ประภา วิริยประไพกิจ ขณะนี้อายุ 57 ปี มีตำแหน่งเป็นประธานกลุ่มบริษัท
สหวิริยาเจ้าของกิจการหลายอย่างตั้งแต่สถาบันการเงิน กิจการก่อสร้าง กิจการเหล็ก
ไปจนถึงกิจการขายคอมพิวเตอร์
ชื่อเสียงของประภาเป็นชื่อเสียงของนักธุรกิจสตรีไทยที่ประสบความสำเร็จสูงมากคนหนึ่ง
เป็นความสำเร็จที่ได้มาจากความทรหดและความเข้าใจถึงแก่นแท้ของสัจธรรมทางธุรกิจในประเทศนี้
ย้อนไปเมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่แล้ว ประภา วิริยประไพกิจ เริ่มต้นเหมือนๆ
กับการเริ่มต้นของทนุ กุลเศรษฐศิริ
ประภาเป็นเจ้าของโรงงานผลิตเหล็กเส้นเล็กๆ กำลังจะหันมาเอาดีด้านการก่อสร้าง
ส่วนทนุก็เริ่มต้นด้วยธุรกิจก่อสร้างหลังจากเพิ่งลี้ภัยมาจากประเทศเขมร
ช่วงนั้นก็อยู่ระหว่างปี 2518-2519
ประมาณปี 2522 ทนุหันมาจับธุรกิจคอมมอดิตี้โดยตั้งบริษัมเมอร์ลิน
อีกหนึ่งปีต่อมา ประภา วิริยประไพกิจ ก็ตั้งบริษัทคอมมอดิตี้ ชื่อ "สยามคอมมอดิตี้"
เมอร์ลินเป็นบริษัทคอมมอดิตี้ที่ดังเร็วมากในช่วงเพียงไม่กี่ปี ข้างฝ่ายประภา
วิริยประไพกิจ ก็เริ่มมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันในนาม "อิ้ด ประภา"
เจ้าแม่โครงการคอมมอดิตี้
พูดได้ว่ามาแรงด้วยกันทั้งคู่
เมื่อมาจากวงการก่อสร้างด้วยกันและยังมาทำคอมมอดิตี้เหมือนๆ กันอีก ทนุกับประภาจึงสนิทกันมากและจากความสนิทที่มีนี้ทำให้ทนุและประภาร่วมหุ้นกันตั้งบริษัทบางกอกยาสูบ
ซึ่งดูเหมือนจะลงเงินกันไปหลายล้านบาท
ต่อมาอีกปีหรือสองปีประภาตัดใจขายหุ้นบริษัทบางกอกยาสูบทั้งหมดให้กับทนุเพราะประภามองไม่เห็นอนาคตของธุรกิจประเภทนี้ขึ้นมาดื้อๆ
ประภา วิริยประไพกิจประสบความสำเร็จอย่างมากๆ กับ "สยามคอมมอดิตี้"
แต่ประภาคงต้องทราบดีว่า ธุรกิจนี้มันมีความลี้ลับพิสดาร หวังจะเอาดีระยะยาวนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้
เพราะฉะนั้นตั้งแต่ปี 2523 ประภาจึงนำผลกำไรที่ได้จากคอมมอดิตี้ไปลงทุนในกิจการที่จะมีอนาคตมากกว่าในระยะที่ยาวไกลไปข้างหน้า
อย่างเช่น นำไปซื้อบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ซื้อหุ้นในธนาคารพาณิชย์ ลงทุนในกิจการก่อสร้าง
และก่อตั้งบริษัทขายคอมพิวเตอร์
เมื่อสร้างธุรกิจใหม่ที่ไม่มีสภาพลี้ลับพิสดารแล้ว ประภาก็ปิดกิจการคอมมอดิตี้
ถอนตัวออกมาอย่างทันทีทันควัน
ส่วนทนุ กุลเศรษฐศิริ ยังถลำลึกต่อไปเรื่อยๆ ในวงการคอมมอดิตี้
และผลสุดท้าย ทนุต้องหลีกลี้หนีหายไป
ส่วนประภา วิริยประไพกิจ กำลังวาดภาพโครงการใหม่ๆ ที่คิดว่าจะต้องลงทุนสัก
100-200 ล้านบาท บนห้องทำงานที่อาคารประภาวิทย์ ถนนมเหสักข์ แถวๆ สีลม