Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTVผู้จัดการรายวัน25 มกราคม 2553
มิตซูบิชิเฆี่ยนเสือโต50% ทุ่ม5พันล้านสู้อีโคคาร์             
 


   
search resources

มิตซูบิชิ มอเตอร์ ประเทศไทย
Automotive




ค่าย “มิตซูบิชิ” สวมหัวใจเสือ ฟุ้งขอโตกว่า 50% แม้จะไม่มีผลิตภัณฑ์ใหม่สู่ตลาด มั่นใจรถยนต์หลายรุ่นที่ทยอยเปิดตัวในปีที่ผ่านมา บวกกับกลยุทธ์ส่งเสริมการขาย จะช่วยผลักดันยอดขายทะลุ 30,000 คันในปีนี้ แถมยิ้มรับเศรษฐกิจฟื้นตัว และเปิดเสรีรถยนต์ในอาเซียน ยอดคำสั่งซื้อจากอินโดนีเซีย,ฟิลิปปินส์ และหลายประเทศทั่วโลกเพิ่มเพียบ ส่วนโครงการ “อีโคคาร์” ที่ส่ออาการลังเลมาตลอด แม้จะขอรับส่งเสริมการลงทุนไปแล้ว ล่าสุดประกาศท่าทีชัดขอเดินหน้าลงทุนมากกว่า 5,000 ล้านบาท ภายในระเวลา 2 ปี ขึ้นไลน์ผลิตในไทย พร้อมเตรียมวางพื้นฐานให้เข็งแกร่ง รองรับการเปิดตัวสู่ตลาดในปี 2555

ในปี 2553 เป็นปีที่ท้าทายอย่างต่อเนื่อง สำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์ไทย แม้เศรษฐกิจจะมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างชัดเจน แต่ก็ยังคงมีความไม่แน่นอนอยู่ ขณะเดียวกันการแข่งขันในตลาดก็รุนแรงมากขึ้น และมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เข้ามาทำตลาดเป็นครั้งแรกจากโครงการ “อีโคคาร์” รวมถึงการเปิดเสรีรถยนต์ ภายใต้กรอบอาฟต้า(AFTA) ทำให้แต่ละยี่ห้อคงต้องทำงานอย่างหนัก และ “มิตซูบิชิ” ในฐานะผู้ผลิตและจำหน่ายรายใหญ่ของไทย จะมีแนวทางในการดำเนินงานและต่อสู้กับศึกปีเสือโหยอย่างไร? ตลอดจนโครงการอีโคคาร์ที่ประกาศว่า จะสรุปท่าทีชัดเจนภายในต้นปีนี้ จะออกหัวหรือก้อย?…. ทั้งหมด นายโนบุยูกิ มูราฮาชิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด จะเป็นผู้ให้คำตอบ

“ภาพรวมปีนี้ค่อนข้างดีกว่าปีที่แล้ว ทำให้เรามีกำลังใจมากขึ้น โดยเฉพาะทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ในส่วนของปัญหาทางการเมืองมองว่าไม่ใช่ปัจจัยลบรุนแรงนัก ระยะสั้นอาจจะส่งผลบ้าง แต่ในระยะยาว ประชาชนจะต้องเลือกการเมืองที่ถูกต้องอยู่แล้ว เมื่อดูหลายปัจจัยประกอบกันคาดว่า ตลาดรถยนต์ไทยปีนี้น่าจะอยู่ที่ประมาณ 600,000 คัน เติบโตจากปีที่แล้วประมาณ 9% ที่มียอดขาย 548, 871 คัน ”

นายมูราฮาชิเปิดมุมมองสถานการณ์ต่างๆ ในไทย และกล่าวว่า ส่วนของมิตซูบิชิตั้งเป้ายอดขายปีนี้ไว้ประมาณ 30,000 คัน เติบโตจากปีที่แล้วกว่า 50% ซึ่งเป็นผลมาจากการทยอยเปิดตัวรถรุ่นใหม่ๆ สู่ตลาดในช่วงปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นมิตซูบิชิ ปาเจโร่ สปอร์ต และแลนเซอร์ อีเอ็กซ์ รวมถึงการแนะนำมิตซูบิชิ แลนเซอร์ เครื่องยนต์รองรับพลังงานซีเอ็นจี โดยผู้บริโภคให้การตอบรับและสั่งจองเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในส่วนของปิกอัพจะพยายามชูจุดเด่นมากมายให้ผู้บริโภครับทราบมากขึ้น

“เราคงจะจัดรายการส่งเสริมการขาย เพื่อผลักดันให้ได้ 30,000 คัน โดยตั้งเป้ายอดขายปิกอัพเป็นสัดส่วน 40-50% ของทั้งหมด ที่เหลือเป็นเก๋งรุ่นต่างๆ และรถประเภทพีพีวี มิตซูบิชิ ปาเจโร่ สปอร์ต ส่วนรถยนต์ใหม่แนะนำสู่ตลาดปีนี้ไม่มี แต่จะมีรุ่นพิเศษออกมาสร้างสีสันเป็นระยะ”

ต่อเรื่องของตลาดรถยนต์นั่ง หรือเก๋ง ที่มีอัตราการเติบโตมาก โดยเฉพาะเก๋งขนาดเล็ก ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดปิกอัพในไทยลดลง นายมูราฮาชิ .กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “น่าจะเป็นความชัดเจนในการเลือกใช้งานรถยนต์ของผู้บริโภคในไทย แน่นอนเก๋งคงจะต้องขยายตัวมากกว่า เพราะพฤติกรรมของคนที่อยู่ในเมืองจะหันมาใช้เก๋งมากขึ้น แต่ในต่างจังหวัดยังคงมีความต้องการปิกอัพเช่นเดิม เชื่อว่าทั้งสองตลาดจะโตเหมือนกัน”

“ดังนั้นสิ่งสำคัญเราจะต้องพยายามนำเสนอจุดเด่นของรถมิตซูบิชิให้ผู้บริโภคได้รับทราบ และซื่อสัตย์ต่อลูกค้า เพื่อสร้างความพึงพอใจให้ได้มากที่สุด โดยในช่วงปีนี้เป็นต้นไปเราจะต้องสร้างพื้นฐานของมิตซูบิชิให้แข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการบริการทั้งก่อนและหลังการขาย เครือข่ายการจำหน่าย และบุคลากรที่มีคุณภาพ เพื่อรองรับการเติบโตของโครงการอีโคคาร์ของมิตซูบิชิในอนาคต”

เมื่อถามว่ามิตซูบิชิเคยประกาศจะตัดสินใจเกี่ยวกับความชัดเจน ในการลงทุนโครงการอีโคคาร์ภายในเดือนมีนาคมปีนี้ แสดงว่าตอนนี้สรุปรายละเอียดได้แล้ว….

“อย่างที่บอกปีนี้เราจะวางพื้นฐานให้แข็งแกร่งเพื่ออนาคต โดยเฉพาะปีที่มิตซูบิชิแนะนำอีโคคาร์สู่ตลาด ซึ่งจะพยายามทำให้ทันภายในปี 2012 หรือปีพ.ศ.2555 ซึ่งสาเหตุที่ต้องใช้เวลาถึง 2 ปี เพราะเราต้องพัฒนาและศึกษาใหม่หมด ไม่เหมือนนิสสันที่เขามีผลิตภัณฑ์อยู่แล้ว เพียงแต่นำมาผลิตในไทยเท่านั้น”

“ส่วนการเปิดตัวหลังคู่แข่งคงมีทั้งได้เปรียบและเสียเปรียบ เพราะรัฐบาลให้เงื่อนไขเท่าๆ กัน การที่นิสสันเปิดมาก่อนและตามด้วยฮอนด้า คงจะได้เปรียบในการทำตลาดก่อน แต่เราก็มีเวลาได้ศึกษาและดูการทำตลาดของคู่แข่ง และนำมาแก้ไขพัฒนาตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดีกว่า”

จากท่าทีดังกล่าวชัดเจนว่ามิตซูบิชิตัดสินใจเดินหน้าโครงการอีโคคาร์แน่นอนและ คงจะต้องมีการปรับไลน์การผลิต หรือลงทุนใหม่อีกมาก

“ตอนนี้กำลังการผลิตเราใช้เต็มที่ ถ้าจะเอาอีโคคาร์ต้องเพิ่มกำลังการผลิตอีก 1 แสนคัน ทำให้ต้องเพิ่มการลงทุน และเงื่อนไขอีโคคาร์จะต้องลงทุนไม่น้อยกว่า 5,000 ล้านบาท และคิดว่าเราต้องลงทุนมากกว่า 5,000 ล้านบาท โดยจะเป็นการทยอยลงทุนภายใน 2 ปี”

“ในส่วนของการเพิ่มกำลังการผลิตรุ่นอื่นๆ ในปัจจุบัน ตอนนี้ปรับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามการฟื้นตัวของตลาด ซึ่งปีที่ผ่านมาขายในประเทศ 19,600 คัน ส่งออกประมาณ 109,000 คัน คาดว่าปีนี้จะมีการส่งออกเพิ่ม 20-30% หรือประมาณ 140,000 คัน โดยยังคงเป็นตลาดที่เคยส่งออกไปกว่า 140 ประเทศทั่วโลกเช่นเดิม แต่คำสั่งซื้อแต่ละประเทศสูงขึ้น และโดยเฉพาะปีนี้เปิดเสรีรถยนต์ในอาเซียน ทำให้มีคำสั่งซื้อรถยนต์ปาเจโร สปอร์ต ในอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์มากขึ้น รวมถึงออสเตรเลียด้วย ทำให้ต้องปรับกำลังการผลิตในปีนี้ประมาณ 10%”

เมื่อถามถึงทิศทางของรถยนต์พลังงานทดแทน ซึ่งกระแสในต่างประเทศเกี่ยวกับรถไฮบริดกำลังมาแรง รวมถึงเมืองไทยที่ยอดขายโตโยต้า คัมรี่ ไฮบริด ประสบความสำเร็จดีมาก นายมูราฮาชิ. ให้ความเห็นถึงเรื่องนี้ว่า… “เรามีความสนใจเช่นกัน และมิตซูบิชิมีรถยนต์ไฟฟ้าอย่างที่ทราบกันดี บริษัทแม่ก็ประกาศว่าในปี 2013 จะมีรถไฮบริด รวมถึงรถ Plug –In ไฮบริด ซึ่งทิศทางมันไปเช่นนั้นอยู่แล้ว”

“สำหรับเมืองไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม ณ ช่วงเวลาอันใกล้พลังงานจากพืชเกษตรอย่างเอทนอล ซึ่งรัฐบาลไทยกำลังสนับสนุนถือว่าเหมาะสม มีต้นทุนที่ต่ำกว่าพลังงานประเภทอื่นๆ และมิตซูบิชิก็พร้อมสนับสนุน ดังจะเห็นได้จากการแนะนำรถยนต์แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ ที่รองรับน้ำมันได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเบนซิน หรือแก๊สโซฮอล์ อี10-85 ได้”

จากการเปิดเผยของบิ๊กบอสเบอร์หนึ่งของมิตซูบิชิในประเทศไทย คงพอจะมองเห็นทิศทางและอนาคตของมิตซูบิชได้พอสมควร และจากนี้ไปคงต้องติดตามว่าจะทำได้อย่างที่คาดหวังหรือไม่?   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us