|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
แอลเอชแบงก์หันรุกสินเชื่อเอสเอ็มอีหลังสินเชื่อบ้านแข่งดุ ตั้งเป้าปีนี้โต 30% เน้นปล่อยสินเชื่อให้ลูกค้าแฟคทอริ่งเป็นหลัก
นายนนท์จิตร ดุลยานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานสินเชื่อ ธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) (LH BANK) เปิดเผยว่า ในปี 2553 นี้ ธนาคารตั้งเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี)ประมาณ 3.5 พันล้านบาท หรือคิดเป็นการเติบโตเพิ่มขึ้น 30% จากปี 2552 ที่ฐานสินเชื่อเอสเอ็มอีของธนาคารอยู่ที่ 8.5-8.7 พันล้านบาท ซึ่งธนาคารคาดว่าฐานสินเชื่อเอสเอ็มอีจะขึ้นไปแตะ 1.2 หมื่นล้านบาทในสิ้นปีนี้ โดยปัจจุบันธนาคารมีฐานลูกค้าประมาณ 500 ราย และมีวงเงินสินเชื่อเฉลี่ยต่อรายอยู่ที่ 30-50 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในปีนี้ธนาคารต้องการขยายสัดส่วนการปล่อยสินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอีเพิ่มมาก ขึ้น เนื่องจากสินเชื่อบ้านซึ่งเป็นธุรกิจหลักเริ่มมีการแข่งขันที่รุนแรงเพิ่ม มากขึ้น เพราะธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ลงมาทำการตลาดในตลาดสินเชื่อบ้านมากขึ้นและมีการ ใช้กลยุทธ์ด้านราคามาแข่งขัน ซึ่งธนาคารไม่สามารถสู้ได้เนื่องจากเสียเปรียบเรื่องต้นทุนการเงิน ดังนั้นธนาคารจึงหันไปรุกตลาดเอสเอ็มอีแทน โดยปีนี้ธนาคารจะเพิ่มสัดส่วนสินเชื่อเอสเอ็มอีเป็น 27-28% ของฐานสินเชื่อรวม และคาดว่าในปี 2554 จะเพิ่มขึ้นเป็น 30% ของฐานสินเชื่อรวม
"ปีนี้เราจะเน้นสินเชื่อเอสเอ็มอีมากขึ้น ซึ่งยอมรับว่าตอนนี้สินเชื่อบ้านเราสู้แบงก์ใหญ่ไม่ได้แม้เราจะเป็นเจ้าของ ตลาดมาก่อน เพราะพวกแบงก์ใหญ่เขาเอาเรื่องดอกเบี้ยมาแข่งขัน และปีนี้ก็น่ายังมีความรุนแรงเรื่องของราคาอยู่ ซึ่งเราเสียเปรียบเพราะต้นทุนเงินฝากของเราแพงกว่า เราจึงต้องมองหาช่องทางธุรกิจใหม่ๆ" นายนนท์จิตรกล่าว
สำหรับในปีนี้ธนาคารจะเน้นไปที่ลูกค้ากลุ่มแฟคทอริ่งเป็นหลัก ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้มีความต้องการใช้สินเชื่อหมุนเวียนเป็นจำนวนมาก เพราะหลังจากลูกค้าส่งสินค้าไปตามห้างสรรพสินค้าจะไม่ได้รับชำระเงินทันทีทำ ให้ลูกค้ามีปัญหาเรื่องของสภาพคล่อง ซึ่งธนาคารจะเข้าไปช่วยเหลือเรื่องของเงินทุนที่ลูกค้าจะนำไปใช้หมุนเวียนใน ธุรกิจต่อไป
โดยปกติธนาคารจะมีการปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้าแฟคทอริ่งเฉลี่ยปีละ 1.4-1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งในปีนี้ธนาคารคาดว่าจะยังปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้ากลุ่มนี้ได้ประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท โดยปัจจุบันธนาคารมีส่วนแบ่งการตลาด(มาร์เกตแชร์)เป็นอันดับ 4 ของลูกค้ากลุ่มนี้ หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 20%
นอกจากนี้ กลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีที่เป็นเป้าหมายที่ธนาคารจะหาเข้ามาเพิ่มเติมในปีนี้ คือ กลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีอพาร์ทเม้นท์หรือหอพักนักศึกษาที่ต้องการเงินทุนในการ ก่อสร้างอพาร์ทเม้นท์ที่อยู่ใกล้กับสถาบันการศึกษา ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้จะมีความต้องการวงเงินสินเชื่อเฉลี่ยอยู่ที่ 50-60 ล้านบาทต่อราย
ในขณะที่กลุ่มลูกค้าโรงแรมประเภทบูติกธนาคารก็ให้ความสนใจเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะในแหล่งท่องเที่ยวชายทะเล เนื่องจากมองว่าธุรกิจท่องเที่ยวเริ่มกลับมาฟื้นตัวมากขึ้นในปีนี้ ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้มีความต้องการวงเงินสินเชื่อเฉลี่ยประมาณ 60-70 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ในอนาคตหากธนาคารยกระดับเป็นธนาคารพาณิชย์และมีการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลัก ทรัพย์แห่งประเทศไทยสำเร็จ เชื่อว่าธนาคารจะมีความสามารถในการแข่งขันด้านสินเชื่อเพิ่มขึ้น เนื่องจากธนาคารสามารถระดมทุนด้วยการออกจำหน่ายหุ้นกู้ได้ ซึ่งจะทำให้ต้นทุนทางการเงินของธนาคารลดลง
|
|
|
|
|