|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ผู้นำที่ปักกิ่งและผู้นำที่ฮานอยตัดสินใจถือเอาปี 2553 เป็น "ปีมิตรภาพเวียดนาม-จีน" เพื่อรำลึกการสถาปนาความสัมพันธ์การทูตครบรอบ 60 ปี
อย่างไรก็ดี เว็บไซต์ VOA News ภาษาเวียดนาม รายงานเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2553 ว่าในช่วงสัปดาห์แรกของปีใหม่ ทั้งสองฝ่ายได้โต้เถียงกันเกี่ยวกับแผนการของจีนที่มุ่งก่อสร้างเกาะไหหลำเป็นเกาะท่องเที่ยวนานาชาติ ซึ่งมีการส่งเสริมพัฒนาการท่องเที่ยวที่เตยซา ซึ่งเป็นหมู่เกาะที่ฝ่ายเวียดนามเรียกว่าหว่างซา (ฝ่ายตะวันตกเรียกว่า "พาราเซล") และถูกจีนยึดครองเมื่อปี 2517 ภายหลังการรบทางเรืออย่างดุเดือดกับกองทัพเรือของกองทัพสาธารณรัฐเวียดนาม
บรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนส่งเสียงปฏิเสธความสนใจที่มีการให้ความเห็นว่าแผนพัฒนาเกาะไหหลำที่คณะรัฐมนตรีจีนประกาศเมื่อเร็วๆ นี้ จะเพิ่มความตึงเครียดสำหรับกรณีพิพาทอาณาเขตกับเวียดนาม
หนังสือพิมพ์รายวันของจีนอ้างคำพูดของ เหวะ ลืวถ่าญ เลขาธิการพรรค มณฑลไหหลำ ที่กล่าวว่า "พวกผมเพียงพัฒนาการท่องเที่ยว เศรษฐกิจ สังคม บนอาณาเขตและน่านน้ำทะเลของตัวเอง" และเรื่องนี้จะไม่สร้าง "ผลกระทบที่ไม่เป็นประโยชน์ให้กับประเทศอื่น" เหวะ ลืวถ่าญ ประกาศเช่นนั้นเมื่อวันพุธที่ 6 มกราคม 2 วันต่อมา เหงียน เฟือง งา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม ประณามแผนการของจีนที่มุ่งก่อสร้างเกาะไหหลำเป็นเกาะท่องเที่ยวนานาชาติ ซึ่งในแผนการนี้มีการเร่งพัฒนาการท่องเที่ยวที่เตยซา ซึ่งเป็นหมู่เกาะที่ฝ่ายเวียดนามเรียกว่าหว่างซา (ฝ่ายตะวันตกเรียกว่า สแปรตลี)
เหงียน เฟือง งา กล่าวว่าการกระทำของจีน "ละเมิดอธิปไตยของเวียดนามอย่างร้ายแรง" และ "ก่อความตึงเครียดและทำให้สถานการณ์ในทะเลตะวันออกซับซ้อนเพิ่มขึ้น" เธอกล่าวเพิ่มเติมว่า "เวียดนามเรียกร้องให้ฝ่ายจีนยุติการกระทำนี้ทันที"
ในวันเดียวกัน เอกอัครราชทูตจีนที่นครฮานอยได้จัดประชุมสื่อมวลชน โดยตามคำอธิบายที่ลงในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น คือมีจุดมุ่งหมาย "แจ้งให้ทราบเหตุการณ์ต่างๆ" และ "ประเมินเกี่ยวกับกระบวนการร่วมมือ 60 ปี จีน-เวียดนาม"
ในการประชุมสื่อมวลชนนี้ เอกอัครราชทูตจีน โตน ก๊วก เตื่อง กล่าวว่าปัญหาในทะเลเป็นปัญหาเด่นที่กำลังคั่งค้างอยู่ในความสัมพันธ์สองประเทศ แต่สองฝ่ายได้ตั้งกลไกการเจรจาและกำลังดำเนินการอย่างราบรื่น
เขากล่าวอีกว่า เวียดนามและจีนต่างก็เป็นประเทศสังคม นิยม โดยพรรคคอมมิวนิสต์เป็นแกนนำ "จึงไม่มีเหตุผลใดที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาคั่งค้างได้" เอกอัครราชทูตจีนย้ำข้อเสนอก่อนนี้ของผู้รับผิดชอบปักกิ่งเกี่ยวกับการพิพาทอธิปไตยทะเลตะวันออกว่าเป็น "การเลื่อนการโต้แย้งออกไปก่อนและร่วมกันใช้ประโยชน์"
ทัศนะของโตน ก๊วก เตื่อง ถูกโจมตีจากสาธารณชนเวียดนาม ทั้งภายในและต่างประเทศ แสดงความไม่พอใจต่อท่าทีของจีนและพฤติการณ์รุกล้ำอาณาเขตเวียดนาม
ในขณะแผนก่อสร้างเกาะไหหลำเป็นเกาะท่องเที่ยวนานา ชาติทำให้เพิ่มความขัดแย้งกับเวียดนาม บรรดาผู้นำเกาะแห่งนี้กล่าวว่ายังมีงานที่ต้องทำหลายอย่างเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่คณะรัฐมนตรีจีนวางไว้ในเอกสารที่ประกาศเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2553
ในการประชุมที่ปักกิ่ง ลา บ๋าวมิญ ผู้ว่าการมณฑลไหหลำ กล่าวว่าจิตสำนึกเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม และจิตใจบริการการท่องเที่ยวของประชาชนไหหลำ ต้องยกระดับให้มากขึ้น
เขากล่าวว่า "พวกผมได้รับจดหมายร้องทุกข์หลายฉบับ ความจริงมีจดหมายหลายฉบับอ่านเสร็จแล้วพวกผมไม่เพียงรู้สึกปวดใจ แต่ยังรู้สึกขุ่นเคืองด้วย ตัวอย่างเช่นการขายสินค้าให้นักท่องเที่ยวด้วยราคาแพงลิ่ว บีบบังคับ หลอกลวงนักท่องเที่ยว ขายสินค้าปลอม สินค้าขาดคุณภาพให้นักท่องเที่ยว ยังมีหลายกลุ่มจัด ทัวร์ผิดกฎหมาย ขนส่งนักท่องเที่ยวผิดกฎหมาย เพื่อหลอกลวงบีบบังคับนักท่องเที่ยว ถึงแม้เรื่องเกี่ยวข้องกับกลุ่มคนจำนวนเล็กน้อย แต่ก่อความเสียหายมากกับผลประโยชน์ของการท่องเที่ยว และทำให้เสียภาพพจน์ของไหหลำ"
เหวะ ลืว ถ่าญ เลขาธิการพรรค มณฑลไหหลำ ก็ยอมรับความคิดนี้ และกล่าวเพิ่มเติมว่าต้องยกระดับความรู้ของประชาชนโดยรวม และคุณภาพของพนักงานแขนงงานท่องเที่ยวโดยเฉพาะ
เหวะกล่าวว่า "ขอให้พวกผมมีเวลาสักเล็กน้อย ตัวอย่างเช่น ปัญหาเรื่องภาษา พวกผมต้องมีกระบวนการระยะยาวเพื่อให้มีคนรู้ภาษาอังกฤษ ภาษารัสเซีย เกี่ยวกับบริการต่างๆ ควบคู่กับกิจกรรมพัฒนาการท่องเที่ยว ผมคิดว่าสิ่งนี้มีความสัมพันธ์มากกับคุณภาพและมาตรฐานการเรียนรู้ของประชาชน ในแง่นี้พวกผมจะพยายามสุดกำลัง เพื่อดำเนินงานแต่ละก้าว"
ตามรายงานของสำนักข่าว Reuters ในวันที่ 5 มกราคม มาตรฐานการบริการยังอ่อนด้อย และการพิพาทอาณาเขตกับเวียดนามเป็นสิ่งกีดขวางสำคัญในความพยายามของจีน เพื่อให้ไหหลำกลายเป็นหนึ่งในบรรดาจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวนานาชาติ
บทรายงานกล่าวเพิ่มเติมว่า เพราะจำนวนเที่ยวบินมาไหหลำยังน้อย และการตรวจลงตราเข้าเมืองขาดความคล่องตัว ปี 2551 จำนวนนักท่องเที่ยวมาที่เกาะนี้มีเพียงประมาณ 20 ล้านคน ในจำนวนนี้มีนักท่องเที่ยวต่างประเทศเพียง 730,000 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวรัสเซียและเกาหลีใต้
|
|
|
|
|