Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กุมภาพันธ์ 2529








 
นิตยสารผู้จัดการ กุมภาพันธ์ 2529
“อัศวินวิจิตร” อยากเล่น FINANCE !             
 


   
search resources

กรพจน์ อัศวินวิจิตร
Financing
อวยชัย อัศวินวิจิตร




อัศวินวิจิตร เป็นที่รู้จักกันดีในวงการส่งออกข้าว โดยเริ่มจากอดีตเมื่อนับถอยหลังไปเกือบ 20 ปีแล้ว

อวยชัย อัศวินวิจิตร-หัวหน้าครอบครัวอัศวินวิจิตร เริ่มไต่เต้าจากทำงานเป็นลูกจ้างโรงสีแถวภาคเหนือของประเทศ จนมาถึงถนนทรงวาด เป็นคนกลางขายข้าวหรือที่เรียกกันว่า “หยง”

เมื่อปี 2511 บริษัทแสงทองค้าข้าว (1968) ก็เกิดขึ้น และในเวลาต่อมาก็มีบริษัทในเครือเกิดตามกันมาอีกประมาณ 3 บริษัท คือ สินชัยคอมมอดิตี้ แสงทองอินเตอร์เนชั่นแนล และทองไทยค้าข้าว โดยธุรกิจหลักคือธุรกิจเดียวที่ดำเนินงานคือส่งออกข้าวและข้าวโพด

ในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมาแสงทองฯ โด่งดังมาก กระทั่งได้รับการขนานนามว่า “เจ้าพ่อข้าวนึ่ง” เพราะนอกจากจะเป็นผู้ส่งออกข้าว 1 ใน5 อันดับแรกแล้ว ยังเป็นผู้ส่งออกข้าวนึ่งอันดับ 1 ของประเทศไทยก็ว่าได้ โดยเฉพาะตลาดในประเทศด้อยพัฒนาแถบแอฟริกาหรือเอเชียตะวันตก แสงทองฯ เดินเข้าออกเป็นว่าเล่น

สไตล์การค้าของกลุ่มนี้ วิเคราะห์กันว่าลุ่มลึกเกาะติดลูกค้าเป็นตลาดๆ ไปชนิดถึงลูกถึงคนประสานการฉาบโฉบอย่างรวดเร็ว รับออร์เดอร์นาน ๆ ครั้ง ครั้งละมาก ๆ

กรพจน์ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของอวยชัย อัศวินวิจิตร กล่าวหลายครั้งในปี 2528 ว่า “เราไม่ชอบเสี่ยงในการทำธุรกิจ การค้าข้าวยุคนี้เสี่ยงเหลือเกิน”

ถึงแม้กรพจน์จะไม่ขยายความก็พอจะเข้าใจได้ไม่ยาก เรื่องที่ไม่ชอบเสี่ยงหรือไม่ชอบหวือหวานั้น ที่ผ่านมากลุ่มแสงทองฯ ได้ชื่อว่านักเสี่ยงคนหนึ่ง แต่อาจจะเริ่มเปลี่ยนแนวคิดซึ่งเป็นที่เข้าใจว่าแท้ที่จริงก็คือ ธุรกิจนี้เสี่ยงเอามาก ๆ ตั้งแต่ Demand-Supply ที่ไม่สามารถควบคุมและหยั่งรู้ได้ตามที่ต้องการจะรู้ และที่สำคัญประการหนึ่งนโยบายของรัฐบาลไทยเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็เสี่ยงน่าดูชม อยู่ดี ๆ เปลี่ยนรัฐมนตรี ทุกอย่างก็หมุน 180 องศา มาปรับตัวและเริ่มต้นกันใหม่อย่างที่เห็นและเป็นอยู่

กลุ่มแสงทองฯ หรืออัศวินวิจิตรเริ่มมีทายาท 2 คนที่ข้ามน้ำข้ามทะเลไปศึกษายังต่างประเทศเดินทางกลับมา

สำหรับกรพจน์ หลังจากที่เรียนจบเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แล้ว ก็ไปเรียน MBA ที่ Southern California U. ที่ลอสเองเจลิส หลังจากจบใช้เวลาฝึกงานที่ Investment Banker อีก 8 เดือน และเดินทางกลับประเทศไทยเมื่อปลายปี 2525

เขากลับมาพร้อมสูตรสำเร็จสำหรับ MBA ว่าช่องทางธุรกิจที่จะ diversified ซึ่งดูมั่นคงและมีอนาคตไกลมี 6 ประเภทด้วยกัน หนึ่ง-การขุดเจาะน้ำมัน ซึ่งเป็นธุรกิจที่ต้องลงทุนมาก กรพจน์ว่ามีทุนไม่พอ สอง-ด้าน Advance Technology ก็ต้องวิ่งให้ทันการเปลี่ยนแปลงของโลก เป็นเรื่องหนักใจมาก สาม-สายการบิน แต่สำหรับบ้านเราถูกผูกขาดไว้เรียบร้อยแล้ว สี่-อุตสาหกรรมรถยนต์ บ้านเรามีนักลงทุนมากเหลือเกินและแข่งขันกันมาก”

ดังนั้นก็เหลือ 2 ประเภทสุดท้ายคือ ประกันชีวิตหรือประกันภัย และธนาคาร

สูตรดังกล่าวนี้จะไม่เกิดขึ้นเลย หากไม่มีทุนที่พ่อของเขา-อวยชัย อัศวินวิจิตร สร้างขึ้นมา ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา

เมื่อ 2 สิ่งประสานกัน อัศวินวิจิตรก็เดินเครื่อง!

อัศวินวิจิตรเริ่มงานพร้อมๆ กัน ต้นปี 2526 เริ่มระดมซื้อหุ้นไทยเศรษฐกิจประกันชีวิตในช่วงที่เหมาะสมเหลือเกินที่แยกตัวออกจากกิจการประกันภัย สำหรับแบงก์ยุคนั้นยุทธวิธีของอัศวินวิจิตรก็คือการ “แทรก” ตัวเข้าไป (บ้านเราไม่มีทางจะตั้งใหม่) โดยจับแบงก์ที่เล็กที่สุดก่อน

อัศวินวิจิตรซื้อหุ้นในแหลมทองได้ประมาณ 3 % จากกลุ่มสมบูรณ์ นันทาภิวัฒน์ ผ่านทางวาณิช ไชยวรรณ แห่งไทยประกันชีวิต แต่เนื่องจากแบงก์นี้มีปัญหาขัดแย้งระหว่างสมบูรณ์ กับสุระ ดูไม่รู้จบง่ายๆ อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ จึงยุติการรุกคืบหน้า โดยคงหุ้น 3% ไว้ จนกระทั่งเมื่อปลายปี 2528 ได้ตัดสินใจขายให้สุระ “ก็เพราะราคามันดี” แหล่งข่าวใกล้ชิดอัศวินวิจิตร กล่าว

ห้วงเวลาเดียวกันนั้นก็มุ่งหน้าไปยังสหธนาคาร ใช้เวลาระดมซื้อตลอดมาทั้งจากตลาดหลักทรัพย์ฯ จากตระกูลเพ็ญชาติ และแม้กระทั่งจากชลวิจารณ์เอง ถึงต้นปี 2528 อัศวินวิจิตรมีหุ้นในแบงก์นี้ประมาณ 2.7 แสนหุ้นหรือประมาณ 11%

และอีก 3-4 เดือนต่อมา อวยชัยจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการแบงก์สหธนาคาร

ผู้สันทัดกรณีวิจารณ์บทบาทของอัศวินวิจิตรว่า ในด้านแบงก์ยากจะรุกคืบไปได้มากกว่าที่เป็นอยู่ “เพ็ญชาติกับชลวิจารณ์คงไม่ยอมแน่ๆ โดยเฉพาะคุณบรรเจิดประกาศอยู่ตลอดเวลาว่าจะอยู่กับแบงก์นี้ไปตลอดชีวิต เพราะเขาไม่มีธุรกิจอื่นอีกแล้ว”

ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่า จุดมุ่งของอัศวินวิจิตรวันนี้ก็ต้องมาอยู่ที่ไทยเศรษฐกิจประกันชีวิตแห่งนี้

ที่นี่จะเป็นรากฐานธุรกิจของอัศวินวิจิตรแห่งใหม่!

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us