน้านี้ นางภัทรียา กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของตลาดหลักทรัพย์ฯในปี2552 ปรับตัวดีขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจาก มูลค่าการซื้อขายของตลาดรวมปีที่ผ่านมาปรับตัวดีขึ้น 13% อยู่ที่ 17,853.82 ล้านบาทต่อวัน จากปี2551 ที่มี 15,869.94 ล้านบาทต่อวัน และพอร์ตการลงทุนของบริษัทดีขึ้นจากการที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งงบการเงินของตลาดหลักทรัพย์ฯขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ คาดว่าจะเสร็จประมาณเดือนกุมภาพันธ์นี้ ส่วนเม็ดเงินที่ตลาดหลักทรัพย์ฯยังไม่ได้ลงทุนในกองทุนร่วมทุน (แมทชิ่งฟันด์) กับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)นั้น ตลท.จะนำไปใช้ในการลงทุนของตลาดหลักทรัพย์ฯด้านอื่นๆแทน   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us