|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
น่าจะเรียกว่ามีไม่บ่อยครั้งนักที่มาสด้าจะเตรียมของใหม่เอาไว้เปิดตัวในช่วงเวลาที่ไล่เลี่ยนกันอย่างมาก โดยเฉพาะของใหม่ที่ว่าเป็นรถยนต์รุ่นหลักในตลาด เพราะทิ้งระยะของการเผยข่าวคราวและความเคลื่อนไหวของการเปิดตัวโฉมใหม่ในแบบโมเดลเชนจ์ของ 5 หรือพรีมาซี่ได้ไม่นาน คราวนี้มาถึงคิวของรถยนต์ครอบครัวในกลุ่ม D-Segment อย่างมาสด้า 6 หรืออาเทนซ่าที่จะมีการปรับโฉมตามอายุตลาด
ก่อนที่จะไปถึงรายละเอียดของรถยนต์ใหม่ทั้ง 2 รุ่น หลายคนอาจจะงงถึงเรื่องชื่อรุ่นมาสด้า นับจากปี 2002 เป็นต้นมา มาสด้ามีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของการเรียกชื่อรุ่นรถยนต์สายพันธุ์หลักในตลาด โดยยังแบ่งเป็น 2 ชื่อสำหรับเวอร์ชัน JDM ที่ขายในตลาดญี่ปุ่น และอีกชื่อซึ่งเป็นตัวเลขสำหรับตลาดทั่วโลกเหมือนเดิม
สำหรับรถยนต์รุ่นแรกที่ถูกเปิดตัวออกมาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของชื่อรุ่นคือ 6 เพื่อทำตลาดแทนที่รุ่น 626 เดิม ส่วนในญี่ปุ่นก็เปลี่ยนชื่อจากคาเปลล่ามาเป็นอาเทนซ่า จากนั้นก็ถึงคิวของรุ่น 3มาแทนที่ 323 ในตลาดโลก ส่วนตลาดญี่ปุ่นเปลี่ยนเป็นแอกเซล่าแทนที่แฟมิเลีย
จากนั้นมาสด้าก็ทยอยเปลี่ยนเรื่อยๆ ซึ่งก็รวมถึงเดมิโอในตลาดโลกที่ถูกแทนที่ด้วยรุ่น 2 ขณะที่เวอร์ชัน JDM สำหรับบ้านตัวเองยังใช้ชื่อเดิม เช่นเดียวกับพรีมาซี่ มินิแวนที่อิงพื้นฐานของรถยนต์ไซส์คอมแพ็กต์ซึ่งเปลี่ยนมาเป็นชื่อ 5 สำหรับตลาดโลก
สำหรับมาสด้า 5 หรือพรีมาซี่ ถือเป็นโมเดลเชนจ์หรือรุ่นเปลี่ยนโฉมที่จะมีการเปลี่ยนไปตามรถยนต์รุ่นหลักที่ถูกอิงพื้นฐานในการพัฒนานั่นคือ มาสด้า 3 โดยเป็นมินิแวนแบบ 7 ที่นั่งซึ่งถูกส่งมาทำตลาดในระดับที่รองจากรุ่น MPV และพุ่งเป้าไปที่คู่ปรับในตลาดอย่างฮอนด้า สตรีม และโตโยต้า วิช
ในรุ่นใหม่นี้เป็นสายพันธุ์ที่ 3 นับจากมินิแวนรุ่นนี้เปิดตัวในตลาดญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 1999 รูปลักษณ์ภายนอกได้รับอิทธิพลงานออกแบบสไตล์ใหม่ หรือ Design Language ที่เรียกว่า Nagare มาสด้านำมาใช้กับต้นแบบเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2006 แต่ถือเป็นครั้งแรกที่นำมาใช้กับรถยนต์ในสายการผลิต
4-6 มาสด้า 5 หรือพรีมาซี่มากับการเปลี่ยนโฉมแล้ว
เครื่องยนต์ที่ทำตลาดเน้นไปที่แบบ 4 สูบเรียงเป็นหลักโดยจะมีทั้งแบบ 1800 ซีซี. และ 2000 ซีซี. ในรุ่นหลังมาพร้อมระบบ i-Stop จะดับเครื่องยนต์เมื่อจอดติดอยู่กับที่เหมือนกับรถยนต์ไฮบริด และเป็นเทคโนโลยีที่นำมาใช้เป็นครั้งแรกกับมาสด้า 3 ที่ขายอยู่ในปัจจุบัน เพื่อช่วยลดความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง และการปล่อยมลพิษ โดยทั้ง 2 เครื่องยนต์นี้จะจับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะซึ่งมีการปรับอัตราทดให้เหมาะสมสำหรับการใช้งานในเมือง และเน้นไปที่ความประหยัดน้ำมัน
อีกรุ่นที่มีการเตรียมเปิดตัวในช่วงเวลาเดียวกันคือ การปรับโฉมของมาสด้า 6 ซึ่งรถยนต์รุ่นนี้เป็นเจนเนอเรชันที่ 2 ของสายพันธุ์ 6 และเปิดตัวครั้งแรกในในปี 2007 ที่งานแฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ ซึ่งเมื่อนับดูระยะเวลาในการทำตลาดก็สมควรแก่เวลาของการปรับโฉมกระตุ้นตลาดแล้ว
การปรับโฉมของ 6 ในครั้งนี้สามารถสัมผัสได้ถึงความแตกต่าง เพราะมีการเปลี่ยนทั้งไฟหน้า กระจังหน้า และกันชนหน้า เช่นเดียวกับด้านท้ายซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงไฟท้ายและกันชนท้าย ขณะที่ภายในห้องโดยสารมีการอัพเกรดความหรูด้วยการเปลี่ยนวัสดุสำหรับตกแต่งใหม่ โดยการปรับโฉมครั้งนี้จะมีขึ้นพร้อมกันทั้ง 3 ตัวถังคือ ซีดาน, สเตชันแวกอน และแฮทช์แบ็ก 5 ประตู
ทางเลือกของเครื่องยนต์ไม่แตกต่างจากเดิม ซึ่งในเวอร์ชันที่ขายในยุโรปจะมากับขุมพลังแบบ 4 สูบเรียงล้วนๆ ทั้งเบนซินที่มีความจุในระดับ 1800-2500 ซีซี. และเทอร์โบดีเซลบล็อกใหม่ 2200 ซีซี. แต่มีระดับความเร้าใจให้เลือก 3 แบบโดยมีกำลังขับเคลื่อนอยู่ระหว่าง 129-180 แรงม้า ส่วนในสหรัฐอเมริกามีเครื่องยนต์บล็อกใหญ่อย่างวี6 3700 ซีซี.ที่ยกมาจากเอสยูวีรุ่น CX-9 เป็นอีกทางเลือกของการขับเคลื่อน
นอกจากนั้นทางมาสด้ายังปรับเซ็ตระบบช่วงล่างใหม่ให้ตอบสนองการขับขี่ที่เร้าใจขึ้น เช่นเดียวกับการติดตั้งเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้าไป เช่น ไฟหน้าเลี้ยวตามการหมุนของพวงมาลัย หรือระบบช่วยในการออกตัวเมื่ออยู่บนทางลาดชัน หรือ Hill-Launch Assist เหมาะสำหรับรุ่นเกียร์ธรรมดา เพราะช่วยลดความเสียวในการถอนคลัตช์ขณะจอดรถติดบนทางลาดชัน
ทั้ง 2 รุ่นมีคิวเปิดตัวพร้อมกันในงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ 2010 จะมีขึ้นในวันที่ 4-14 มีนาคมนี้ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และจากนั้นก็จะเริ่มทยอยขายในตลาดในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก ส่วนจะมีชื่อของบ้านเรารวมอยู่ด้วยนั้น คงต้องติดตามดูกันต่อไป
|
|
|
|
|