Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTVผู้จัดการรายวัน18 มกราคม 2553
ทุ่ม8ร้อยล.เยียวยาพื้นที่มาบตาพุด             
 


   
search resources

Economics




นายกฯอภิสิทธิ์แจงผลเยือนมาบตาพุด เผยรัฐทุ่มงบประมาณกว่า 800 ล้านเพื่อใช้แก้ปัญหาขยะ น้ำประปาและระบบสุขภาพ เชื่อสถานการณ์กำลังคลี่คลายไปในทางที่ดี

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ ถึงกรณีของมาบตาพุดว่า เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ได้เดินทางไปที่จ.ระยอง และที่มาบตาพุด เพื่อไปติดตามงานสำคัญ เพื่อเข้าไปแก้ไขปัญหาเยียวยาปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหามลพิษ และปัญหาการพัฒนา หรือปัญหาของอุตสาหกรรมที่ผ่านมาทั้งหมด โดยเมื่อประมาณเดือนธันวาคมที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรี ได้อนุมัติงบประมาณที่เป็นเงินงบกลางถึง 800 กว่าล้านบาท เพื่อไปแก้ปัญหา ซึ่งค้างคาหมักหมมมาเป็นเวลานานในพื้นที่มาบตาพุด คือ 1. ในเรื่องของการกำจัดขยะ 2. เรื่องของการที่จะจัดทำให้พี่น้องประชาชนนั้นมีน้ำประปาใช้ และ 3. ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับระบบสาธารณสุข จึงได้เดินทางไปเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เริ่มต้นจากการเปิดศูนย์อาชีวเวชศาสตร์ และเวชศาสตร์สิ่งแวดล้อม ซึ่งจะเป็นการเข้าไปปรับปรุงในเรื่องของการบริการทางด้านการรักษาพยาบาล และสาธารณสุขสำหรับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ที่ต้องมีศูนย์นี้เพราะว่าแม้ว่าพี่น้องประชาชนที่นั่นจะมีบริการสาธารณสุข เช่นเดียวกับพี่น้องในที่อื่นๆในเรื่องของการตรวจสุขภาพ ในเรื่องของสิทธิในการรักษาพยาบาล

สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นจากมลพิษนั้น จำเป็นจะต้องได้รับการดูแลเป็นการเฉพาะ เพราะฉะนั้นการที่เราเปิดศูนย์นี้ก็เพื่อที่จะให้กระบวนในการดูแลสุขภาพของพี่น้อง ประชาชน เช่น การตรวจสุขภาพ ซึ่งตนได้ไปเยี่ยมการออกตรวจสุขภาพครั้งแรกใน 40 กว่าครั้งที่จะมีการดำเนินการในประมาณ 5-6 เดือนข้างหน้า จะต้องเป็นการตรวจในลักษณะที่แตกต่างไปจากที่อื่นเป็นการเฉพาะอย่างนี้เป็นต้น และศูนย์นี้จะต้องได้รับการสนับสนุนในเรื่องของบุคลากร อุปกรณ์ต่างๆ เพื่อที่จะมาดูแลปัญหาของพี่น้องชาวมาบตาพุด และชาวระยองได้อย่างตรงจุด ที่สำคัญคือศูนย์นี้จะต้องทำงานในเชิงรุก จึงได้มีการพบปะกับทางอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ซึ่งจะต้องมีบทบาทสำคัญในการทำงานในเรื่องนี้ด้วย

"ผมอยากให้ความมั่นใจว่าในส่วนของรัฐบาลนั้นจะเดินหน้าดูแลแก้ไขปัญหาที่เป็น ผลกระทบให้กับพี่น้องประชาชนชาวระยอง ชาวมาบตาพุด อย่างดีที่สุด และศูนย์นี้เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ ที่เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายที่รัฐบาลได้ผลักดัน ซึ่งเรื่องต้องขอขอบคุณท่านรองนายกฯกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ในขณะนั้นซึ่งเป็นผู้ไปสำรวจความต้องการต่างๆ และได้เดินหน้าจัดทำโครงการผลักดันและให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติไปเรียบร้อยแล้ว"นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นอกเหนือจากเรื่องนี้แล้ว สิ่งที่รัฐบาลกำลังเร่งดำเนินการต่อก็คือรัฐบาลนี้ เป็นรัฐบาลที่ประกาศให้ เขตมาบตาพุดนั้นเป็นเขตควบคุมมลพิษ ซึ่งหมายถึงว่าท้องถิ่นและประชาชนในพื้นที่ได้ร่วมกันจัดทำแผนเพื่อที่จะ มาบริหารจัดการเกี่ยวกับเรื่องของมลพิษ ขณะนี้ก็มีการนำเสนอโครงการไปยังกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเรากำลังจะเร่งดูแลเพื่อที่จะอนุมัติโครงการต่างๆ เหล่านี้ เพื่อให้การบริหารจัดการในเรื่องของมลพิษนั้นดียิ่งขึ้น

สำหรับในเรื่องของการลงทุนนั้น สัปดาห์ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ที่จะเป็นระเบียบที่ใช้ในการบริหารจัดการในเรื่องของการให้ความเห็นขององค์การ อิสระต่อโครงการซึ่งอาจจะมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อชุมชนในเรื่องของสิ่งแวด ล้อมและสุขภาพ ซึ่งระเบียบตัวนี้ จะใช้ระหว่างที่ตัวกฎหมายยังไม่ได้มีการแก้ไข และจะมีการจัดตั้งคณะกรรมการที่เรียกว่า เป็นคณะกรรมการกลางในการประสานงาน เพื่อที่จะให้องค์การอิสระ ซึ่งจะประกอบไปด้วยผู้แทนขององค์กรด้านสิ่งแวดล้อมกับสถาบันการศึกษานั้น สามารถที่จะนำความเห็นมาประกอบการพิจารณาของหน่วยงานในการอนุมัติโครงการ ต่าง ๆ ซึ่งหลังจากคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติระเบียบฉบับนี้แล้ว และได้ประกาศใช้แล้ว ก็ถือว่าขณะนี้การปฏิบัติตามมาตรา 67 วรรคสองนั้นมีประกาศและระเบียบรองรับครบถ้วนแล้ว และตนทราบว่า ขณะนี้หลายโครงการซึ่งศาลได้คำสั่งชั่วคราวที่จะระงับการดำเนิน การนั้น ก็ได้เข้าสู่กระบวนการใหม่หลายโครงการแล้ว

นอกจากนั้น จะจัดให้มีบริการในศูนย์บริการจุดเดียวนักลงทุน ที่เป็นนโยบายของรัฐบาลที่เราเรียก OSOS คือ One Start One Stop Center เป็นผู้จัดระบบ คือมีโต๊ะเป็นการเฉพาะที่จะบริการนักลงทุนทั้งหลายที่ยังมีปัญหาอยู่ใน เรื่องของมาบตาพุดเพื่อสร้างความชัดเจนให้เกิดขึ้น และตนจะมีโอกาสพบกับตัวแทนของนักลงทุนชาวญี่ปุ่น ซึ่งจะเดินทางมาพบในสัปดาห์ที่จะถึงนี้

"เพราะฉะนั้นผมคิดว่าขณะนี้เรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้นกำลังคลี่คลายไป เพราะว่าเราได้จัดระบบและมีระเบียบ กฎต่างๆ เข้ามารองรับการดำเนินการตามมาตรา 67 วรรคสอง เรียบร้อยแล้ว ส่วนการที่นักลงทุนนั้นจะยื่นข้อเท็จจริงเพิ่มเติมหรือจะเรียกว่าอุทธรณ์ต่อ ศาลปกครองนั้น ก็สามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง หลังจากที่รัฐบาลได้วิเคราะห์ และได้เสนอแนะไปว่ามีช่องทางใดบ้างที่จะทำให้โครงการเหล่านี้สามารถเดินได้ โดยไม่ไปขัดกับเจตนารมณ์และการดำเนินการในการปกป้องคุ้มครองผลประโยชน์ของ พี่น้องประชาชนในเรื่องของสุขภาพและสิ่งแวดล้อม เพราะฉะนั้น ตรงนี้ก็เป็นความคืบหน้าชัดเจนนะครับในส่วนของมาบตาพุด" นายกรัฐมนตรี กล่าว

ปชป.โวชาวบ้านมาบตาพุตหนุนรัฐเยียวยา

นายสาธิต ปิตุเตชะ กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการลงพื้นที่มาบตาพุด ของนายกฯที่ผ่านมา ว่าได้รับความเชื่อมั่นจากชาวบ้านในพื้นที่มาก ที่ได้ประกาศจะฟื้นมาตรฐานสิ่งแดล้อมเพื่อให้ชีวิตดีขึ้น พร้อมอนุมัติโครงการเยียวยาพัฒนาคุณภาพชีวิตอีกราว 877 ล้านบาท โดยเฉพาะเรื่องน้ำประปาในพื้นที่ ซึ่งใช้งบ 177 ล้านบาท และสนับสนุนให้โรงพยาบาลที่เกี่ยวกับมลพิษ อาชีวะเวชศาสตร์สิ่งแวดล้อมเป็นการเฉพาะอีก 250 ล้านบาท และรถตรวจสุขภาพประชาชนในพื้นที่ปีละหมื่นคน เพื่อรักษาสมดุลยในชีวิตกับสิ่งแวดล้อมและสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนในพื้นที่ เพื่อแก้ไขปัญหาทุกอย่างให้ดีขึ้น

เพื่อไทยชี้นายกฯ ลงพื้นที่ช้าไป

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการลงพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง ของนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่16 ม.ค.ว่า ช่วงที่เกิดปัญหาแรกๆ พรรคเพื่อไทยเรียกร้องให้นายกฯ ลงพื้นที่ แต่นายกฯไม่ยอมลง แต่มาลงในช่วงนี้ซึ่งช้าไปแล้ว ตามสุภาษิตบอกว่า กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้ อีกทั้งการลงพื้นที่ปัญหาก็ไม่ได้รับการแก้ไข เพราะนักลงทุนย้ายการลงทุน หลายประเทศถอนการลงทุนไปประเทศเวียดนามหมดแล้ว การลงพื้นที่อย่างขาดความรู้ความเข้าใจ ทำเหมือนผักชีโรยหน้า สร้างภาพว่าตัวเองเป็นผู้นำที่ดูมีหลักการ และการลงพื้นที่ครั้งนี้เพื่อต้องการช่วยเหลือนักการเมืองของตัวเองเท่านั้น   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us