|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ภาพของอาร์เอสในรอบปีที่ผ่านมา อาจทำให้หลายคนคิดว่า อดีตค่ายเพลงวัยรุ่นแห่งนี้กำลังจะพาองค์กรเดินหนีจากธุรกิจเสียงเพลง แนวนโยบายธุรกิจที่ตั้งไว้เป็น Entertainment & Sport Content Provider นำธุรกิจใหม่ๆ เข้ามาแชร์สัดส่วนรายได้จากธุรกิจเพลงให้เล็กลง ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการฟังเพลงของกลุ่มวัยรุ่นจากสื่ออนาล็อก เทปเพลง ซีดี มาสู่โลกดิจิตอล ยิ่งทำให้อาร์เอส มีรายได้จากธุรกิจเพลงลดลงไปอีก แต่เมื่อก้าวเข้าสู่ปีใหม่ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด กลับมั่นใจว่า แม้อาร์เอสจะเปลี่ยนบทบาทของธุรกิจไปบ้าง แต่ธุรกิจเพลงก็จะยังเป็นแกนหลักเหมือนเช่นเดิม
ความตกต่ำในธุรกิจเพลงของอาร์เอสในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้มาจากการหันไปสนใจธุรกิจอื่นๆ เช่น การบริหารสิทธิ์การแข่งขันฟุตบอลโลก หรือการบริหารสื่อ แต่สุรชัยมองว่า เป็นประเด็นของการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการฟังเพลง ที่อาร์เอสปรับเปลี่ยนให้ทันกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายไม่ได้ ไม่สามารถสร้างช่องทางในการสร้างรายได้จากช่องทางดิจิตอลขึ้นมาทดแทนการหดหายของช่องทางอนาล็อก แต่วันนี้เสียงเพลงของอาร์เอสกำลังกลับมา
Fully Digital Music โมบาย – ออนไลน์ สร้างรายได้เพลง
แม้ภาพของอาร์เอสที่เห็นในปีที่ผ่านมา จะมีแต่เรื่องลิขสิทธิ์ซีเกมส์ ลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลก เป็นประเด็นหลัก แต่ในเบื้องหลัง สุรชัยมีการเดินหน้าในการสร้างรายได้จากช่องทางดิจิตอลอย่างหนัก ตามแนวคิด Fully Digital Music แคมเปญ “ซุปเปอร์เหมา *339” โหลดเพลงอาร์เอส ยกค่ายแบบไม่อั้น โหลดได้ทุกเครือข่าย ถือเป็น
ความสำเร็จครั้งสำคัญ แม้จะเป็นบริการที่เดินตามหลังคู่แข่ง แต่การเปิดกว้างให้สามารถดาวน์โหลดจากโอเปอเรเตอร์มือถือทุกค่าย ต่างจากคู่แข่งที่เลือกจับกับโอเปอเรเตอร์รายใดรายหนึ่ง จนทำให้สามารถทำยอดสมาชิกที่เข้ามาดาวน์โหลดได้สูงถึง 2 ล้านคนเมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา ทำให้รายได้รวมของธุรกิจดิจิตอล ในปีที่ผ่านมา ทำได้ถึง 380 ล้านบาท
ในปีนี้นอกเหนือจากการต่อยอดความสำเร็จของการดาวน์โหลดผ่านช่องทางโมบายแล้ว ที่สุรชัยตั้งเป้าสร้างยอดสมาชิกให้ถึง 3 ล้านคน ในส่วนของออนไลน์ อาร์เอสจะมีการปรับปรุงเว็บไซต์ www.pleng.com ให้เป็น Complete Digital Music Store ร้านขายเพลงออนไลน์ที่สมบูรณ์แบบเว็บแรกในประเทศไทย โดยตั้งเป้ารายได้จากการขายเพลงผ่านช่องทางดิจิตอลในปีนี้ไว้ 490 ล้านบาท ขณะที่การขายเพลงผ่านช่องทาง Physical จะลดลงจาก 330 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา เหลือเพียง 280 ล้านบาทในปีนี้
“ภาพของอาร์เอสจะกลับไปหาธุรกิจเพลงอีกครั้ง จะเป็นตัวที่ทำรายได้สูงสุด วันนี้ดิจิตอลสามารถทดแทน Physical ได้อย่างเต็มตัวแล้ว ซึ่งนอกจากจะสร้างรายได้ที่ทัดเทียมแล้ว ยังสามารถทำกำไรได้งดงามกว่า” สุรชัยกล่าว
เปิด Master Plan รุกปีเสือ
Fully Digital Music ถือเป็นส่วนหนึ่งในสี่ของแผน Master Plan ที่อาร์เอสวางไว้ในการรุกธุรกิจปี 2553 โดยอีก 3 ส่วนที่เหลือ ประกอบด้วย การรุกเข้าสู่ธุรกิจทีวีดาวเทียมอย่างเต็มตัว, การบริหารคอนเทนต์ฟุตบอลโลก 2010 และการพัฒนาสร้างกลยุทธ์ทางการตลาดร่วมกับลูกค้า ผ่านหน่วยงานบริหารลูกค้าองค์กรอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคง
ในส่วนของธุรกิจทีวีดาวเทียม ถือเป็นจิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายที่จะทำให้อาร์เอสเดินเข้าสู่ธุรกิจบรอดคาสติ้งอย่างเต็มตัว นอกเหนือจากธุรกิจฟรีทีวี และวิทยุที่มีอยู่ก่อนหน้า โดยในปีที่ผ่านมา อาร์เอส เปิดให้บริการทีวีดาวเทียม 2 ช่องแรก คือ You Channel และสบายดีทีวี ซึ่งได้รับการตอบรับค่อนข้างดี ในปีนี้เตรียมให้บริการอีก 1 ช่อง ภายในไตรมาสแรก และในช่วงเวลา 2-3 ปีนี้ มีแผนที่จะเปิดถึง 6 ช่อง
สุรชัยกล่าวว่า นอกเหนือจากจะเป็นช่องทางสร้างรายได้ด้านการโฆษณาให้กับอาร์เอสแล้ว ทีวีดาวเทียมยังจะเป็นช่องทางในการโปรโมทศิลปินของอาร์เอสให้เป็นที่รู้จักและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในวงกว้างได้
ด้านธุรกิจกีฬา การบริหารคอนเทนต์ฟุตบอลโลก 2010 สุรชัยกล่าวว่า จนถึงเวลานี้สามารถขายสปอนเซอร์ได้หมดแล้ว โดย4 รายใหญ่ที่ซื้อ Platinum Package ประกอบด้วย ยามาฮ่า, เคลียร์, ไทยเบฟ และโค้ก ส่วน Gold Package ที่ถูกจับจองจนหมด สร้างรายได้แล้วกว่า 500 ล้านบาท จากนี้จนถึงช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลกในกลางปีนี้(11 มิ.ย.-11 ก.ค.53) ก็จะเป็นการต่อยอดสร้างรายได้ในช่องทางอื่นๆ เช่น การจัดกิจกรรมออนกราวน์ คาดว่าในปีนี้ธุรกิจกีฬาจะสร้างรายได้ถึง 530 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมาที่มีรายได้เพียง 55 ล้านบาท
สำหรับธุรกิจวิทยุของอาร์เอส ที่มีการคืนคลื่นไป 1 คลื่น คือ MAX 103 โดยสุรชัยกล่าวว่า อาร์เอสเดินไปตามกระแสเทรนด์ของวัยรุ่น เมื่อกลุ่มผู้ฟังคลื่น MAX103 เป็นวัยรุ่นที่วันนี้เลิกฟังวิทยุแล้ว จึงไม่มีเหตุผลที่จะทำคลื่นนี้ต่อไป เหลือเพียงคลื่น Cool 93 ที่ยังคงเดินหน้าอยู่ แต่แม้จะเหลือเพียง 1 คลื่น ก็ยังตั้งเป้าหมายว่าจะทำรายได้ตลอดทั้งปีถึง 300 ล้านบาท จากที่ทำได้ในปีก่อน 260 ล้านบาท ด้วยการบริหารคลื่นให้สามารถสร้างรายได้สูงสุด
“เรามีการทำรีเสิร์ชผู้ฟังอยู่ตลอดเวลา แต่จะทำกี่ครั้งก็พบว่า กลุ่มผู้ฟังวัยรุ่นไม่ฟังวิทยุ หันไปบริโภคสื่ออื่น จึงทำให้เราตัดสินใจคืนคลื่นนี้ เป็นการคืนในเชิงกลยุทธ์ ไม่มีใครมาแย่งคลื่น หรือเราบริหารขาดทุน เพียงแต่ไม่มีเหตุผลที่จะทำต่อไป ต่างจาก Cool 93 ที่ยังมีผู้ฟังติดตามอยู่ จนเป็นคลื่นเพลงอีซีที่ครองอันดับ 1 ยาวนานถึง 9 ปี และยังสามารถสร้างรายได้ที่ดี โดยมีการจัดกิจกรรมเสริมทั้งอีเวนต์ และคอนเสิร์ต รวมถึงมีสื่อสิ่งพิมพ์ Free Copy เป็นสื่อสนับสนุนให้กับลูกค้าที่ลงโฆษณา”
ในส่วนของธุรกิจภาพยนตร์ ปีนี้จะมีภาพยนตร์ที่ออกฉาย 4 เรื่อง ในแต่ละไตรมาส โดยใช้นโยบายหาพล็อตเรื่องที่น่าสนใจจากภายนอก แล้วใช้ทีมงานเอาต์ซอร์สที่เหมาะสมกับเรื่องนั้นๆ มากำกับ คาดว่าปีนี้จะมีรายได้ราว 150 ล้านบาท มากกว่าปีก่อนที่ทำได้ 130 ล้านบาท
ด้านธุรกิจโทรทัศน์ ยังคงเน้นการผลิตรายการที่เจาะกลุ่มวัยรุ่น ทั้งรายการเพลง รายการเกมโชว์ และรายการความรู้ รวมทั้งสิ้น 10 รายการ คาดว่าในปีนี้จะทำรายได้ถึง 240 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อนที่ทำได้ 150 ล้านบาท
ขณะที่สื่อน้องใหม่ อินสโตร์ ในปีนี้จะมีการปรับราคาสื่อขึ้นราว 15% ตั้งเป้ายอดขาย 160 ล้านบาท จากปีก่อน 125 ล้านบาท
เปิดกว้างให้ศิลปินรับงานเอง
อีกหนึ่งการปรับเปลี่ยนของอาร์เอสเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมนักฟังเพลง ทำให้รายได้ของศิลปินที่เคยรับจากยอดขายสินค้า Physical หดหายไป ต้องหันมาพึ่งรายได้จากการแสดงโชว์บิซเป็นหลัก อาร์เอสมีการปรับนโยบายการรับงานแสดง นอกเหนือจากงานที่อาร์เอสหามาให้ ยังเปิดให้ศิลปินสามารถรับงานแสดงได้เองโดยตรง โดยอาร์เอสจะหักค่าใช้จ่ายไว้เพียง 5%
“เราวางนโยบายเปิดกว้างตามเทรนด์โลก ที่ศิลปินสามารถรับงานแสดงได้เอง หารายได้เอง มีความยืดหยุ่นในด้านราคา ทำให้จำนวนงานแสดงมีเพิ่มขึ้นกว่า 100% เพิ่มโอกาสให้กับศิลปินระดับรองๆ ที่ไม่มีผลงานออกมาบ่อยนัก จะได้มีงานแสดงมาทดแทนได้มากขึ้น ทำให้คาดว่าในกลุ่มโชว์บิซของอาร์เอสในปีนี้จะคงที่อยู่ที่ 530 ล้านบาท จากการที่เราเปิดให้ศิลปินหารายได้เองได้มากขึ้น”
สุรชัยกล่าวว่า อาร์เอสตั้งเป้าหมายรายได้ในปี 2553 ที่จะทำรายได้ถึง 2,900 ล้านบาท โดยมีกำลังขับเคลื่อนสำคัญคือ ธุรกิจเพลงในส่วนของดิจิตอล, ธุรกิจกีฬาฟุตบอลโลก 2010 และการต่อยอด รวมไปถึงธุรกิจบรอดคาสติ้ง ทีวีดาวเทียม ที่จะช่วยสร้างการเติบโตที่มั่นคง ประกอบกับการที่อาร์เอสเริ่มมีสุขภาพทางการเงินที่ดี ภาระหนี้สินน้อยลง มีความระมัดระวังในการลงทุน โดยจะมีการลดทุนลงในปีนี้ เพื่อล้างขาดทุนสะสมให้หมดไป และจะทำให้ในปีหน้าสามารถจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้
|
|
|
|
|