Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTVผู้จัดการรายวัน25 มกราคม 2553
ตอกฝาโลง64กิจการมาบตาพุด             
 


   
www resources

โฮมเพจ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

   
search resources

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
Commercial and business
สันติ วิลาสศักดานนท์




มัดตราสังข์ 64 กิจการมาบตาพุด หลังศาลฯ ไม่รับคำขอผ่อนผัน 30 กิจการ ส่งผลให้ไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้ต่อไป เอกชนห่วงผลกระทบตามมาอีกเพียบ ทั้งผู้รับเหมา แรงงาน ปัญหาการเงิน เรียกร้องรัฐเยียวยา พร้อมแจงนักลงทุนด่วน หวั่นสับสนกระทบเชื่อมั่น อุตฯ เตรียมหารือนายกฯ-กอร์ปศักดิ์วันนี้

นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงกรณีศาลปกครองกลางมีมติยกคำร้อง30โครงการในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดจ.ระยองที่มีผลกระทบจากคำสั่งระงับกิจการก่อหน้านี้ว่า กิจการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและก่อสร้างแล้วจะได้รับผลกระทบอย่างชัดเจนว่าจะไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้จนกว่าจะผ่านกระบวนการขั้นตอนตามมาตรา 67 วรรค 2 ของรัฐธรรมนูญปี 2550 ดังนั้น รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องเร่งหามาตรการเยียวยาผลกระทบที่จะเกิดขึ้น พร้อมกับจะต้องเร่งชี้แจงกับนักลงทุนเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นการลงทุนในประเทศไทย

“เอกชนมีหน้าที่ปฏิบัติตามศาลฯ ที่ผ่านมาเอกชนหวังว่าจะสามารถปลดล็อคระงับกิจการได้ เพื่อที่จะเดินขนานกับการทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) รายงานผลกระทบสุขภาพ (HIA) ตามมาตรา 67 วรรค 2 แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็เท่ากับ64กิจการ ไม่สามารถยื่นขอยกเว้นระงับกิจการได้อีก แต่สิ่งที่ห่วง คือ กิจการที่ก่อสร้างแล้วและอยู่ระหว่างก่อสร้างกลุ่มนี้จะได้รับผลกระทบหนักสุด เพราะจะเกี่ยวข้องกับผู้รับเหมา แรงงาน และปัญหาทางการเงินตามมาแน่นอน”นายสันติกล่าว

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา 30 โครงการอุตสาหกรรมในมาบตาพุด ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลปกครองมีคำสั่งยกเว้นคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลปกครองกลางและศาลปกครองสูงสุด ที่ห้ามดำเนินโครงการใดๆ เนื่องจากกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยอ้างเหตุผลเป็นโครงการที่ได้รับอนุญาตจากผู้เชี่ยวชาญการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมก่อนวันประกาศบังคับใช้รัฐธรรมนูญ 2550 และไม่เกิดผลกระทบต่อชุมชน แต่ในที่สุดศาลได้มีคำสั่งยกคำร้องดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่า ผู้ร้องทั้งหมดสามารถใช้หลักฐานที่ตรวจสอบจากสำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ จึงไม่อยู่ภายใต้ข้อบังคับของคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนการพิพากษาของศาลปกครองกลางเมื่อวันที่ 29 ก.ย.2552 และคำสั่งศาลปกครองสูงสุดวันที่ 2 ธ.ค.2552 ศาลจึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย และมีคำสั่งให้ยกคำร้อง

นายสันติกล่าวอีกว่า กระบวนการตามขั้นตอนกฎหมายขณะนี้ แม้ว่ากรอบการทำ EIA และHIA จะสรุปแล้ว แต่ก็ยังคงมีประเด็นว่าด้วยการจัดตั้งองค์การอิสระ (เฉพาะกาล) ขณะเดียวกันยังต้องรอผลการสรุปประเภทบัญชีกิจการส่งผลกระทบรุนแรง ดังนั้น เอกชนที่ยังไม่ได้เริ่มก่อสร้างใดๆ คงไม่สามารถเดินหน้าอะไรได้มากจนกว่าจะมีความชัดเจนในกติกาทุกด้านให้ครบหมดก่อน

นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กรณีมาบตาพุดส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การลงทุนของไทยชัดเจน จำเป็นที่ทุกฝ่ายจะต้องเร่งหาทางแก้ไขให้ภาพออกมาชัดเจนโดยเร็ว โดยยืนยันว่ากฏหมายไทยเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมนั้นเป็นระดับสากลด้วยการกำหนดให้มีการทำ HIA ใน EIA อยู่แล้ว และมีเพียงประเทศแคนาดากับออสเตรเลียเท่านั้นที่มีการแยกทำ EIA และ HIA

ชี้ปิโตรเคมีไทยโตเร็วกลายเป็นเหยื่อ

นายไพรินทร์กล่าวว่า อุตสาหกรรมปิโตรเคมีของไทยที่นิคมฯมาบตาพุดนั้นติด 1 ใน 10 ของโลกมีการพัฒนาที่เร็วกว่าที่วางเป้าหมายไว้มากและกระจุกตัวในพื้นที่มาบตาพุดเพียงแห่งเดียว เพราะทุกคนเห็นว่าเมื่อเกิดขึ้นมากย่อมมีประสิทธิภาพมากในแง่ของต้นทุนการผลิตแต่ในแง่ของกฏหมายต่างๆ ที่จะมาดูแลหรือรองรับกลับไม่มีการปรับให้ทันกับสภาพที่เปลี่ยนไปเปรียบเหมือนคนอ้วนแต่ใส่เสื้อตัวเดิมจึงคับ ดังนั้น การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ควรต้องแก้ไขกฏหมายใหม่

“เราไม่มีใครสักคนที่จะมองให้เห็นถึงรากเหง้าของปัญหาซึ่งคนไทยนั้นทำอุตสาหกรรมปิโตรเคมีดีสุดในอาเซียนก็เลยไม่แปลกที่จะมีคนหมั่นไส้ และไม่มีใครเข้าใจจริงอย่าง EIA ของไทยก็มีHIA อยู่แล้วเป็นสากลนักลงทุนที่ไหนๆ ก็ทราบและจีดีพีของระยองสูงถึง 6 แสนกว่าล้านบาทแต่งบประมาณที่ได้รับเพียงแค่ 1% ของงบประมาณทั้งหมด”นายไพรินทร์กล่าว

อุตฯ เล็งหารือปัญหาด่วนวันนี้

นายสรยุทธ เพ็ชรตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า วันนี้ (25ม.ค.) จะนำประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นหารือกับนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกรัฐมนตรีที่จะเดินทางมาติดตามความคืบหน้าโครงการในมาบตาพุดที่ศูนย์บริการให้คำปรึกษา (OSOS) ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ขณะเดียวกันจะหารือกับนายกรัฐมนตรีในโอกาสประชุมบอร์ดบีโอไอในวันเดียวกันด้วย

แหล่งข่าวจากกระทรวงอุตสาหกรรมกล่าวว่า ปัญหาดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนสับสนค่อนข้างมากโดยยอมรับว่ามีผลต่อความเชื่อมั่นอย่างแน่นอน เพราะกิจการจะต้องถูกระงับทั้ง 64 กิจการที่เหลือที่เอกชนเตรียมทำเรื่องยื่นผ่อนผัน ก็เท่ากับจบ ดังนั้นกระทรวงอุตสาหกรรมในฐานะกำกับดูแลภาคเอกชนคงจะต้องหามาตรการเยียวยาในเรื่องนี้ให้กับเอกชน โดยจะพิจารณาในรายละเอียดอีกครั้ง   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us