การเดินเข้าไปในงานเลี้ยงสักงานหนึ่ง แล้วหวังจะได้พบบุคคลระดับยอดสุดในวงการธุรกิจของใต้ฟ้าเมืองไทย
มาชุมนุมกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตานั้น ออกจะยากยิ่ง
โดยเฉพาะภาพที่คนทุกสำนักมายืนชูแก้วให้กันและกันนั้น ในรอบปีหนึ่งอาจได้พบเห็นเพียงครั้งสองครั้งหรืออาจหลายๆ
ปีจึงจะมีขึ้นสักครั้งก็เป็นได้
เพราะเหตุการณ์อย่างนี้ อยู่ที่บารมีของเจ้าภาพเป็นสำคัญ
แต่งานเลี้ยงคืนนั้นเราจะเห็น ชิน โสภณพนิชยืนกิน "ซาซิมิ" อยู่หน้าซุ้มอาหารญี่ปุ่น
เห็น สุวิทย์ หวั่งหลี ยืนคุยกับ ชวน รัตนรักษ์ และบรรเจิด ชลวิจารณ์ เห็นธานินทร์
นิมมานเหมินท์ ชนแก้วกับโชติ โสภณพนิช เห็นประสิทธิ์ กาญจนวัฒน์ คุยกับ
สุนทร อรุณานนท์ชัย และผู้บริหารของสินเอเซียอีก 2-3 คน เห็น ดร.อำนวย วีรวรรณ
กับชาตรี โสภณพนิช เดินเคียงคู่กันเข้ามาในงานพร้อมกับกลุ่มผู้บริหารธนาคารกรุงเทพกลุ่มใหญ่
และเห็นอีกหลายๆ คนซึ่งล้วนแต่เป็น "จอมยุทธ" จากค่ายสำนักใหญ่ด้วยกันทั้งสิ้น
คืนนั้นเป็นคืนวันที่ 11 มิถุนายน 2528
สถานที่ก็คือ ห้องนภาลัย โรงแรมดุสิตธานี
และเจ้าภาพผู้มีบารมีแก่กล้าพอที่จะเชิญเจ้ายุทธจักรจากทุกค่ายสำนักมาชุมนุมพร้อมหน้าพร้อมตากันได้นั้นชื่อ
เทียม โชควัฒนา ประธานกลุ่มสหพัฒนพิบูล
เป็นงานเลี้ยงฉลองการได้รับพระราชทานเครื่องอิสริยาภรณ์จากองค์สมเด็จพระจักรพรรดิญี่ปุ่นของ
เทียม โชควัฒนา หรือ "นายห้างเทียม" ที่วงการธุรกิจเรียกกัน
เครื่องราชอิสริยาภรณ์นี้มีชื่อเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า "คุนซันโตอุ-ซุยโฮโชอุ"
หรือถ้าพากษ์ไทยก็คือ "ตริตาภรณ์รัตนมิ่งมงคล" ว่ากันว่าเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูงที่องค์สมเด็จพระจักรพรรดิญี่ปุ่นไม่ทรงพระราชทานให้ผู้ใดง่ายๆ
“เครื่องราชฯ ของญี่ปุ่นมีด้วยกัน 3 ระดับ ระดับที่หนึ่งนั้น จะมอบให้เฉพาะประมุขประเทศต่างๆ
ระดับที่สองจะมอบเฉพาะรัฐมนตรีหรือข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ที่คุณเทียมได้รับพระราชทานนี้เป็นชั้นสาม
ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดที่บุคคลธรรมดาจะได้รับพระราชทาน…” อาจารย์สอนวิชาญี่ปุ่นในธรรมศาสตร์พูดกับ
“ผู้จัดการ”
ดูเหมือนคนไทยที่เคยได้รับพระราชทานนั้น มีรัฐมนตรีคลังสมัยสมหมาย ฮุนตระกูล
คนหนึ่ง และปีนี้มีผู้ได้รับพระราชทานพร้อมกับเทียม โชควัฒนา อีก 2 คน พิธีมอบเครื่องราชฯ
“ตริตาภรณ์ รัตนมิ่งมงคล” เพิ่งจะจัดกันขึ้นที่สถานทูตญี่ปุ่น
เมื่อวันที่ 10 มิถุนายนนี่เอง
คือก่อนหน้างานเลี้ยงฉลองที่จัดให้กับเทียม โชควัฒนา หนึ่งวัน
งานเลี้ยงฉลองคืนนั้นมีแขกรับเชิญราวๆ 500 คน จุดที่น่าตั้งข้อสังเกตมากก็คือ
ผู้บริหารแบงก์มากันเกือบครบทุกแบงก์
“นี่ก็คงต้องอธิบายว่า ธุรกิจในกลุ่มนายห้างเทียมนั้นคบหากับแบงก์ทุกค่ายสำนัก ไม่มีแบงก์ไหนผูกขาดใครที่จัดการปัญหานี้ได้ย่อมไม่ใช่คนธรรมดา….”
แขกรับเชิญในงานคนหนึ่งวิเคราะห์ให้ฟัง
อีกจุดหนึ่งที่น่าสังเกตเหมือนกันก็เห็นจะได้แก่ การได้พบเห็น “โสภณพนิช”
ครบชุดในงานนี้
ตั้งแต่ผู้พ่อ-ชิน ไปจนถึงผู้ลูกคือ ชาตรี โชติ ชัย ชดช้อย และเชิดชู ดูเหมือนจะขาดชาญคนเดียวซึ่งเข้าใจว่า
จะเดินทางไปต่างประเทศ
“คุณเทียมกับคุณชินเขารักใคร่สัมพันธ์กันมานานและเขาช่วยเหลือซึ่งกันและกันมาโดยตลอด
เพราะฉะนั้นงานนี้โสภณพนิชจึงต้องมากันครบทุกคน…” คนที่ทราบปูมหลังอธิบาย
มีหลายคนพูดว่า งานเลี้ยงฉลองนั้นนอกจากจะเป็นการมาพบปะแสดงความยินดีแล้วก็ยังเป็นเครื่องวัดบารมีของคนด้วย
ก็เห็นจะต้องยอมรับว่า เทียม โชควัฒนา นั้นสะสมบารมีไว้มากมายเหลือเกิน