|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ตลอดระยะเวลา 27 ปีที่อยู่เบื้องหลังชุดชั้นในแบรนด์ดังอย่าง มาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ หรือวิคตอเรีย แต่วันนี้ฟรีเท็กซ์ อีลาสติคกำลังถูกขับเคลื่อนด้วยผู้บริหารรุ่นที่ 2 ผ่านครอบครัว "อรวัฒนศรีกุล"
วัฏจักรของการทำธุรกิจครอบครัวในอุตสาหกรรมระดับเอสเอ็มอีกำลังถูกขับเคลื่อนด้วยผู้บริหารรุ่นที่ 2 หลังจากรุ่นแรกได้ก่อร่างสร้างตัวจนเป็นรูปเป็นร่างและผู้บริหารรุ่น 2 มีหน้าที่ขยายกิจการให้เจริญเติบโต
บริษัทฟรีเท็กซ์ อีลาสติค จำกัด เป็นบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายชิ้นส่วนชุดชั้นในชายและหญิงให้กับผู้ประกอบการผลิตชุดชั้นในทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ประสบการณ์ของบริษัทฟรีเท็กซ์ที่อยู่ในแวดวงธุรกิจชุดชั้นในมากว่า 27 ปี ทำให้บริษัทแห่งนี้ค่อนข้างรู้ลึกถึงเรื่องราวธุรกิจชุดชั้นในเป็นอย่างดี
สิริชัย อรวัฒนศรีกุล ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาองค์กร ผู้บริหารรุ่น 2 บริษัทฟรีเท็กซ์ บอกกับ ผู้จัดการ 360 ํ ว่าชุดชั้นในมีชิ้นส่วนองค์ประกอบค่อนข้างมาก โดยเฉพาะชุดชั้นในผู้หญิงมีมากถึง 50 ชิ้น อาทิ สายยางยืด ตะขอ ลูกไม้ เหล็กดัด ฟองน้ำ ริบบิ้น สายบ่า สายขอบ เป็นต้น
ด้วยส่วนประกอบชุดชั้นในที่หลากหลายทำให้ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนชุดชั้นในมีการแข่งขันสูง มีผู้ผลิตมากกว่า 100 ราย แต่ผู้ผลิตระดับเกรดเอมีเพียง 3-4 รายในตลาดเมืองไทย และหนึ่งในนั้นก็คือบริษัทฟรีเท็กซ์
แม้จะมีผู้ผลิตระดับพรีเมียมไม่มากนักในประเทศไทย แต่คู่แข่งของไทยไม่ได้จำกัดเฉพาะในประเทศเท่านั้น เพราะคู่แข่งสำคัญของไทยก็คือสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งได้เปรียบด้านต้นทุนวัตถุดิบและค่าแรงถูกกว่า
แม้ว่าสินค้าจากจีนจะไม่มีคุณภาพ แต่สิ่งที่ทำให้บริษัทฟรีเท็กซ์ต้องเหนื่อยหนัก เพราะจีนส่งเสริมการส่งออกลดภาษีให้ร้อยละ 4-5 ในขณะที่รัฐบาลไทยไม่มีความช่วยเหลือใดๆ
บริษัทฟรีเท็กซ์ อีลาสติค จำกัด หนึ่งในผู้ผลิตชิ้นส่วนชุดชั้นใน ตระหนักดีว่าการจะอยู่รอดในธุรกิจนี้และสร้างความเจริญเติบโตให้กับธุรกิจต้องพัฒนาทั้งผลิตภัณฑ์และบุคลากร
ก่อนที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ได้มาตรฐานและมีคุณภาพนั้น สิ่งสำคัญจะต้องมีบุคลากรที่มีความรู้ความเข้าใจในธุรกิจอย่างถ่องแท้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการตลาด ผลิตภัณฑ์ หรือแม้แต่ความรู้ด้านเครื่องจักร
ณรงค์ อรวัฒนศรีกุลประธานกรรมการ บริษัทฟรีเท็กซ์ อีลาสติค จำกัด ในฐานะผู้ก่อตั้งบริษัทพูดคุยกับลูกๆ ของเขา 4 คนถึงอนาคตของบริษัท
เขาบอก ผู้จัดการ 360 ํ ว่าโชคดีที่ลูกเลือกเข้ามาช่วยธุรกิจของครอบครัวและได้มอบหมายธุรกิจที่บริหารมาร่วมกว่า 20 ปีให้ลูกๆ เข้ามาสานต่อ
ณรงค์มีลูกทั้งหมด 4 คน ปัจจุบัน 3 คนเข้ามาช่วยงานเต็มเวลา ส่วนอีก 1 คนอยู่ระหว่างการศึกษา แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของทีมร่วมพัฒนาบริษัท
บทบาทหน้าที่ของลูก 3 คนที่ทำงานในปัจจุบัน ณรงค์มีส่วนสำคัญในการปูรากฐานการศึกษาและชีวิตการทำงาน ของลูกอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะสิ่งที่ลูกๆของเขาร่ำเรียนมาได้ถูกนำมาใช้ในการบริหารธุรกิจได้อย่างครอบคลุม
ลูกสาวคนโต ภานี อรวัฒนศรีกุล วัย 35 ปี รับหน้าที่เป็นผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด เข้ามาบริหารงานเมื่อ 5-6 ปีที่ผ่านมา
ลูกชายคนที่ 2 สิริชัย อรวัฒนศรีกุล วัย 33 ปี คว้าปริญญาเอกด้านวิศวกรรม จากเยอรมนี หลังจากเรียนทางด้านการ์เมนท์ ธุรกิจสิ่งทอโดยเฉพาะ เขาจึงได้รับมอบหมายให้เป็นผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาองค์กรเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา มีหน้าที่บริหารและดูแลแผนกย้อม
ส่วนวีรยุธ อรวัฒนศรีกุลอายุ 32 ปี ร่ำเรียนสาขาวิศวกรรมเครื่องยนต์ มีประสบ การณ์ด้านการศึกษาทั้งประเทศญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา เป็นผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนา ผลิตภัณฑ์ ดูแลฝ่ายทอ
ส่วนกฤษณะ อรวัฒนศรีกุล วัย 27 ปี กำลังศึกษาที่สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหาร ศาสตร์ (นิด้า) ด้านทรัพยากรบุคคล
ในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมาลูกๆ กลาย เป็นแรงสำคัญในการขยายธุรกิจ หลังจากยุคของเขาจะเน้นผลิตและจำหน่ายในประเทศเป็นหลัก
การผลิตสินค้าในอดีตใช้เครื่องจักร เพียงไม่กี่ตัว และผลิตชิ้นส่วนชุดชั้นในไม่กี่แบบและไม่หลากสี มีเพียงสีขาว สีดำ และสีเนื้อ หรือจะมีสีอื่นปะปนบ้างแต่ก็มีน้อยมาก
และผู้ผลิตรายอื่นๆ ก็ผลิตเช่นเดียวกับบริษัท แต่สิ่งที่จะทำให้บริษัทเป็นผู้นำและลูกค้ากล่าวถึงจนหันมาซื้อสินค้าของบริษัทมากขึ้น เป็นเป้าหมายหนึ่งของบริษัทฟรีเท็กซ์
"ในช่วง 5-6 ปีที่มีการขยาย เพิ่มเครื่องจักร ไม่ใช่เรามีกำไรแล้วจึงขยาย แต่เราไม่มีกำไรเราจึงต้องขยาย เพราะเราต้องลดค่าใช้จ่าย เพิ่มผลผลิต เพราะค่าแรงพนักงานต้องเพิ่ม จึงจำเป็นต้องเพิ่มผลผลิตให้มากขึ้น มาชดเชยและให้ลูกค้ายอมซื้อในราคาแพงขึ้นกว่าคู่แข่ง" ณรงค์กล่าว
สิริชัย ลูกคนที่สอง ถือได้ว่าเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการออกแบบผลิตภัณฑ์และพัฒนาสินค้า เพราะเขาเริ่มก่อตั้งทีมวิจัยและพัฒนา รวมทั้งมีทีมดีไซน์เข้ามาร่วมออกแบบลวดลาย ส่วนประกอบชุดชั้นในเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา
เขานำประสบการณ์ในการทำงานที่เยอรมนี เป็นประเทศอันดับหนึ่งที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านสิ่งทอมาปรับใช้กับธุรกิจ
สิริชัยคิดค้นสีใหม่ๆ ขึ้นมามากกว่าหลายพันสีและหลากพันลวดลาย รวมทั้งวิจัยสินค้า ปรับให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า และได้ร่วมกับวีรยุธพัฒนาเครื่องจักร ปรับระบบให้สามารถออกแบบลวดลายของสินค้าให้หลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการทำงานต้องร่วมกับนักออกแบบ อย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้ต้องปรับกระบวนการผลิตให้เร็วขึ้น จากเดิมชุดชั้นในใหม่จะเปิด ตัว 6 เดือนต่อหนึ่งครั้ง ปัจจุบันเหลือเพียง 2 เดือน
กระบวนการผลิตชุดชั้นในมีหลายขั้นตอน เริ่มตั้งแต่การผลิตเส้นยางยืด ย้อมสี แกะลาย ทดสอบความเป็นกรดด่างของผลิตภัณฑ์เพื่อไม่ให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง ซึ่งต้องทดสอบผ่านระบบเคมี
กลยุทธ์การตลาดเป็นอีกส่วนหนึ่งที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการออกแบบผลิตภัณฑ์ ภานีลูกสาวคนโตเป็นผู้บริหาร หลักที่ตัดสินใจนำสินค้าออกไปจำหน่ายในต่างประเทศ
ต่างจากอดีต การทำตลาดยุคของณรงค์จะอยู่ในประเทศเป็นหลัก มีความสนิทสนมคุ้นเคยกับเจ้าของแบรนด์ชุดชั้นใน ของซาบีน่า จินตนา รุ่งเรือง และเอบีซี
ตลาดต่างประเทศจึงเป็นเวทีใหม่ ของบริษัทฟรีเท็กซ์ และบริษัทยังเป็น "หน้าใหม่" ในวงการผู้ผลิตชิ้นส่วนชุดชั้นในเวทีโลก
การเข้าไปทำตลาดในต่างประเทศเป็นเพราะว่าบริษัทต้องการเข้าถึงเจ้าของแบรนด์โดยตรง เนื่องจากกระบวนการผลิตชุดชั้นในก่อนที่จะไปถึงปลายทางสุดท้ายคือเจ้าของแบรนด์ชุดชั้นใน ต้องผ่านหลายขั้นตอนและหลายโรงงาน แต่ละโรงงานมีสินค้าที่แตกต่างกัน บริษัทฟรีเท็กซ์ก็เป็นหนึ่งในจำนวนผู้ผลิตสินค้าหลัก เช่น แถบยางยืด แถมริบบิ้น ผ้า ตะขอ เป็นต้น
กระบวนการเหล่านี้ทำให้บริษัทฟรีเท็กซ์ไม่รู้จักเจ้าของแบรนด์โดยตรง แต่รู้จักผ่านตัวแทนบริษัทผู้ผลิตรายย่อยที่ส่งสินค้าให้กับเจ้าของแบรนด์ที่กระจายโรงงานอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตชุดชั้นในของทั่วโลก เช่น ประเทศจีน เวียดนาม ไทย เป็นต้น
ทำให้ภานีพยายามเข้าไปเจาะตลาด ในยุโรป ญี่ปุ่น และฮ่องกง ในตอนแรกไม่ประสบความสำเร็จ จนกระทั่งเปลี่ยนวิธีการเข้าถึงลูกค้าใหม่ เริ่มนำสินค้าออกไปร่วมออกบูธในต่างประเทศ อาทิ ประเทศฝรั่งเศส หรือฮ่องกง เช่น ร่วมงาน INTER FILTER PARIS EXPO FRANCE หรือ HONG KONG MODE LINGERIE
ภายในงานดังกล่าวจะเป็นการรวมเจ้าของแบรนด์ชุดชั้นในจากทั่วโลก และผู้ผลิตชิ้นส่วนชุดชั้นใน เพื่อแสดงสินค้าและเทรนด์ของชุดชั้นในในแต่ละปี จึงเป็นเป้าหมายของบริษัทที่ต้องการพบปะกับผู้ผลิตโดยตรง
"ผู้ผลิตชิ้นส่วนชุดชั้นในไม่สามารถเข้าไปแสดงสินค้าได้ทุกราย แต่ละบริษัทจะต้องนำสินค้าตัวอย่างให้ผู้จัดงานเป็นผู้เลือกว่าสินค้าที่เรามีอยู่สอดคล้องกับเทรนด์ของงานหรือไม่" สิริชัยบอก
ในช่วง 1-2 ปีแรก เขายอมรับว่าไม่ได้รับความสนใจจากเจ้าของแบรนด์ แต่หลังจากเข้าร่วมงานบ่อยครั้ง บริษัทเริ่มได้รับคำสั่งซื้อจากชุดชั้นในแบรนด์ดังของโลก อย่างเช่นมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ วิคทอเรีย ปิแอร์ การ์แดง วาโก้ ไนกี้ ซาบีน่า Playboy หรือ hook & eye
ปัจจุบันบริษัทส่งสินค้าออกไปต่างประเทศโดยตรงร้อยละ 30 แต่สินค้าที่บริษัทส่งให้กับโรงงานเย็บในประเทศร้อยละ 80 ก็ส่งออกเช่นเดียวกัน
คำสั่งซื้อเพิ่มมากขึ้นส่งผลให้ในช่วงปี 2552 ที่ผ่านมาบริษัทได้ลงทุนกว่า 100 ล้านบาทเพื่อสั่งซื้อเครื่องจักรใหม่เข้ามา
นอกจากเพิ่มเครื่องจักรใหม่บนเนื้อที่ 10 กว่าไร่ ยังได้สร้างตึกใหม่ในบริเวณโรงงานที่จังหวัดสมุทรสาครให้ทันสมัย มีการตกแต่งภายในให้เหมือนโชว์รูมและพัฒนาโรงงานให้ได้มาตรฐาน ISO 9001 เพื่อควบคุมมาตรฐานระบบน้ำเสีย
ในตอนนั้นณรงค์ในฐานะพ่อยังออกปากเสียดายตึกเก่า ถ้าไม่ทุบทิ้งก็ยังอยู่ได้ถึง 20 ปี แต่เขาก็เคารพในการตัดสินใจของลูกๆ
การปรับตัวในหลายมิติของบริษัทฟรีเท็กซ์นั้นเป็นเพราะว่าบริษัทได้วางเป้าหมายธุรกิจจะเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนชุดชั้นในครบวงจรในรูปแบบ one stop service
หมายถึงบริษัทจะผลิตชิ้นส่วนชุดชั้นในให้หลากหลายมากขึ้น รวมทั้งคิดค้น สีและออกแบบลวดลายใหม่ๆ เพื่อให้ลูกค้า สามารถสั่งสินค้าได้ครบทุกอย่างในที่แห่งเดียว
จากสมัยรุ่นณรงค์จะผลิตอีลาสติกยางยืดเป็นหลัก แต่หลังจากที่มารดาเข้ามาขยายผลิตภัณฑ์มากขึ้น เช่น ตะขอ ริบบิ้นสำเร็จรูป ห่วงพลาสติก และมีแผนผลิตห่วงเหล็กเพิ่มขึ้นในอนาคต
นอกจากนี้เรื่องสีของสินค้าเป็นเรื่อง สำคัญ เพราะลูกค้าที่ซื้อสินค้าจากหลายแหล่งจะประสบปัญหาสีของผลิตภัณฑ์แตกต่างกันจึงเป็นส่วนหนึ่งที่บริษัทจะทำวิจัยและพัฒนาต่อไป
นอกเหนือจากการพัฒนาสินค้าให้ครบวงจรแล้ว การวิจัยและพัฒนาสินค้าใหม่ๆ เป็นอีกพันธกิจหนึ่งที่จะทำให้บริษัท แตกต่างจากคู่แข่ง นอกเหนือจากการตาม เทรนด์เพียงอย่างเดียว อย่างเช่นการผลิตเนื้อผ้าไม่ให้มีกลิ่นอับชื้น โดยนำเทคโนโลยี เข้ามาร่วมพัฒนาหรือเติมกลิ่นหอมอโรเวรา ลงบนเนื้อผ้า ซึ่งตลาดญี่ปุ่นจะชื่นชอบ
ประสบการณ์กว่าสองทศวรรษที่ผ่านมา บริษัทสามารถก้าวมาเป็นผู้ผลิตชุดชั้นในภายใต้แบรนด์ของตัวเองก็ได้ แต่บริษัทฟรีเท็กซ์ก็ปฏิเสธที่จะทำเช่นนั้น เพราะบริษัทยินดีจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการผลิตชุดชั้นในสำเร็จรูปให้กับแบรนด์ดัง ทั้งในและต่างประเทศ มากกว่าที่จะหันไปสร้างแบรนด์ของตนเอง เพราะบริษัทรู้ดีว่า การอยู่เบื้องหลังและสนับสนุนแบรนด์ต่างๆ มีโอกาสเก็บเกี่ยวได้มากกว่า
แม้ในยามเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศจะถดถอย โดยเฉพาะอุตสาหกรรม ส่งออกของไทยยังไม่กระเตื้องมากนัก แต่ธุรกิจชุดชั้นในยังสามารถฝ่ากระแสส่งออกได้ สามารถประเมินจากรายได้ของบริษัทฟรีเท็กซ์ที่เติบโตถึง 400 ล้านบาทเมื่อปีที่ผ่านมา
ส่วนหนึ่งแม้ว่าตลาดไทยจะมีคู่แข่งอย่างจีน แต่ระบบการผลิตของไทยตั้งแต่ต้นน้ำไปยังยังปลายน้ำยังเข้มแข็ง เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ตลาดชุดชั้นในของไทยยังโตสวนทางกระแสเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ดี ความรู้และเทคโนโลยีเป็นสิ่งที่เรียนรู้และตามทันสำหรับทุกประเทศ และบริษัทฟรีเท็กซ์คงไม่หยุดพัฒนาเพียงเท่านี้
|
|
|
|
|