Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTV ผู้จัดการรายวัน16 กุมภาพันธ์ 2553
สาวกแม้วซ้ำเติมหุ้นไทย ระเบิดป่วนฉุดวอลุมหด             
 


   
search resources

Stock Exchange




ปัจจัยลบทั้งในและนอกประเทศ ยังฉุดตลาดหุ้นไทยไม่มีหยุด ล่าสุด วานนี้(15ก.พ.) ดัชนีตลาดหุ้นปิดที่ระดับ689.09 จุด ลดลง 8.94 จุด หรือ -1.28% มูลค่าการซื้อขาย 7,617.79 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ 697.13 จุด และต่ำสุดที่ 688.28 จุด โดยวอลุ่มซื้อขายมีความเงียบเหงา ตามตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่ปิดทำการ รวมทั้งความวิตกกังวลจากมาตรการชะลอความร้อนแรงทางเศรษฐกิจของทางการจีน และการซ้ำเติมด้วยปัจจัยทางการเมืองภายในประเทศที่ทวีความร้อนแรงขึ้นเรื่อย เมื่อเข้าใกล้การตัดสินคดียึดทรัพย์อดีตผู้นำประเทศ

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาถึงข้อมูลการซื้อขายสุทธิแยกเป็นประเภทนักลงทุน พบว่า วานนี้ บัญชีบล.ขายสุทธิสูงถึง 578.54 ล้านบาท เช่นเดียวกับนักลงทุนทั่วไปในประเทศที่ขายสุทธิ 537.61 ล้านบาท โดยผู้ซื้อสุทธิคือ สถาบัน และนักลงทุนต่างประเทศ ในจำนวน 651.89 ล้านบาท และ 464.27 ล้านบาท ตามลำดับ

ขณะที่ หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์วานนี้ ได้แก่ ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 780.20 ล้านบาท ปิดที่ 88.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท PTT มูลค่าการซื้อขาย 578.35 ล้านบาท ปิดที่ 216.00 บาท ลดลง 5.00 บาท PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 531.48 ล้านบาท ปิดที่ 129.50 บาท ลดลง 2.50 บาท BANPU มูลค่าการซื้อขาย 498.18 ล้านบาท ปิดที่ 522.00 บาท ลดลง 8.00 บาท และ CPF มูลค่าการซื้อขาย 449.64 ล้านบาท ปิดที่ 11.60 บาท ลดลง 0.30 บาท

นายพิชัย เลิศสุพงษ์กิจ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์(บล.)ธนชาต จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ค่อนข้างเงียบ โดยวอลุ่มเทรดหายไป เนื่องจากตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่ปิดทำการในเทศกาลตรุษจีน กว่าที่จะกลับมาเปิดตลาดฯอีกครั้งก็ประมาณปลายสัปดาห์นี้ อีกทั้งตลาดหุ้นที่เหลือในภูมิภาคส่วนใหญ่ก็อยู่ในแดนลบ เนื่องจากมีความวิตกเกี่ยวกับมาตรการที่จีนเบรกความร้อนแรงทางเศรษฐกิจ ล่าสุด สั่งธนาคารพาณิชย์เพิ่มการกันสำรองอีก 0.5% ทำให้มีการมองกันว่าราคาสินค้าโภคภัณฑ์อาจจะมีการชะลอตัวลง และวานนี้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ก็ปรับตัวลงด้วย

ส่วนตลาดไทย นอกเหนือจากปัจจัยลบในต่างประเทศที่เข้ามาสร้างความกังวลต่อนักลงทุนแล้ว ยังมีปัจจัยลบหลักที่เข้ามากระทบอีก นั่นคือ เรื่องอุณหภูมิทางการเมืองที่ร้อนแรงขึ้น ทั้งเหตุการณ์ลอบวางระเบิดศาลฎีกา และพบเอ็ม 79 ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตพณิชยการพระนคร ซึ่งทั้งสองเรนื่องถูกเชื่อมโยงไปเกี่ยวพันถึงกรณีวันที่ 26 ก.พ. ซึ่งจะมีการตัดสินคดียึดทรัพย์อดีตผู้นำประเทศ

ทำให้แนวโน้มการลงทุนในวันนี้(16 ก.พ.) ประเมินว่า ตลาดหุ้นไทยจะยังเงียบเหงา โดยพร้อมให้แนวรับไว้ที่ 680 จุด แนวต้าน 700-705 จุด

** “มนตรี”ย้ำหุ้นไทยยังมีลุ้น900จุด

นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)กิมเอ็ง (ประเทศไทย)จำกัด (มหาชน)หรือ KEST กล่าวว่า การลงทุนในตลาดหุ้นไทยในระยะสั้นนั้น ยังมีความน่ากังวลจากมีปัจจัยลบเข้ามากระทบซึ่งนักลงทุนต้องติดตามอย่างใกล้ ชิด แต่ในระยะยาวนั้นมีความน่าสนใจเพราะการลงทุนเศรษฐกิจไทย เศรษฐกิจเอเชียจะมีการเติบโตแข็งแกร่ง ทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้ามาลงทุน และตลาดหุ้นไทยนั้นถือว่าต่ำที่สุดเทียบกับตลาดเพื่อนบ้านมีP/E เพียง 11 เท่า เทียบกับตลาดหุ้นอื่นที่มีค่า P/E 13 เท่า ซึ่งเชื่อว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ 15%

ทั้งนี้คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยปีนี้จะอยู่ที่ 900 จุด ภายใต้สมมุติฐานเศรษฐกิจโลกไม่เลวร้ายไปกว่านี้ และปัจจัยภายในประเทศไม่เกิดความรุนแรง เชื่อว่าจากนักลงทุนชินกับปัจจัยการเมืองแล้ว อย่างไรคก็ตามต้องติดตามว่าการตัดสินคดียึดทรัพย์อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ผลจะออกมาอย่างไร หากไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรงเชื่อว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ จากการส่งออกของไทยฟื้นตัวดี และยอดการท่องเที่ยวเดือนธันวาคมสูงมากและดัชนีความเชื่อมั่นสูงสุดในรอบ21 เดือน และจากปัจจุบันที่มีการใช้กำลังการผลิตที่ต่ำ แต่มีแนวโน้มที่จะมีการเพิ่มกำลังผลิต และรัฐบาลมีการบริการงานที่ดี

สำหรับค่าเงินในเอเชียมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งนักลงทุนควรที่จะจับตาสถานการณ์ในอยุโรป จากการที่กรีซมีการขาดทุนงบประมาณสูงถึง 10% นั้นว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรต่อไป ส่วนส่วนตัวมองว่าอัตราดอกเบี้ยโลกจะยังคงอยู่ในอัตราที่ต่ำ เนื่องจาก อัตราการว่างงานของสหรัฐอเมริกายังสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 10% จึงทำให้ธนาคารกลาง (เฟด)จะยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ย

“บริษัทแนะนำให้นักลงทุนลงทุนในช่วงนี้ลักษณะเทรดดิ้ง ซึ่งหากราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นก็ควรทำกำไรออกไป แต่หากหุ้นปรับตัวลดลงมาก็ซื้อได้ หากเชื่อว่าแนวโน้มธุรกิจและภาวะเศรษฐกิจจะเติบโตดีขึ้น”นายมนตรี กล่าว   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us