Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา กุมภาพันธ์ 2553
บ้านชนบทกลิ่นอายสไตล์ Provence             
 


   
search resources

Interior Design




เพราะตั้งอยู่บริเวณเชิงเขา Luberon มีทั้งสวนมะกอกและไร่องุ่นเก่าแก่แวดล้อมให้ความร่มรื่น La Petite Bastide จึงเป็นบ้านไร่ที่อุดมไปด้วยบุคลิกหลากหลาย และคงเอกลักษณ์ของบ้านในชนบทแถบ Provence ไว้ได้อย่างเหนียวแน่น

ในเวลาเดียวกันก็สะท้อนลักษณะร่วมสมัยและความร่มเย็นได้อย่างน่าทึ่งด้วย

La Petite Bastide อยู่ห่างจากหมู่บ้าน Lourmarin ที่มีทิวทัศน์สวยงามเพียงไม่กี่กิโลเมตร นอกจากความงามแล้ว หมู่บ้าน แห่งนี้ยังเป็นที่พำนักของนักเขียนชื่อดัง Peter Mayle และศิลปิน มากหน้าหลายตาผู้ได้รับแรงบันดาลใจจากยุคอาณานิคมจึงไม่น่าแปลกที่บ้านไร่หลังนี้จะเป็นแหล่งพักพิงในวันหยุดสำหรับผู้ต้องการลิ้มลองความเป็น Provence อย่างแท้จริง Bastide ได้รับการบูรณะจนแลดูน่ารักน่าพักจากมันสมอง ของสามีภรรยาผู้เป็นเจ้าของคือ Bruno และ Michele Viard จริงๆ แล้วทั้งสองอยู่และทำงานที่มาร์กเซยส์แต่ยามว่างรักที่จะทำสวนผลไม้และปลูกต้นไม้ นอกจากนี้ พวกเขายังโปรดปรานสถาปัตยกรรมสไตล์ที่ได้รับอิทธิพลจากผลงานของ Tadao Ando และ Luis Barragan ข้อน่าสังเกตอีกอย่างหนึ่งคือ พวกเขายังนิยม ชมชอบสไตล์ minimalist และนำมาใช้กับงานบูรณะบ้านไร่เก่าแก่หลังนี้ด้วย

Michele อธิบายแนวคิดของเธอว่า "ตั้งแต่เริ่มแรกเราต้องการเนรมิตให้ที่นี่สงบ มีแต่สันติสุขเพื่อให้ผู้คนได้ผ่อนคลายและเพลิดเพลินกับสภาพแวดล้อมรอบตัวจริงๆ ซึ่งเราบรรลุเป้าหมายนี้ด้วยการเน้นใช้ประโยชน์จากแสงสว่างตามธรรมชาติของ Provence และการเลือกใช้แต่วัสดุที่เป็นสารอินทรีย์ เช่น หิน ไม้ และผ้าลินิน"

จะว่าไปแล้วบ้านดั้งเดิมที่มีอยู่นั้นเป็นเพียงซากว่างเปล่าก็คงไม่ผิดนัก เพราะมีเพียงผนังด้านนอกและหลังคาเท่านั้นที่ยังหลงเหลืออยู่ ดังนั้น การทุบผนังด้านในออกจึงเป็นโอกาสให้จัดวางแปลนใหม่และขยายพื้นที่ของห้องนั่งเล่นออกไป ซึ่งทำให้เข้ากับประตูกระจกด้านนอกที่มีโครงเป็นเหล็กและมีหน้าต่างบานใหญ่ขึ้นเพื่อรับแสงมากขึ้นได้เป็นอย่างดี เพราะทำงานออกแบบส่วนต่อขยายได้ดีเลิศนี่เองจึงทำให้พวกเขาได้ห้องนอนและห้องน้ำ มากขึ้น แถมยังมีทางเดินแบบมีหลังคาซึ่งนอกจากจะทำหน้าที่เชื่อมต่อกับส่วนของโรงเก็บรถแล้วยังเป็นที่ร่มให้กับบริเวณที่จัดไว้สำหรับรับประทานอาหารกลางแจ้งด้วย

แม้จะผ่านงานฟื้นฟูบูรณะมากมายขนาดนี้ แต่ด้านนอกตัวบ้านก็ยังคงรูปโฉมตามแบบของแท้ดั้งเดิมเอาไว้ คือฉาบด้วยปูนจนดูแทบดูไม่ออกเลยว่าตรงไหนเป็นของเก่าและตรงไหนเพิ่ม เติมเข้าไปใหม่ ซึ่ง Michele ยันยันว่า "ตอนซ่อมบ้านหลังนี้ เราเดินตามรอยวิธีก่อสร้างแบบชนบท ของฝรั่งเศสไว้อย่างเคร่งครัด ซึ่งรวมถึงการเลือกวัสดุและสีของเราด้วย"

งานขั้นตอนนี้ลุล่วงได้ก็เพราะพวกเขามีตัวช่วยวิเศษสุดคือ ลานบ้าน ซึ่งเป็นที่เก็บของใช้เชิงสถาปัตยกรรม ร้านขายของเก่าและของใช้มือสองนั่นเอง โดยทั้งสองพบคานไม้สำหรับรับน้ำหนัก ก้อนหินเก่าคร่ำคร่าสำหรับ ใช้ในงานก่อสร้างก็ตรงที่ลานเก็บของนี่เอง ส่วนอ่างล้างมือของเก่าและของตกแต่งอื่นๆ นั้น มีให้เลือกซื้อหาได้ตามร้านของเก่าและของมือสองทั่ว Provence

ผลที่ได้คือบ้านซึ่งเหมาะกับภูมิอากาศรุนแรงทางภาคใต้ของฝรั่งเศสอย่างดีเยี่ยม โดยผนังซึ่งทำด้วยหินก้อนหนานั้นนอกจากจะให้ความรู้สึกมั่นคงถาวรของตัวบ้านแล้ว ยังทำให้ภายในบ้านเย็นสบาย ท่าม กลางอากาศร้อนอ้าวกลางฤดูร้อน ส่วนเตาผิงทำด้วยหินขนาดใหญ่ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ในห้องนั่งเล่นนั้นเล่าก็ให้ความอบอุ่นท่ามกลางความเย็นยะเยือกของฤดูหนาวได้เป็นอย่างดี หรือเมื่อยามต้องผจญกับ mistral ซึ่งเป็นลมเหนือที่ทั้งหนาวและแห้งยามพัดกระโชกลงมาจากเทือกเขา Luberon อย่างไม่ปรานีปราศรัย

เห็นได้ชัดว่าเจ้าของบ้านเจตนาใช้ศิลปะเข้ามาเป็นส่วนสำคัญของงานตกแต่งภายในเพราะต้องการลดโทนความทันสมัยของบ้านลงบ้าง โดยเน้นไปที่พื้นที่ใช้สอยและองค์ประกอบเชิงสถาปัตยกรรมมากเป็นพิเศษ แต่สามีภรรยาคู่นี้ก็ยังไม่ทิ้งความสะดวกสบายโดยถือเป็นความสำคัญลำดับแรกเลยทีเดียว ผลที่ออกมาคือสามารถผสมผสานเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านแบบเก่าให้กลมกลืนกับแบบร่วมสมัยได้อย่างละมุนละไม เมื่อเข้าไปในห้องครัว จะเห็นได้จากงานออกแบบในส่วนของพื้นที่ทำงานซึ่งสามารถใช้งานได้จริง เมื่อดูที่ห้องน้ำจะเห็นถึงสไตล์ที่กลมกลืน กับส่วนอื่นๆ ของบ้านจนเป็นเนื้อเดียวกันและใช้งานตามบทบาทได้อย่างสมบูรณ์

เมื่อมองในภาพรวมแล้วจะเห็นว่าการเลือกทุกสิ่งทุกอย่างมาลงในบ้านหลังนี้ก็เพื่อเติมเต็มความรู้สึกเป็นธรรมชาติที่มีมาแต่เดิมรวมทั้งเพื่อเน้นเสน่ห์แห่งความเป็นชนบทให้โดดเด่นขึ้นด้วย

ความน่ารักอีกอย่างหนึ่งของบ้านหลังนี้อยู่ที่รายละเอียดซึ่งเตะตาสะดุดใจแก่ผู้พบเห็นยิ่งนัก เช่น การเอาฐานของแก้วไวน์ ฝังลงไปในผนังเพื่อทำเป็นตะขอแขวนเสื้อโค้ท หรือการนำกิ่งมะกอกมาทาบลงบนปูนซีเมนต์เพื่อสร้างลายตามธรรมชาติให้กับขั้นบันได หรือหลอดไฟข้างเตียงรูปแบบแปลกและสุดเท่เพราะห้อยตัวลงมาจากแท่งไม้ซึ่งฝังตัวอยู่ในผนังแล้วมีสายไฟพันรอบๆ พร้อมกับห้อยลงมาจนกระทั่งหลอดไฟอยู่ในระดับใช้มือเปิดปิดได้อย่างสะดวก (ดูภาพประกอบ)

หนึ่งในงานตกแต่งสะดุดตาที่สุดเห็นจะเป็นการใช้สีน้ำเงิน แกมเทาซึ่งเป็นสีดั้งเดิมของฝรั่งเศสทาผนังด้านในระยะจากพื้นถึงระดับเอวและยังใช้สีนี้กับพื้นซีเมนต์ของบางห้องด้วย (ดูภาพประกอบ) วิธีนี้ไม่เพียงแต่จะให้ความรู้สึกร่วมสมัยกับพื้นที่ว่าง หากแต่ยังทำให้ห้องต่างๆ เชื่อมต่อเป็นหนึ่งเดียวกันอีกต่างหาก

เพราะล้อมรอบด้วยเมืองเก่าแก่บนเนินเขานี่เอง La Petite Bastide จึงสามารถทำให้ผู้ที่ต้องการแทรกตัวเข้าไปเป็นส่วนหนึ่ง ของวัฒนธรรมท้องถิ่นได้สมปรารถนาอย่างไม่ยากเย็นนัก เพียงแต่ติดต่อเข้าไปเช่าอยู่ได้ตามที่อยู่นี้ location-en-luberon.com   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us