เจ้าของประโยคข้างบนนี้ก็คือ ตามใจ ขำภโต ที่พูดในงานเลี้ยงที่กรรมการสหภาพแรงงานพนักงานกรุงไทยจัดเลี้ยงส่งให้ที่ห้องอาหารฮ่องเต้
โรงแรมแอมบาสเดอร์ เมื่อเที่ยงวันที่ 21 มกราคม 2529
คำพูดข้างต้นคงสามารถสะท้อนความรู้สึกของผู้พูดได้เป็นอย่างดีว่าน้อยเนื้อต่ำใจเพียงใด
เวลา 10 ปีที่นั่งในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ของธนาคารกรุงไทย มีลูกน้องบริวารแหนล้อมอยู่ไม่ขาด แม้แต่ผู้บริหารระดับผู้จัดการฝ่ายบางคน
ก็ยังเคยกุลีกุจอช่วยหิ้วกระเป๋าเอกสารให้เวลาเจอกันโดยบังเอิญในสำนักงานใหญ่
และเป็นความบังเอิญที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ เสียด้วย
แต่เมื่อถึงคราวที่ต้องจากไปเพราะอายุงานครบสัญญา ไม่มีเจ้าหน้าที่ระดับบริหารสักคนที่คิดจะจัดงานเลี้ยงส่งให้
จะมีแต่พวกกรรมการสหภาพนี่แหละที่ตัวเองเคยเลี้ยงเขาเมื่อ 10 ปีก่อน และทั้งๆ
เป็นไม้เบื่อไม้เมามาตลอด ก็ยังมีแก่ใจจัดงานเลี้ยงเป็นการตอบแทน
“ตอนนี้ผมยังไม่มีโครงการที่จะไปทำอะไรที่ไหน คงปลายเดือนนี้จะบินไปเยี่ยมลูกชายที่อังกฤษและคงจะเที่ยวแถบยุโรปสักพัก”
ตามใจเล่าให้กรรมการสหภาพฟัง
ลูกชายของตามใจผู้นี้เป็นลูกชายคนเดียวชื่อว่า “ภูมิใจ” แม้จะไม่ได้ที่หนึ่งของประเทศไทยเนื่องจากไปเรียนระดับมัธยมที่อังกฤษ
แต่ก็มีวี่แววว่าจะเป็นอภิชาตบุตร เพราะจบจากโรงเรียนมัธยมอีตัน สอบเข้าออกซ์ฟอร์ดด้วยคะแนนที่สูงมาก
กำลังได้รับคัดเลือกเป็นตัวแทนของประเทศอังกฤษไปสอบแข่งขันระดับนานาชาติในสาขาวิชาเคมี โดยมีคู่แข่งอีกคนที่เป็นชาวอังกฤษ
ตามใจก็เลยถือโอกาสนี้บินไปให้กำลังใจลูก และในขณะเดียวกันความสำเร็จของลูกชายหัวแก้วหัวแหวนก็คงเป็นยาชูกำลังใจให้ผู้เป็นพ่อด้วยเช่นกัน
พนักงานที่เป็นกรรมการของสหภาพอีกคนถามเกี่ยวกับเรื่องที่มีข่าวว่าพลเอกอาทิตย์
กำลังเอก จะปลอบใจโดยจะให้เป็นผู้ว่าการองค์การโทรศัพท์ฯ เป็นเรื่องจริงหรือไม่
ซึ่งตามใจ ขำภโต ก็ตอบจนกระจ่างว่า
“เมื่อเช้าก่อนที่ผมจะมางานที่นี่ ผมได้แวะไปที่บ้านท่านผู้บัญชาการทหารสูงสุด
ท่านก็บอกให้ผมไปพูดปลอบใจผู้ว่าการองค์การโทรศัพท์ฯ (พลตรีประทีป ชัยปาณี)
ผมก็ไปหาท่าน บอกท่านว่าผมไม่เคยคิดจะมานั่งทำงานที่องค์การโทรศัพท์ฯ เลย
ส่วนท่านก็บอกว่าถ้าจะมาก็ไม่เป็นไร เพราะท่านก็ยินดี ผมก็ยืนยันว่าผมไม่ได้คิดจริงๆ”
เฮ้อ...งานนี้ปลอบใจกันให้ยุ่งไปหมด
การพูดคุยวันนั้น ตามใจ ขำภโต ได้ขอร้องว่าให้เป็นการพูดคุยกันแบบสนุกๆ
อย่ามาคุยเรื่องการเรื่องงานให้เสียรสชาติอาหารจีนโต๊ะละ 3,000 บาทเลย จึงไม่สู้มีเรื่องมาเล่าสู่กันฟังมากนัก
อ้อ...มีอยู่เรื่องหนึ่งที่พนักงานกรุงไทยและคนภายนอกข้องใจก็คือตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่
3 ตำแหน่งที่ว่างมาตั้งแต่ปี 2524 ทำไมจึงไม่มีการแต่งตั้งใหม่เสียที อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่แบงก์กรุงไทยตอบไว้อย่างนี้ครับ
“ผมเคยเสนอแล้ว โดยเสนอคนในของเราให้คณะกรรมการพิจารณา แต่คนของเราวิ่งกันเหลือเกิน งัดกันยุ่งไปหมด คณะกรรมการเขาก็เลยไม่เอา จะเอาคนนอกเข้ามาผมก็เลยต้องเฉย”
พนักงานกรุงไทยทั้งหลาย...ทราบแล้วเปลี่ยน