เศรษฐกิจโลกฟื้น “ดั๊บเบิ้ลเอ” มีความหวัง เดินหน้าตีตลาดอเมริกา ฝันยอดขายต่างประเทศช่วยดันรายได้รวมขยับโต 10% เผยปีนี้ไม่มุ่งลงทุน ขอดูความชัดเจนทางเศรษฐกิจไปก่อน
นายชาญวิทย์ จารุสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอ็ดวานซ์ อะโกร จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายกระดาษแบรนด์ ดั๊บเบิ้ล เอ เปิดเผยว่า ภาพรวมรายได้ในปีที่ผ่านมา บริษัททำได้ทรงตัวเท่าปี 2551 กล่าวคือ มีรายได้รวมอยู่ที่ประมาณ 22,000 ล้านบาท เติบโตขึ้นเล็กน้อยเพียง 2% เท่านั้น โดยการเติบโตมาจากต่างประเทศเป็นหลัก ขณะที่ตลาดในประเทศทรงตัวเนื่องจากปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจในประเทศค่อนข้างแย่ มีบริษัทปิดตัวลงค่อนข้างมาก ทำให้ยอดขายกระดาษสำนักงานลดลง
อย่างไรก็ตามในปีนี้ ซึ่งถือเป็นปีที่ดั๊บเบิ้ลเอ ทำตลาดมาครบ 10 ปี ทางบริษัทจะเดินหน้าทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการส่งออกไปยังต่างประเทศ จากเดิมมีทั้งสิ้น 120 ประเทศทั่วโลก และมีเพียง 14 ประเทศที่มีการเข้าไปทำตลาดอย่างจริงจัง คือ ไทย, เกาหลี, จีน, ฮ่องกง, สิงคโปร์, มาเลเซีย, ไต้หวัน, เวียดนาม, ยูเออี, บังคลาเทศ, อีหร่าน, ปากีสถาน, ออสเตรเลีย และฝรั่งเศสปีนี้จะมีการทุ่มงบการตลาดประเทศละ 1 ล้านดอลล่าห์สหรัฐ สำหรับทำการตลาดอย่างเต็มที่
โดยในปีนี้จะรุกตลาดต่างประเทศที่ยังไม่ได้เข้าไปทำตลาดให้มากขึ้น โดยเฉพาะ สหรัฐอเมริกา ปีนี้จะเริ่มเข้าไปทดลองตลาด โดยจะได้เห็นความชัดเจนในช่วงไตรมาสสอง ซึ่งการรุกตลาดต่างประเทศนี้ มองว่าเศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัว ดังนั้นอัตราการบริโภคกระดาษสำนักงานน่าจะดีขึ้น โดยที่ผ่านมา จีนถือเป็นประเทศที่มีการส่งออกมากที่สุดและเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตของรายได้สูงสุด ตามมาด้วย อินเดีย และบราซิล ขณะที่เกาหลีเป็นประเทศที่ทำตลาดได้ดี สามารถมีส่วนแบ่งทางการตลาดได้สูงถึง 40% ส่วนอเมริกานั้น ถือเป็นการเริ่มต้นของการเข้าไปทำตลาด ดังนั้นเบื้องต้นจะเข้าไปจำหน่ายผ่านดิสทริบิวเตอร์เป็นหลัก หากได้รับการตอบรับที่ดีอนาคตจะมีการเข้าไปทำการตลาดอย่างเต็มรูปแบบเช่นเดียวกัน
นายชาญวิทย์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันกำลังการผลิตของโรงงาน สามารถทำได้ที่ 6.4-6.5 แสนตัน/ปี ซึ่งปีที่ผ่านมายังมีสต๊อกค้างอยู่บ้าง ดังนั้นการเข้าไปรุกตลาดต่างประเทศมากขึ้น ส่งผลให้ในปีนี้ไปจนถึงปีหน้าจึงยังไม่มีแผนในการเพิ่มกำลังการผลิต ขณะเดียวกันในส่วนของร้านถ่ายเอกสารดั๊บเบิ้ลเอ ที่มีอยู่ 600 รายทั่วประเทศ และร้านเครื่องเขียนดั๊บเบิ้ลเออีก 250 สาขาทั่วประเทศ ปีนี้จะไม่มีแผนขยายสาขาเพิ่มแต่อย่างไร จะเน้นเพิ่มการบริการเข้าไปมากกว่า เช่น การให้บริการการจ่าค่าสาธารณูปโภคมากกว่า
“การที่บริษัทไม่มุ่งลงทุนในปีนี้ เนื่องจากต้องการรอดูสถานการณ์ในประเทศอีกสักระยะ แต่จะเน้นทำการตลาดต่อเนื่อง โดยปีนี้ในไทยคาดว่าจะใช้งบราว 30 ล้านบาท สำหรับด้านการตลาด เน้นบิโลว์เดอะไลน์เป็นหลัก ทั้งปีเชื่อว่าจะมีรายได้เติบโตขึ้นราว 10% มาจากต่างประเทศเป็นหลัก โดยสัดส่วนรายได้กว่า 55% ยังเป็นการส่งออกไปยังต่างประเทศ และอีก 45% เป็นในประเทศทั้งนี้มองว่าการรุกตลาดประเทศครั้งนี้ ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า สัดส่วนต่างประเทศน่าจะเพิ่มเป็น 65-70% และในประเทศอยู่ที่ 30% ถึงเวลานั้นเชื่อว่าทางบริษัทจะมีการลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตอีกครั้ง” นายชาญวิทย์ กล่าวในที่สุด
|