Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTVผู้จัดการรายสัปดาห์8 กุมภาพันธ์ 2553
ไล่ล่ามาร์เก็ตแชร์ปีเสือ ค่ายรถเปิดเกมรุกรับตลาดโต             
 


   
search resources

Automotive




ไม่เฉพาะบริษัทรถยนต์รายใหญ่อย่างโตโยต้า อีซูซุ หรือ ฮอนดต้าที่ต่างตั้งเป้าเพิ่มยอดขาย และส่วนแบ่งตลาดแต่ทุกค่ายทั้งนิสสัน มาสด้า ฟอร์ด มิตซูบิชิ ไปจนถึงค่ายเล็กอย่างซูซูกิ ที่เพิ่มหันมาโหมตลาดรถยนต์นั่ง และค่ายรถจากมาเลเซียอย่างโปรตอน และรถจีนทั้งเณอรี่ ต่างหวังเพิ่มสัดส่วนยอดขาย ในขณะที่ตลาดรถยนต์รวมปีนี้น่าจะเติบโต 9% ตัวเลขทั้งปีกลับมายืน 600,000 คัน

ทั้งโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย และฮอนด้า ออโต้โมบิล ประเทศไทย เห็นตรงกันว่า ปี 2553 ตลาดรถยนต์เมืองไทยน่าจะตีติ้นขึ้นมาอยู่ที่ตัวเลข 600,000 คันได้ไม่ยาก เป็นการเติบโตจากปีที่แล้ว 9% จากยอดขายทั้งหมด 548,871 คัน โดยโตโยต้าประกาศครองความเป็นเจ้าตลาดรถยนต์เมืองไทยอีกเช่นเคยด้วยส่วนแบ่งตลาด 42.8% หรือคิดเป็นตัวเลขทั้งหมด 257,000 คัน

คงไม่ยากสำหรับค่ายใหญ่อย่างโตโยต้าที่มีตัวผลิตภัณฑ์หลากหลายในทุกเซ็กเมนท์ ทั้งใหญ่อย่างตลาดรถยนยต์นั่ง ซึ่งมีรถยนต์อยู่ครบทุกรุ่น แถมด้วยรถยนต์โตโยต้าคัมรี ไฮบริด ซึ่งมีโตโยต้าทำตลาดอยู่เพียงค่ายเดียว ส่วนตลาดปิกอัพนั้น โตโยต้าก็เริ่มเกมบุกใส่คู่แข่งตั้งแต่ต้นปี ทั้งกิจกรรมขับประหยัด ไปจนถึงการทำโรดโชว์ผ่านกิจกรรมแข่งขันศึกแชมป์มวยไทยมาราธอน วีโก้ สมาร์ท กิจกรรมที่สามารถเสริมยอดขายได้เป็นอย่างดี แม้จะต้องเจอกับข่าวคราวการรีคอลในช่วงนี้ แต่ก็คงไม่กระทบกับภาพลักษณ์ของโตโยต้าโดยรวมนัก

อีซูซุ ค่ายปิกอัพคู่แข่งในปีนี้ หวังเช่นกันว่าจะเพิ่มยอดขายในปีนี้ 17% ด้วยปริมาณ 130,000 คัน ฮิโรชิ นาคางาวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัทตรีเพชร อีซูซุเซลส์ จำกัด บอกว่า จยอดขายที่ว่านี้จะมาจากรถปิกอัพอีซูซุ ดีแมคซ์ ไม่ต่ำกว่า 120,000 คัน เพิ่มขึ้น 16% ขณะเดียวกัน ยังมั่นใจว่ายอดส่งออกรถกระบะอีซูซุ ดีแมคซ์ จากฐานผลิตไทยไปทั่วโลก ยกเว้นตลาดอเมริกาเหนือจะทำได้ถึง 100,000 คัน เพิ่มขึ้นถึง 66%

ด้วยเหตุผลที่ว่า ปีนี้ตลาดปิกอัพไทยจะขยายตัวในทิศทางที่ดี ไเพราะรถกระบะยังคงเป็นรถที่เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมไทย ดังนั้นยิ่งเศรษฐกิจฟื้นตัวต่อเนื่อง ราคาพืชผลก็ดีขึ้น และสถาบันการ เงินไม่ออกมาตรการคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อ ก็ย่อมจะทำให้ตลาดรถกระบะขยายตัวต่อเนื่อง ดูได้จากตลาดรถกระบะในปีที่แล้ว ซึ่งโดยข้อเท็จจริงแล้วมี กำลังซื้อเข้ามาต่อเนื่อง แต่จากการที่เกิดวิกฤติการ เงินไปทั่วโลก

ทำให้แน่นอนได้ว่า การช่วงชิงเก้าอี้เบอร์ 1 ตลาดปิกอัพก็ยังคงมีอยู่ และปีนี้ต้องดูว่า จะมีกลยุทธ์ใดที่จะสกัดโตโยต้าให้อยู่หมัด หลังจากปี 2552 ที่ผ่านมาทำยอดขายปิกอัพขนาด 1 ตัวได้ 38.89 % หากจากโตโยต้าที่มีส่วนแบ่งตลาดเดียวกัน 41.19% อยู่นิดหน่อยเท่านั้น เพราะหากวัดด้วยกิจกรรมการตลาดทั้ง 2 ค่ายต่างประหมัดกันอย่างไม่มีใครเป็นรอง

เคียวอิจิ ทานาดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด มองว่าแนวโน้มของตลาดรถยนต์ของปี 2553 น่าจะเริอ่มพื้นตัว ด้วยแรงบวกจากการฟื้นตัวของตลาดรถยนต์ในช่วงปลายปี 2552 และการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจ เป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ อาทิ โครงการไทยเข้มแข็ง 1 และ 2 ที่นำงบประมาณเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง

“การปรับราคาสินค้าการเกษตรที่เพิ่มขึ้น สิทธิประโยชน์ด้านภาษีจากข้อตกลงเขตการค้าต่างๆ ที่เราได้รับ เราเชื่อมั่นว่าตลาดรถยนต์ในประเทศจะเติบโตตามลำดับ คาดว่าจะมียอดขาย 600,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 9% แบ่งเป็นตลาดรถยนต์นั่ง 251,000 คัน รถเพื่อการพาณิชย์ 349,000 คัน โดยจะเป็นรถกระบะขนาด 1 ตัน ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง 272,000 คัน และจะเป็นเซ็กเม้นท์สำคัญ ที่ส่งผลดีต่อตลาด แม้ว่าในปีที่ผ่านมา ยอดขายรถกระบะหดตัว แต่เชื่อว่าในปีนี้ ตลาดรถกระบะจะเติบโตอีกครั้งหนึ่ง จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ” ทานาดะ กล่าว

ไม่เพียงดตโยต้าเท่านั้นที่มองโอกาสการขยายตลาดในปี 2553 นี้ เพราะค่ายรองลงมาอย่างนิสสันเองก็หวังจเพิ่มส่วนแบ่งตลาดจากที่มีอยู่ 5.54%เมื่อปีที่แล้วเป็น 7.5% ในปีนี้ ด้วยการเข็นรถยนต์จากโครงการอีโคคาร์ ซึ่งมีจุดเด่นในเรื่องความประหยัดน้ำมัน และราคาที่สามารถแข่งขันกับค่ายใหญ่ได้ ว่ากันว่า นิสสันน่าจะกดราคารถยนต์รุ่นนี้ให้อยู่ในระดับ 300,000 เศษๆ เพื่อดันยอดขายในช่วงแรก โดยมีกำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการราวเดือนมีนาคมนี้ ขณะที่ผลิตภัณธ์อื่นๆ นิสสันก็มีรถค่อนข้างหลากหลายทั้งรถยนต์นั่งขนาดเล็ก ขนาดกลาง รถปิกอัพ และรถยนต์เอนกประสงค์ขับเคลื่อ 4 ล้อ ตอบสนองความต้องการลูกค้าที่หลากหลาย ที่สำคัญคือนิสสันมีเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการที่แข็มแข็ง เมื่อเทียบกับค่ายรถในระดับเดียวกัน

มาสด้าก็เป็นอีกค่ายใหญ่ที่มีความแรงด้านผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องจากปลายปีที่ผ่านมา ด้วยการรุกตลาดอย่างหนักของ มาสด้า 2 รถยนต์นั่งขนาดซับคอมแพ็กต์ ที่ทำยอดขายทะลุเป้าในช่วง 2 เดือนการเปิดตัว พร้อมกับแผนการรุกตลาดด้วยรถยนต์มาสด้า 2 ในรุ่นซีดาน ทำให้มาสด้าหวังยอดขายในปีนี้ไว้ค่อนข้างสูงเช่นกัน มีการตั้งเป้าส่วนแบ่งตลาดจาก 2.4% ในปี 2552 เป็น 5.7% ในปีนี้ ด้วยยอดขาย 34,628 คัน แต่มาสด้าหวังว่าตลาดรถยนต์รวมทั้งปีนี้จะสูงถึง 610,000-650,000 คัน

ตลาดรถยนต์ที่น่าจะเติบโตในปีนี้ เป็นอีกโอกาสหนึ่งของค่ายรถหรูโดยเฉพาะบีเอ็มดับเบิลยูที่หวังจะผลิตเกมตลาดจากผู้ตามมาเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ระดับหรู แทนที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ แม้จะเป็นเรื่องยาก เพราะต้องฝ่าดานแบรนด์เบนซ์ที่แข็งแกร่งก็ตาม แต่ทั้ง 2 แบรนด์ก็เริ่มส่งรถยนยต์รุ่นใหม่เข้าห้ำหั่นกันตั้งแต่ต้นปี

ยังไม่รวมค่ายรถยนต์ขนาดเล็กตั้งโปรตอน ที่หวังใช้กลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ที่มีราคาต่ำกว่า ค่ายใหญ่ คอยเฉือนตลาดระดับล่าง หรือแม้แต่ค่ายเฌอรี่ รถยนต์จากจีนที่เริ่มขยับ เพิ่มเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการ ซึ่งน่าจะทำให้รถยนต์จากจีนเริ่มทำยอดขายได้บาง ที่สำคัญค่ายรถยนต์เฌอรี่ ยังมีเครือข่ายกลุ่มซีพี ให้การสนับสนุนอยู่ห่างๆ อีกด้วย

แม้กระทั้งตลาดเล็ก อย่างรถยนต์นำเข้าอิสระ ที่มีเกรย์มาร์เก็ต รายใหญ่และรายเล็ก ต่างส่งรถยนต์นำเข้ารุ่นใหม่ๆ เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี ก็ดูจะมีการแข่งขันที่รุนแรง ด้วยเรื่องของแคมเปญและกิจกรรมการตลาดหลายรูปแบบ เพื่อหวังเพิ่มยอดขายในช่วงตลาดรถยนต์ขาขึ้น

แต่ทั้งหมดนี้อาจกลายเป็นแค่ความหวัง หากช่วงครึ่งปีหลังรัฐบาลไม่สามารถควบคุมสถานการณ์การเมือง และเศรษฐกิจได้อย่างที่ตั้งเป้าไว้   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us