Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTVผู้จัดการรายวัน19 มกราคม 2553
YLGตั้งเป้ายอดขายทองแท่ง1.6แสนล.             
 


   
search resources

Jewelry and Gold
วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส, บจก.




นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด หรือ YLG เปิดเผยถึงแผนงานบริษัทว่าปีที่ผ่านมาแม้ร้านทองคำบางรายจะปิดตัวลงตามความผันผวนของราคาทองคำที่อยู่ในระดับสูง แต่ยอดขายบริษัทยังเติบโตเพิ่มขึ้น 25% โดยอยู่ที่ประมาณ 1.6 แสนล้านบาท หรือ 120 ล้านตันจากปี 51 ซึ่งอยู่ที่ 1.2 แสนล้านบาท และเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวจากเมื่อครั้งก่อตั้งบริษัท (ปี 46) ซึ่งมียอดขายเพียง 2,500 ล้านบาท ดังนั้นปีนี้ บริษัทจึงตั้งเป้ายอดค้าส่งทองคำแท่งไว้ที่ 170 ล้านตัว เพื่อรักษาส่วนแบ่งการตลาดในปัจจุบันที่มีถึง 55 – 60%

ทั้งนี้ บริษัทจึงเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งเป็นการนำเข้าทองคำแท่ง 96.5% ขนาดน้ำหนัก 10 บาทจากเพิร์ธมินต์ (ประเทศออสเตรเลีย) ที่ได้รับความเชื่อจากผู้ค้าและผู้ลงทุนทองคำทั่วโลก เข้าทำตลาดในเมืองไทย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกระดับ โดยบริษัทฯ จะกำหนดการซื้อขายขั้นต่ำที่น้ำหนัก 30 บาท ซึ่งจะใช้หลักสากลโดยอ้างอิงจากราคา spot และอัตราแลกเปลี่ยน โดยแปลงจาก 99.99% เป็น 96.5% เปรียบเทียบจากรอยเตอร์

" การนำเข้าทองคำ 96.5% จะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการร้านทองรายย่อยในการช่วยลดขั้นตอนการแปรสภาพทองคำจาก 99.99% เป็น 96.5% เพื่อใช้ในการผลิตทองรูปพรรณ อีกทั้งทองคำที่นำเข้ามีมาตรฐานสากลโดยได้รับการรับรองจาก LBMA (London Bullion Market Association ) ซึ่งเป็นที่ยอมรับในตลาดโลก อีกทั้ง YLG ยังเปิดซื้อ-ขายทองคำแท่ง ทั้ง 99.99% และ 96.5% โดยไม่จำกัดปริมาณ ซึ่งลูกค้าสามารถติดต่อซื้อหรือขายกับทางบริษัทได้โดยตรงทุกวันทำการ โดยมีบริการระบบหักบัญชีอัตโนมัติในการซื้อขาย "

**ประเมินทองปีนี้สูงสุด1,300 เหรียญ**

สำหรับแนวโน้มราคาทองคำในตลาดโลกปีนี้นางพวรรณ์กล่าวอ้างอิงถึงผลวิจัยของสถาบันเหมืองทองทั่วโลก (GFMF) ว่า ราคาทองเฉลี่ยปีนี้อยู่ที่ 1,172 เหรียญ/ออนซ์ โดยกรอบการเคลื่อนไหวทั้งปีช่วง 1,000-1,340 เหรียญ/ออนซ์ นับเป็นการเคลื่อนไหวในกรอบที่จำกัดกว่าเมื่อปีที่ผ่านมา เพราะตลาดไม่มีปัจจัยใหม่ที่โดดเด่น จนผลักดันราคาทองคำให้เคลื่อนไหวรุนแรง อีกทั้งนักลงทุนส่วนใหญ่จะเข้ามาซื้อขายทองคำจากปัจจัยรายวันมากกว่า

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่สนใจลงทุนต้องติดตามภาวะของตลาดทองคำขนาดใหญ่อย่างอังกฤษ สหรัฐฯ และจีน หากมีข่าวจากประเทศเหล่านี้ ยอมรับว่าจะทำให้ราคาทองคำมีความผันผวนรุนแรง โดยกลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้จึง แนะนำให้ " รอซื้อเมื่อราคาอ่อน " ตัวมาบริเวณ 1,100 เหรียญ/ออนซ์ และรอขายทำกำไรเมื่อราคาสูงขึ้น โดยสูงสุดอยู่ที่ระดับ 1,300 เหรียญ/ออนซ์

**หวังโกยมาร์เกตแชร์ทองกระดาษเท่าตัว**

นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารYLG กล่าวว่า ตลาดโกลด์ ฟิวเจอร์แม้จะเพิ่งเปิดการซื้อขายเมื่อก.พ.ปี 52 ซึ่งมีปริมาณซื้อขายเฉลี่ย 300 สัญญา/วัน แต่เมื่อสิ้น ธ.ค.52 พบว่ามีปริมาณซื้อขายเฉลี่ย 3,500 – 3,800 สัญญา/วัน หรือเติบโต 900% ส่วนธุรกิจของบริษัท แม้จะไม่ทำรายได้เท่ากับการนำเข้าและส่งออกทองคำแท่ง แต่ก็เติบโตเร็วมาก จากวันแรกที่เริ่มเทรด มี.ค.ปี 52 มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยไม่เกิน 100 สัญญา/วัน ก็เพิ่มเป็นวันละ 500-800 สัญญาในสิ้นปี หรือโตกว่า 8 เท่าตัว โดยมีส่วนแบ่งการตลาด 10%

ทำให้ปีนี้ YLG เชื่อว่าตลาดโกลด์ฟิวเจอร์ส จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงตั้งเป้าที่ขยายฐานลูกค้าให้กว้างมากขึ้น เพื่อจะมียอดซื้อขายเฉลี่ยวันละให้ไม่ต่ำกว่า 800-1,500 สัญญา หรือมีส่วนแบ่งตลาด 20% อีกทั้งมีแผนจะเพิ่ม Selling Agent หรือ SA มากขึ้นจากเดิม 22 ราย เป็น 50 รายในปีนี้ แต่จะเน้น SA ที่มีขนาดใหญ่ในแต่ละภูมิภาค

" ปัจจุบันเรามีลูกค้าที่เปิดบัญชีด้วย 600 บัญชี ซึ่งมีลูกค้าใหม่ทยอยมาใช้บริการเราอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งมาจากความสนใจลงทุนใน

มินิโกลด์ ฟิวเจอร์ส ขนาด 10 บาทที่ถูกเลื่อนเทรดออกไป กว่า 40 -50 บัญชี อีกทั้งรายได้จากคำสั่งซื้อขายของSA ก็ปรับตัวดีขึ้น 20%ของรายได้ทั้งหมด จึงสนใจขยาย SA ให้เข้าลูกค้าเพิ่มเติมจากที่มีอยู่ เพราะเรามองว่าโกลด์ฟิวเจอร์ส เป็นทางเลือกหนึ่งที่ได้รับความนิยม และเติบโตเร็วที่สุดในตลาดอนุพันธ์ โดยปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาด 27 % ของตราสารทั้งหมดที่เทรดอยู่ "

สำหรับการลื่อนเทรดมินิโกลด์ ฟิวเจอร์สว่ายอมรับมีผลกระทบกับบริษัทแต่ในทางตรงข้ามกลับมีข้อดีคือให้ลูกค้าได้มีเวลาศึกษาและทำความเข้าใจกับโปรดักส์ใหม่เพิ่มขึ้น และจากการพูดคุยกับ นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการผู้จัดการบริษัท ตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน) ได้ข้อสรุปว่าใน 1- 2 สัปดาห์ หน้าจะมีการพูดคุยเพื่อหาข้อสรุปและกำหนดวันเทรดมินิโกลด์ ฟิวเจอร์สให้ชัดเจนขึ้น   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us