Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา กุมภาพันธ์ 2553
พลังงานทางเลือกที่สะอาดและถูกที่สุด             
โดย ปัณฑพ ตั้งศรีวงศ์
 

 
Charts & Figures

เปรียบเทียบข้อแตกต่างของ gasification กับการผลิตพลังงานด้วยวิธีอื่นๆ


   
search resources

Electricity
นพ สัตยาศัย
Environment




ด้วยความที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการทรัพยากร และเคยทำงานให้กับยูเสด ทำให้นพ สัตยาศัย มีโอกาสศึกษาข้อดีข้อเสียของการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานต่างๆ

เขาได้ข้อสรุปว่าการผลิตไฟฟ้าจากกระบวนการ gasification เป็นกระบวนการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุด และมีต้นทุนต่ำสุด

"หากเปรียบเทียบกับโรงไฟฟ้าจากถ่านหิน ในแง่ผลวิเคราะห์ทางการเงิน ต้นทุนของ gasification จะแพงกว่าเล็กน้อย เพราะถ่านหินนั้น ต้นทุนต่อ 1 เมกะวัตต์เท่ากับ 1-1.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ gasification ตกอยู่ที่ประมาณ 1.5 ล้านดอลลาร์ หากเทียบเชิงเศรษฐศาสตร์ gasification จะคุ้มค่ากว่า เพราะผลที่ได้รับจะกระจายออกสู่วงกว้าง สู่ชุมชน แต่โรงไฟฟ้าจากถ่านหินคนที่จะได้รับประโยชน์คือผู้ลงทุนเพียงฝ่ายเดียว"

เขาบอกว่าไม่ใช่เรื่องแปลก หากกระแสไฟฟ้าที่ได้จาก gasification จะแพงกว่าถ่านหินเล็กน้อย แต่เป็นกระแสไฟฟ้าที่ได้จากกระบวนการที่สะอาดกว่า

นพยังได้ให้ข้อเปรียบเทียบกระบวนการ gasification กับการผลิตไฟฟ้าจากแผงโซลาร์เซลล์ไว้อย่างน่าคิด

"ยอมรับว่าพลังงานไฟฟ้าที่ได้จากแผงโซลาร์เซลล์เป็นพลังงานสะอาด และต้นทุนวัตถุดิบ คือแสงแดดนั้นเป็นศูนย์ แต่นั่นเป็นข้อเท็จจริงเพียงด้านเดียว"

เขาบอกว่าคนส่วนใหญ่มักมองแต่ข้อดีของการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งก็คือการที่ไม่มีต้นทุนวัตถุดิบคือแสงแดด และกระบวนการแปลงพลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานไฟฟ้าจากแผงโซลาร์เซลล์นั้นไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม

แต่ข้อมูลหนึ่งซึ่งทุกคนไม่ทราบและคนที่ทราบมักไม่พูดถึงกันคือเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตตัวแผงโซลาร์เซลล์เองนั้นเป็นเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ประเทศไทยไม่มีเทคโนโลยีเป็นของตนเอง ดังนั้นผู้ที่คิดจะตั้งโรงงานผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ จำเป็นต้องเสียค่าเทคโนโลยีให้กับเจ้าของเทคโนโลยี ซึ่งเป็นบริษัทจากต่างประเทศ

ทำให้ต้นทุนรับซื้อพลังงานไฟฟ้าที่รัฐต้องจ่ายให้กับโรงงานผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์จึงสูงกว่าโรงงานประเภทอื่น โดยเฉพาะค่า adder ที่รัฐชดเชยให้ถึงหน่วยละ 8 บาท

เงินจำนวน 8 บาทต่อหน่วยดังกล่าว เปรียบไปแล้วก็เหมือนกับการนำเงินภาษีของประชาชนไปจ่ายเป็นค่าเทคโนโลยีให้กับต่างชาติ ขณะที่พลังงานซึ่งได้รับมานั้นมีปริมาณเท่ากัน

นอกจากนี้ยังมีอีกข้อมูลหนึ่งที่น้อยคนนักจะรู้ นั่นคือกระบวนการผลิตตัวแผงโซลาร์เซลล์ที่ทำมาจากซิลิกา โดยก่อนที่จะนำซิลิกามาผลิตเป็นตัวแผงได้ ต้องใช้ความร้อนในการเผาซิลิกาด้วยอุณหภูมิสูงถึง 10,000 องศาเซลเซียส ซึ่งเท่ากับเป็นการปล่อยความร้อนสู่บรรยากาศของโลกในจำนวนมหาศาล

การได้รับพลังงานไฟฟ้าที่สะอาดจากแผงโซลาร์เซลล์ จึงไม่แตกต่างจากการชดเชยความเสียหายที่สูญเสียไปแล้วตอนผลิตตัวแผง

สิ่งที่น่าคิดคือ อัตราการชดเชยนั้น คุ้มหรือไม่กับสิ่งที่ได้เสียไป

การผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ จึงตรงข้ามกับการผลิตไฟฟ้าจากกระบวนการ gasification โดยสิ้นเชิง เพราะในกระบวนการผลิตไฟฟ้าจาก gasification ไม่มีการปล่อยสารที่เพิ่มอุณหภูมิโลกออกสู่บรรยากาศ นอกจากนี้ยังเป็นการช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศ

รวมถึงมีต้นทุนเทคโนโลยีที่ต่ำกว่ามาก

แต่กลับได้รับ adder จากรัฐเพียงหน่วยละ 3.30 บาท

โครงสร้างเงินชดเชยจากรัฐ (adder) นี่เองที่ปิดกั้นโอกาสในการแสวงหาแหล่งพลังงานทางเลือกอื่นๆ มาใช้ เพราะต้องเป็นผู้ที่มีเงินทุนหนาเท่านั้น จึงจะสามารถทำได้

สำหรับพลังงานลม ซึ่งถือเป็นพลังงานสะอาดเช่นกันนั้น จุดแตกต่างที่เห็นได้ชัดคือกระบวนการ gasification สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง แต่สำหรับโรงไฟฟ้าจากกังหันลม มีตัวแปรคือลมที่พัดไม่สม่ำเสมอ ดังนั้นความสามารถในการผลิตจึงมีความแตกต่าง

รายละเอียดข้อเปรียบเทียบเชิงเทคนิคของการผลิตไฟฟ้าด้วยวิธีการต่างๆ ซึ่งนพศึกษามานั้น สามารถดูได้จากตาราง   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us