แมคคอนแนลมาจากตระกูลชาวนาในเมืองออสวีโก (Oswego) แห่งนิวยอร์ก เมื่ออายุ
28 ปี แมคคอนแนลเข้าสู่วงการขายโดยการขายหนังสือเอนไซโคพีเดียและมักจะเป็นผู้ที่ทำผลงานขายได้สูงสุดเสมอ
แมคคอนแนลอาศัยความรู้ทางเคมีทดลองผลิตน้ำหอมขึ้นและนำไปมอบเป็นของกำนัลให้แก่เจ้าของบ้านที่เปิดประตูบ้านให้เขาเข้าไปขายหนังสือ
กับทั้งใช้เป็นสิ่งของล่อใจให้เจ้าของบ้านซื้อสินค้า ด้วยเคล็ดลับนี้เอง
ในไม่ช้าแมคคอนแนลจึงได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าพนักงานขาย
ในเวลาต่อมา แมคคอนแนลได้ค้นพบวิธีการส่งเสริมการขายให้ได้ผลยิ่งขึ้น วิธีดังกล่าวคือแทนที่จะใช้พนักงานขายเดินเร่ขายตามบ้าน
แต่แมคคอนแนลกลับให้พนักงานขายในพื้นที่นั้นๆ ขายให้แก่เพื่อนบ้านของเขาแทน
ซึ่งวิธีนี้เขาได้พบว่าพนักงานขายจะพอใจบริการเพื่อนบ้านของเขาเองมากกว่า
นอกจากนั้นแมคคอนแนลยังได้พบว่าการใช้พนักงานขายที่เป็นหญิงจะขายได้ดีกว่าพนักงานที่เป็นผู้ชาย
ทั้ง ๆ ที่ในยุคนั้นต่างมีความเชื่อว่าสถานภาพของผู้หญิงคือแม่บ้านดูแลบ้านและครอบครัวเท่านั้น
แต่แมคคอนแนลกลับไม่เชื่อเช่นนั้น ซึ่งแสดงถึงการเป็นผู้มองเห็นการณ์ไกล
ยอมเสี่ยงที่จะทำสิ่งใหม่ ๆ และในเวลาต่อมาความคิดนี้ก็ได้พิสูจน์ออกมาแล้ว
แมคคอนแนลขายหนังสือพร้อมกับแจกน้ำหอมจนกระทั่งวันหนึ่งจึงเกิดความคิดว่าทำไมจึงไม่ลองหันมาขายน้ำหอมอย่างเอาจริงเอาจังเพียงอย่างเดียว
และในที่สุดเมื่อปี ค.ศ. 1886 ระบบขายเครื่องสำอางโดยตรงโดยเริ่มจากน้ำหอมจึงเกิดขึ้น
แมคคอนแนลเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทเอวอน โพรดัคส์ อิงค์ สหรัฐฯ ขึ้น การเสนอขายสินค้าอันดับแรกและได้รับความนิยมมากที่สุดของเอวอนคือชุดน้ำหอม
และได้เพิ่มชุดขึ้นมาอีกหลายชุด เป็นต้นว่า ชุด Toiletries, Cosmetics และชุด
Skin Care
จะมีใครเคยรู้บ้างไหมว่าเอวอนเคยผลิตสินค้ามามากมาย เช่น น้ำยาขัดเงา-เฟอร์นิเจอร์,
น้ำเชื่อมแก้ไอ, ผงฟู เป็นต้น
หลักอย่างหนึ่งที่เอวอนไม่เคยเปลี่ยนคือความใจกว้างพร้อมที่จะทดลองสิ่งใหม่ๆ
เพื่อขยายธุรกิจออกไปให้มากที่สุด ฉะนั้นเอวอนเมื่อ 100 ปีที่แล้วและเอวอนในปัจจุบัน
จึงมีสิ่งหนึ่งที่คงอยู่และเห็นได้ชัดคือสนับสนุนความคิดใหม่ ๆ และยอมรับความคิดเห็นของคนทุกคนเป็นสิ่งสำคัญ