“การเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับองค์กรที่จะก้าวไปข้างหน้า แต่การเปลี่ยนแปลงจะต้องกระทบผู้คนในองค์กรนั้น
ผู้เขียนเรื่องนี้เสนอว่า การเปลี่ยนแปลงที่ดีนั้นควรจะมีการทำให้คนยอมรับ
และลดการต่อต้านลงไป การเปลี่ยนแปลงจึงจะได้ผล”
ในการบริหารงานสมัยปัจจุบัน ผู้บริหารสมัยใหม่ทั้งหลายต่างพยายามที่จะนำเอาวิทยาการและเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาประยุกต์ใช้ในองค์กรของตน เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ หุ่นยนต์ กิจกรรม
QC Circle เป็นต้น ซึ่งในการนำความรู้หรือเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้ในองค์กรนั้น
ผู้บริหารควรจะต้องคำนึงถึงทรัพยากรมนุษย์ในองค์กรของตนเองด้วยว่า พร้อมที่จะรับความเปลี่ยนแปลงใหม่
ๆนั้นหรือไม่
โดยปกติมนุษย์เราจะชอบทำอะไรตามความเคยชิน คือ แต่เดิมมาเคยปฏิบัติมาอย่างไรปัจจุบันและอนาคตก็ยังอยากที่จะปฏิบัติอยู่เช่นนั้น
เพราะฉะนั้นเมื่อมีใครมาทำการเปลี่ยนแปลงให้ทำอะไรใหม่ๆ โดยธรรมชาติมนุษย์จะเกิดปฏิกิริยาต่อต้านการเปลี่ยนแปลงขึ้นมาทันทีเช่น
ยุคนี้เป็นยุคที่ปรัชญาการบริหารงานแบบญี่ปุ่นกำลังแพร่หลายมาก โดยเฉพาะกิจกรรม
QC Circle ในตอนที่เริ่มเอากิจกรรม QC Circle มาใช้ในองค์กรใหม่ๆ นั้น
ผู้บริหารทั้งหลายคงจะพบกับปฏิกิริยาต่อต้านจากพนักงานมากน้อยต่างกันไป พนักงานบางกลุ่มจะมองว่าเป็นการเพิ่มงานให้กับเขาแต่ได้ค่าตอบแทนเท่าเดิม
บางกลุ่มจะมองว่า ผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นจะเป็นผู้บริหารแต่เพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น
ซึ่งในแต่ละองค์กรก็ต้องเสียเวลาในการให้ความรู้ทำความเข้าใจกันอยู่นานจึงจะลดปฏิกิริยาต่อต้านลงไปได้บ้าง
ซึ่งบางองค์กรปฏิบัติต่อต้านรุนแรงหนาแน่นถึงกับทำให้การนำกิจกรรม QC Circle
มาใช้ในองค์กรมีประสบความสำเร็จก็มี
สาเหตุที่ทำให้บุคคลเกิดปฏิกิริยาต่อต้านการเปลี่ยนแปลง
1. ทัศนคติส่วนบุคคล โดยทั่วๆ ไป บุคคลจะสร้างสภาวะสมดุลในการดำรงชีวิต
คือ
เคยปฏิบัติมาอย่างไรก็จะปฏิบัติอย่างนั้นมาตลอดเรียกว่าอยู่ในสภาวะสมดุล
เมื่อบุคคลต้องประสบกับการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในการดำรงชีวิตทำให้สภาวะสมดุลเดิมเสียไป
เขาก็จะพยายามต่อต้านเพื่อกลับมาสู่สภาวะสมดุลเดิม แต่ถ้าการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ
นั้นรุนแรงกว่าปฏิกิริยาต่อต้าน เขาก็จะค่อยๆ รับมาแล้วจะปรับเข้าเป็นสภาวะสมดุลใหม่
2. การฝึกอบรมและสิ่งแวดล้อม บุคลจะยอมรับหรือต่อต้านการเปลี่ยนแปลงมาก
น้อยแค่ไหนจะขึ้นอยู่กับการอบรมเลี้ยงดูตั้งแต่แรกเกิดการฝึกอบรมเมื่อโตขึ้นมาและสิ่งแวดล้อมที่เขาได้รับหรืออาศัยอยู่
เด็กที่ได้รับการอบรมเลี้ยงดูหรืออยู่ในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
เมื่อโตขึ้นอิทธิพลของประสบการณ์เดิมจะทำให้เขาเป็นคนที่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงได้ง่ายขึ้น
ในองค์กรใดๆ ก็ตาม ผู้นำจะมีอิทธิพลอย่างมากเลยที่จะทำให้พนักงานยอมรับหรือต่อต้านการเปลี่ยนแปลง
องค์กรที่มีผู้นำที่ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานอยู่เสมอๆ จะมีส่วนช่วยลดการต่อต้านลงได้เป็นอย่างมาก
3. เหตุผลด้านความมั่นคงในชีวิตในองค์กรพนักงานจะมีปฏิกิริยาต่อต้านการ
เปลี่ยนแปลงใหม่ๆ เช่น การนำเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือหุ่นยนต์มาใช้ เป็นต้น
ก็เพราะว่าพวกเขากลัวว่าวิทยาการใหม่ๆ เหล่านี้นั้นผู้บริหารจะใช้แทนที่พวกเขาในอนาคต
และพวกเขาก็จะตกงาน
4. เปลี่ยนวิถีการดำรงชีวิต การเปลี่ยนแปลงบางอย่างจะกระทบกับการดำรงชีวิต
ปกติของบุคคลบางกลุ่ม เช่น ในโรงงานอุตสาหกรรมที่ทำงานเป็นกะจากกะกลางวันไปทำกะกลางคืน
พนักงานจะต้องเปลี่ยนการดำรงชีวิตประจำวันใหม่จากการทำงานในตอนกลางวันและพักผ่อนในตอนกลางคืน
มาเป็นการทำงานในตอนกลางคืนแล้วมาพักผ่อนในตอนกลางวัน พนักงานบางพวกจะมีปฏิกิริยาต่อต้านการเปลี่ยนแปลงอันนี้
5. ลักษณะนิสัย บุคคลที่สร้างนิสัยในการดำรงชีวิตประจำวันในลักษณะที่ทำอะไร
แบบเดิมตลอดเวลา เช่น มาทำงานกลับบ้านทางไหนก็จะใช้เส้นทางนั้นๆ ตลอด บุคคลพวกนี้จะไม่ค่อยยอมรับการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นเขาจะมีแนวความคิดว่า การทำอะไรที่ยึดแบบแผนเดิมไว้จะสะดวกสบายไม่ยุ่งยาก
เพราะฉะนั้นเมื่อเขาพบกับการเปลี่ยนแปลงเขาจึงพยายามที่จะต่อต้าน
6. กลัวในสิ่งที่ไม่รู้ การเปลี่ยนแปลงถ้าคนไม่รู้ว่าหลังจากการเปลี่ยนแปลงแล้วจะ
เกิดอะไรขึ้น จะเป็นไปในทางดีหรือไม่ดีก็ยังไม่แน่นอน คนจะต่อต้านการเปลี่ยนแปลงนั้นๆ
พนักงานจะกลัวการเปลี่ยนแปลงเพราะเขาไม่รู้ว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นจะมามีผลกระทบกับเขาในแง่ใดบ้าง
7. การเปลี่ยนแปลงบางอย่างเป็นสิ่งที่น่ากลัว ผลของการเปลี่ยนแปลงบางอย่างจะ
ดูน่ากลัวและเป็นอันตราย ถึงแม้ว่าผู้ที่จะเปลี่ยนแปลงนั้นได้พยายามชี้แจงให้เห็นว่า
เขาได้ป้องกันและแก้ไขความน่ากลัวหรืออันตรายต่างๆ ไว้หมดแล้วก็ตาม คนก็ยังไม่ค่อยไว้ใจอยู่ดีก็จะต่อต้านการเปลี่ยนแปลงนั้นๆ
ช่น ในการผลิตภาชนะใส่อาหารพลาสติกขึ้นมาแทนภาชนะพวกกระเบื้องเคลือบ ถึงแม้วาผู้ผลิตจะได้พยายามทำความเข้าใจกับผู้ใช้ว่าพลาสติกที่เขานำมาผลิตเป็นภาชนะเหล่านั้นจะไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
จะไม่ทำให้เกิดโรคมะเร็ง แต่ประชาชนบางกลุ่มที่กลัวพิษร้ายของโรคมะเร็งก็จะไม่ยอมใช้ภาชนะพลาสติกใส่อาหารรับประทานอยู่ดี
8. ผลมาจากนิทานหรือความเชื่อ ในความเชื่อของคนบางกลุ่มที่ถ่ายทอดกันมาตั้ง
แต่บรรพบุรุษจะเป็นอุปสรรคต่อการเปลี่ยนแปลง เช่น ในสังคมไทยการอบรมเลี้ยงดูบุตรหลานจะสอนให้เชื่อฟังผู้ใหญ่
คล้อยตามผู้ใหญ่ เป็นต้น พอโตขึ้นมาบุคคลเหล่านี้จะเป็นคนที่ไม่ค่อยกล้าแสดงความคิดเห็น
เมื่อมาทำงานในสถานที่ทำงานที่ใช้วิธีการทำงานแบบเป็นทีมซึ่งต้องมีสนร่วมในการแสดงความคิดเห็น
ยึดตามความเชื่อเดิมว่า ผู้ใหญ่ว่าอะไรก็ว่าตามกัน เช่นเดิม ผลงานที่ออกมาของกลุ่มจึงเป็นเพียงความคิดของคนบางคนเท่านั้นไม่ใช่ความคิดของกลุ่มจริงๆ
เราจะบริหารการเปลี่ยนแปลงอย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างไร
ตามที่ได้กล่าวมาในตอนต้นๆ แล้วว่า โดยธรรมชาติแล้วมนุษย์จะพยายามต่อต้านการเปลี่ยนแปลง
เพราะฉะนั้นในการเปลี่ยนแปลงใดๆ ก็ตามควรจะต้องคำนึงไว้เสมอว่าสิ่งใหม่ๆ หรือวิธีการใหม่ๆ เหล่านี้นั้น ทำอย่างไรคนจึงจะยอมรับ ซึ่งการที่เราจะทำให้คนยอมรับการเปลี่ยนแปลงนั้นควรคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้
คือ
1. ต้องเตรียมการล่วงหน้า ก่อนที่จะทำการเปลี่ยนแปลงใดๆ ควรวางแผนไว้ก่อนว่าจะ
มีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างในอนาคต จะได้เตรียมตัวไว้ก่อนสำหรับการเปลี่ยนแปลงนั้นๆ
2. การเปลี่ยนควรจะเป็นไปในทางที่เป็นประโยชน์ การเปลี่ยนแปลงใดๆ ก็ตามควร
คำนึงด้วยว่า จะเกิดผลประโยชน์กับผู้ที่จะถูกเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง เพราะการเปลี่ยนแปลงที่ให้ผลประโยชน์จะลดการต่อต้านได้
3. จะต้องเอาใจเขามาใส่ใจเรา ก่อนที่จะทำการเปลี่ยนแปลงใดๆ ควรคิดด้วยว่า
ถ้าเรา
เป็นผู้ที่ต้องถูกเปลี่ยนแปลงเราจะความรู้สึกอย่างไร มีผลกระทบอย่างไร แล้วพยายามปรับปรุงการเปลี่ยนแปลงนั้นให้ดีที่สุด
4. การเปลี่ยนแปลงต้องมีการสื่อข้อความ การทำความเข้าใจกับผู้ที่ถูกเปลี่ยนแปลงจะ
ช่วยให้เขาได้ข้อมูลที่ชัดเจนมากขึ้นว่า ทำไมต้องมีการเปลี่ยนแปลง หลังจากการเปลี่ยนแปลงแล้วจะมีอะไรเกิดขึ้น
มีผลกระทบกับใครบ้าง ใครจะได้ผลประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงนั้น ซึ่งถ้ามีการสื่อข้อความที่ดีแล้วจะมีส่วนทำให้การต่อต้านต่างๆ
ลดลง เพราะส่วนหนึ่งของการต่อต้านจะเกิดจากการไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงต้องมีการเปลี่ยนแปลง
5. ควรให้พนักงานมีส่วนร่วม การเปลี่ยนแปลงที่เปิดโอกาสให้ผู้ที่จะถูกเปลี่ยนแปลงเข้า
มามีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นด้วยว่า ควรจะดำเนินการไปในลักษณะใด จะช่วยลดการต่อต้านได้
6. คำนึงถึงเรื่องของผลประโยชน์ การเปลี่ยนแปลงควรคำนึงถึงผลประโยชน์ที่จะเกิดกับผู้
ถูกเปลี่ยนแปลงด้วย เช่น ในการนำเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในองค์กร ผู้บริหารควรจะได้คำนึงถึงด้วยว่า
พนักงานนั้นจะได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้นอย่างไรบ้าง เช่น อาจจะเป็นในแง่ของการทำงานที่สะดวกรวดเร็วขึ้น
ถูกต้องและเรียบร้อยขึ้น เป็นต้น การเปลี่ยนแปลงที่ให้ประโยชน์การต่อต้านก็จะลดลง
7. ต้องเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสม การเลือกเวลาที่เหมาะกับสถานการณ์จะช่วยลดการ
ต่อต้านได้ แต่ก็ยังไม่มีใครสามารถชี้ชัดลงไปได้ว่า ช่วงเวลาที่เหมาะสมนั้นควรจะเป็นช่วงใดในการพิจารณาเลือกช่วงเวลาควรคำนึงถึงข้อพิจารณาเหล่านี้บ้างคือ
บรรยากาศของความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลในองค์กร ลักษณะของการเปลี่ยนแปลงและลักษณะของแต่ละองค์กร
8. ต้องค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป การเปลี่ยนแปลงที่ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป จะช่วยให้ผู้ที่
ถูกเปลี่ยนแปลงมีเวลาปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ใหม่ๆ ได้ การยอมรับและการปฏิบัติตามก็จะเกิดขึ้นดีกว่าการเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปอย่างรวดเร็วคนจะปรับตัวไม่ทัน
การยอมรับก็จะเป็นไปได้ยาก
ในการเปลี่ยนแปลงต่างๆ นั้นจะมีผลกระทบต่อบุคคลแตกต่างกันไป บุคคลมีแนวโน้มที่
จะต่อต้านการเปลี่ยนแปลงในหลายๆ สาเหตุด้วยกัน การที่จะบริหารการเปลี่ยนแปลงให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่า
ผู้ที่จะทำการเปลี่ยนแปลงได้มากน้อยขนาดไหน ในการลดปฏิกิริยาต่อต้านนั้นควรจะเริ่มจากการนำเอาความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงนั้นมาสู่ผู้ถูกเปลี่ยนแปลงว่ามีวัตถุประสงค์อย่างไร
ทำไมถึงต้องเปลี่ยนแปลง เพื่อทดสอบความคิดเห็นว่า เขามีความเห็นอย่างไรบ้าง
และใช้วิธีร่วมกันปรึกษาหารือการเปลี่ยนแปลงนั้นควรจะนำไปในแนวทางใด ใช้วิธีการอย่างไร
แล้วใช้ข้อสรุปของกลุ่มมาเป็นวิธีการในการดำเนินการเปลี่ยนจะช่วยลดปฏิกิริยาต่อต้าน
เกิดการยอมรับ และเต็มใจปฏิบัติตามได้ดียิ่งขึ้น