Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTV ผู้จัดการรายวัน15 กุมภาพันธ์ 2553
CIเล็งยื่นไฟลิ่งกองอสังหาฯใหม่ก.พ.ตั้งเป้าปี53ผลดำเนินงานโต15-20%             
 


   
www resources

โฮมเพจ ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์

   
search resources

ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์, บมจ.
สงกรานต์ อิสสระ
Real Estate




" ชาญอสิระ " เตรียมยื่นไฟลิ่งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ศรีพันวา ภูเก็ต ปลายเดือนก.พ.นี้ พร้อมคาดเปิดขายหน่วยลงทุนให้ผู้สนใจได้ช่วงพ.ค. หลบเดือนเม.ย.ที่มีช่วงวันหยุดหลายวัน ตั้งเป้าหวังนำเงินระดมทุนไปขยายกิจการโรงแรม และชำระหนี้ ส่วนปี้นี้ตั้งเป้าผลการดำเนินงานโตประมาณ 15 – 20% จาก 3 โครงการบ้านใหม่

นายสงกรานต์ อิสสระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือCI เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการจัดตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์โครงการใหม่ของ บริษัท ว่า กองทุนใหม่นี้จะมีสินทรัพย์เป็นโรงแรมศรีพันวา จ.ภูเก็ต ขนาด 40 ห้อง ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งประเมินว่าจะสามารถยื่นไฟลิ่งให้แก่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาด หลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)พิจารณาได้ ประมาณช่วงปลายกุมภาพันธ์หรือต้นเดือนมีนาคมนี้

สำหรับการเปิดขายหน่วยลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์โครงการนี้ คาดว่าหากทุกอย่างได้รับการอนุมัติจากก.ล.ต.ตามแผนที่กำหนดไว้เชื่อว่าจะ สามารถเปิดขายหน่วยลงทุนให้แก่ผู้ที่สนใจได้ประมาณเดือนพฤษภาคม เพราะแม้จะสามารถเปิดให้นักลงทุนจองซื้อหน่วยลงทุนได้ตั้งแต่ช่วงเมษายน แต่ส่วนตัวมองว่าเดือนดังงกล่าวมีช่วงเทศกาลวันหยุดเยอะ จึงไม่เหมาะแก่การเปิดขายหน่วยลงทุน ซึ่งถ้าเลื่อนออกไปเป็น พ.ค.น่าจะมีความเหมาะสมกว่า

ทั้งนี้ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ โรงแรมศรีพันวา ภูเก็ตของCI นี้ บริษัทได้มอบหมายให้ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ซีมิโก้ เป็นที่ปรึกษาในการดำเนินการ โดยเงินที่ได้จากการขายหน่วยลงทุนนั้น จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกจะนำไปขยายการลงทุนธุรกิจโรงแรม ซึ่งเบื้องต้นมี 2 แนวทางคือ ซื้อกิจการจากเจ้าของเดิมหรือซื้อที่ดินเพื่อนำมาพัฒนาเอง ในจ.ภูเก็ตหรือจ.กระบี่ เพราะตลาดท่องเที่ยวที่เริ่มมีการฟื้นตัวดีขึ้นแล้ว ขณะที่ส่วนที่ 2 บริษัทมีแผนจะนำไปชำระหนี้บางส่วนที่มีอยู่

นับได้ว่า หากการจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์ประสบความสำเร็จ จะเป็นกองทุนที่ 2 ของ บมจ.ชาญอิสระ เพราะก่อนหน้านี้ บริษัทได้จัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์มาก่อนแล้ว 1 โครงการ นั่นคือ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์บางกอก ทุนจดทะเบียน 1,000ล้านบาท ซึ่งมีสินทรัพย์ประกอบด้วย 1. ห้องชุดสำนักงานและห้องชุดพาณิชยกรรม จำนวน 29 ยูนิต พื้นที่รวม 6,917.64 ต.ร.ม. ใน อาคารชาญอิสสระทาวเวอร์ ถ.พระราม 4 คิดเป็นร้อยละ 30.63 ของพื้นที่ห้องชุดสุทธิที่สามารถซื้อ-ขายหรือปล่อยให้เช่า (Net Area)

2. ห้องชุดสำนักงานและห้องชุดพาณิชยกรรม จำนวน 109 ยูนิต พื้นที่รวม 22,468.60 ต.ร.ม. ใน อาคารชาญอิสสระทาวเวอร์ 2 ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ คิดเป็นร้อยละ 38.36 ของพื้นที่ห้องชุดสุทธิที่สามารถซื้อ-ขายหรือปล่อยให้เช่า (Net Area) โดยมีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ จำกัด เป็นผู้จัดการกองทุน และมีผู้ดูแลผลประโยชน์ คือ ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเปิดทำการซื้อขายครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 -26 ตุลาคม 2546

ปัจจุบัน กองทุนดังกล่าว มีนโยบายพิจารณาจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนของกองทุนรวมไม่เกินปี ละ 4 ครั้ง ใน แต่ละรอบปีบัญชี โดยบริษัทจัดการมีสิทธิพิจารณาจ่ายเงินปันผลในแต่ละงวดได้ตามอัตราที่เหมาะ สม โดยเมื่อ รวมกันแล้วจะจ่าย ในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของกําไรสุทธิ หรือในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของกําไรสุทธิ หักด้วยกําไรหรือขาดทุนสุทธิที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง

โดย ณ วันที่ 30 พ.ย. 2552 กองทุนมีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิต่อหน่วยลงทุนที่ 11.9918 บาท/หน่วย ลดลง 0.1110 บาท และมีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ 1,199.185 ล้านบาท พร้อมทั้งตลอดปีที่ผ่านมา กองทุนมีการจ่ายปันผล รวม 4 ครั้ง เริ่มตั้งแต่ 16 มี.ค. 2552 ในอัตราเงินปันผลต่อหน่วยลงทุนที่ 0.1800 บาท วันที่15มิ.ย.2552 ในอัตรา 0.1850 บาท วันที่ 17ก.ย.ในอัตรา 0.1650 บาท และเมใอวันที่ 17ธ.ค.ในอัตรา 0.1700 บาท

นายสงกรานต์ กล่าวเพิ่มเติมถึงแนวโน้มการดำเนินงานชองบริษัทใน 2553 ว่า ในปีนี้ บริษัทตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ประมาณ 15 -20% พร้อมกับจะมีการลงทุนในยโครงการใหม่ทั้งสิ้น 3 โครงการ ซึ่งเป็นโครางการบ้านเดี่ยว โดยใช้งบลงทุนรวมกว่า 2,000 ล้านบาท ได้แก่ โครงการ บ้านชะอำ-หัวหิน โดยคาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 200-300 ล้านบาท โครงการบ้านในกรุงเทพมหานคร โดยคาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท และโครงการบ้านภูเก็ตโดยคาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาทเช่นกัน ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถเปิดขายโครงการแรกได้ในช่วงประมาณเดือนเมษายน ปีนี้

ก่อนหน้านี้ ผู้บริหารของบริษัทประเมินแนวโน้มการเติบโตทางรายได้ของบริษัทไว้ที่ประมาณ 5-7% จากปี 2552 เนื่องจากแนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์น่าจะเติบโตได้ค่อนข้างมาก จากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวเต็มที่แล้ว ส่งผลผู้บริโภคมีความต้องการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น โดยเฉพาะซื้อที่อยู่อาศัย ขณะเดียวกัน บริษัทยังได้รับผลบวกจากยอดขายที่รอรับรู้รายได้(Back log) ซึ่งยกมาจาก ปี 2552 ที่จะสามารถรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 1,000 ล้านบาทด้วย

สำหรับโครงการที่ยังเหลือขายอยู่ของบริษัท มี 4 โครงการ ได้แก่ 1. ดิ อิสสระ ลาดพร้าว คอนโดมิเนียม มูลค่าโครงการ 2,600 ล้านบาท ขายไปได้แล้วกว่า 60% 2.บ้านชาญทะเล ชะอำบ้านพักตากอากาศ ราคาตั้งแต่ 3-60 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท มียอดขายแล้วกว่า 70% 3. ศรีพันวา จ.ภูเก็ต ที่กำลังจะพัฒนาในเฟสที่ 4 บนเนื้อที่ 15 ไร่ มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท และ4. อิสสระ แอท ฟอร์ตี้ทู สุขุมวิท คอนโดมิเนียมจำนวน 69 ยูนิต มูลค่า 460 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้มียอดขายแล้ว กว่า 80%

โดยแผนงานในปี 2553 บริษัทกลับมามุ่งเน้นพัฒนาโครงการในแนวราบ โดยจะมีทั้งโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ จับตลาดระดับราคา 5-10 ล้านบาท เพราะเห็นว่าตลาดในระดับนี้ยังมีโอกาสทางการตลาดที่ทำได้ ซึ่งจะพัฒนาในกรุงเทพฯ ทางโซนทิศตะวันออก แถวพระราม 9 พัฒนาการ และสุวรรณภูมิ นอกจากนี้จะพัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียมหรือรีสอร์ตในต่างจังหวัดอีก 1 โครงการ แต่คอนโดมิเนียมมีโอกาสจะทำน้อย เพราะการแข่งขันในปัจจุบันมีสูง อีกทั้งที่ดินยังหาซื้อได้ยากและมีราคาสูง โดยเฉพาะตามแนวรถไฟฟ้า และการก่อสร้างโครงการก็มีความซับซ้อนยุ่งยาก มีความเสี่ยงจากขั้นตอนการขออนุญาตก่อสร้างอาคารสูงค่อนข้างมาก   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us