Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTVผู้จัดการรายวัน5 กุมภาพันธ์ 2553
ปี53โอกาสทองรับเหมาไทย             
 


   
search resources

Construction




SCG ระบุปี 53 โอกาสรับเหมาไทยจากโครงการไทยเข้มแข็ง(SP2) คาดเม็ดเงินสะพัด 7 แสนล้าน– เมกะโปรเจกต์รถไฟฟ้า 2 สาย วอนรัฐเร่งเบิกจ่ายงบกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมแนะรับเหมาไทยเพิ่มประสิทธิภาพรองรับงาน ส่วนภาพรวมอสังหาฯ คาดทั้งปีโต 5%บ้าน 3-5 ล้านบาทยังขายดี ราคาบ้านเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้านบาท ชี้เปิดเขตการค้าเสรีวัสดุไทยได้ประโยชน์เหตุเป็นผู้ส่งออกหลัก ห่วงรับเหมารายกลาง-เล็กหวั่นต่างชาติเข้ามาแย่งตลาด

วานนี้ (4 ก.พ.53) สำนักโลจิสติกส์ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้จัดงานสัมมนา เรื่อง “ วิกฤตก่อสร้างและทิศทางปี 2010 – ทางรอดของผู้รับเหมา ” โดยนายธีรสิทธิ์ เศวตสิลา ผู้อำนวยการฝ่ายประสานงานและบริการ บริษัท เอสซีจี เน็ตเวิร์ต แมเนจเม้นท์ จำกัด ในเครือ SCG กล่าวว่า อุตสาหกรรมการก่อสร้างในปีนี้มีแนวโน้มดีขึ้นจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะโครงการงบไทยเข้มแข็ง ที่รัฐบาลใส่เม็ดเงินเข้าสู่ระบบสูงถึง 1.43 ล้านล้านบาท โดยให้ความสำคัญกับพัฒนาระบบโลจิสติกส์, แหล่งน้ำ และสร้างโรงพยาบาลเป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีโครงการเมกะโปรเจกต์ โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสายสีนิเงิน ที่เริ่มก่อสร้างได้ในปีนี้ ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจมีการฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปีที่ผ่านมา รวมไปถึงเศรษฐกิจโลกที่ปรับตัวดีขึ้น โดยคาดว่าปีนี้ไทยจะมีผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) เพิ่มขึ้นจาก –2.8% มาอยู่ที่ 3.5% ในปีนี้

อนึ่ง ในวันนี้ (5 ก.พ.) บริษัทผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ CCP จะมีการลงนามสัญญาซื้อขายผลิตภัณฑ์คอนกรีตและวัสดุก่อสร้าง สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง กับบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน)

“ ประเทศไทยยังมีความเปราะบางจากปัจจัยลบทั้งภายในและภายนอกประเทศ ซึ่งได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัวดี โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาแม้ว่าเศรษฐกิจจะมีอัตราการเติบโต แต่ปัญหาการว่างงานยังไม่ลดลง นอกจากนี้ปัญหาการเมืองของไทยยังเป็นปัจจัยลบสำคัญ รวมไปถึงปัญหานิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ทำให้นักลงทุนมีความกังวล, ราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น ค่าเงินบาทแข็งค่าจะทำให้ความสามารถด้านการแข่งขันการส่งออกลดลง ”นายธีรสิทธิ์ กล่าว

สำหรับอุตสาหกรรมการก่อสร้างเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อ GDP อย่างมาก มีสัดส่วนต่อ GDP ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2532-2540 มีสัดส่วนสูงถึง 20% และลดลงในปี 2540 มาอยู่ที่ระดับ 15% แต่ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 9% อย่างไรก็ตาม ยังถือว่าอยู่ในระดับสูงหากมีการพัฒนาเพิ่มศักยภาพให้แก่ผู้ประกอบการทุกภาคส่วน จะส่งผลให้ GDP ของประเทศปรับเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

**แนะเอกชนเพิ่มประสิทธิภาพ**

ทั้งนี้ ในปี 53 ถือเป็นโอกาสที่ดีของอุตสาหกรรมก่อสร้าง จากการกระตุ้นของรัฐบาลผ่านโครงการงบไทยเข้มแข็ง ซึ่งจะทำให้เกิดการก่อสร้างและการจ้างงานจำนวนมาก โดยคาดว่าจะมีการจ้างแรงงานสูงถึง 1.5 ล้านคน และมีมูลค่างานก่อสร้างสูงถึง 7 แสนล้านบาท และคาดว่าจะทำให้กำไรของผู้รับเหมาเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงเป็นโอกาสที่ผู้ประกอบการไทยควรปรับตัวเพื่อประสิทธิภาพ และศักยภาพในการแข่งขัน รองรับงานที่จะมีมากในปีนี้และเพื่อต่อสู้กับคู่แข่งในตลาด

อย่างไรก็ตามโครงการไทยเข้มแข็งเริ่มเมื่อไตรมาส 3 ปี 52 โดยในช่วงสิ้นปีมีการเบิกจ่ายงบประมาณไปเพียง 2% จากงบ 1.43 ล้านล้านบาท ซึ่งถือว่าล่าช้า ดังนั้น รัฐบาลควรเร่งการเบิกจ่ายและการเปิดประมูลงาน เพื่อให้เม็ดเงินไหลเข้าสู่ระบบได้เร็วขึ้น

***ปี 53 งานสร้างคอนโดฯเพียบ

ส่วนภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 53 จะมีงานก่อสร้างคอนโดมิเนียมแห่งใหม่เกิดขึ้นจำนวนมาก ส่วนตลาดแนวราบในปีที่ผ่านมายังไปได้ดี จากมาตรการกระตุ้นของรัฐผ่านมาตรการทางภาษี โดยปี 52 ตลาดอสังหาฯมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 2.9% ส่วนปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโต 5% และคาดว่าจะมีการก่อสร้างบ้าน (แนวราบ) กว่า 5 แสนหลัง โดยบ้านที่ยังขายดีอยู่ในระดับราคา 3-5 ล้านบาท นอกจากนี้ เริ่มมีโครงการบ้านบีโอไอเข้าสู่ตลาดมากขึ้น รวมไปถึงการแข่งขันปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน

อย่างไรก็ดี ในปี 53 ยังมีปัจจัยลบที่มีผลกระทบต่อตลาดอสังหาฯ ได้แก่ ความไม่ชัดเจนในการต่ออายุมาตรการภาษีอสังหาฯ ภาวะความไม่สงบทางการเมือง เศรษฐกิจ เป็นต้น โดยราคาบ้านเฉลี่ยในปีนี้ 3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 52 จำนวน 5% ที่มีราคา 2.8 ล้านบาท ส่วนแนวโน้มราคาวัสดุก่อสร้างมีทิศทางปรับเพิ่มขึ้นแต่ไม่มากนักประมาณ 0.4% จากที่ปี 52 มีอัตราติดลบ เนื่องจากจาราคาเหล็กลดลงไปมาก

***เปิดเสรีการค้าช่วยตลาดไทย

สำหรับการเปิดเขตการค้าเสรี โดยลดภาษีนำเข้า-ส่งออกเหลือ 0% จะทำให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ประกอบการไทยมากกว่าผลเสีย โดยเฉพาะกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่ไทยถือเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ในภูมิภาคเกือบทุกชนิด ยกเว้นสินค้าเซรามิก ผู้ประกอบการรายใหญ่สามารถขยายตลาดจาก 63 ล้านคนเป็น 600 ล้านคน ซึ่งจะทำให้ขายผลิตได้มากขึ้น

ส่วนในอุตสาหกรรมก่อสร้างผู้รับเหมารายใหญ่ จะได้ประโยชน์เนื่องจากมีเทคโนโลยีการก่อสร้าง มีประสบการณ์ในการรับงาน ประมูลงาน ซึ่งเชื่อว่าสามารถแข่งขันในตลาดอาเซียนได้ไม่ยาก แต่สำหรับรายกลาง-รายเล็กจะต้องระวังตัวและเตรียมรับมือจากคู่แข่งชาวต่างชาติที่จะเข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาด โดยเฉพาะจากสิงคโปร์   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us