Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTVผู้จัดการรายวัน15 มกราคม 2553
ธุรกิจพีอาร์เฟื่องรับปีเสือบางกอกพีอาร์คว้างบเนสท์เล่             
 


   
search resources

ดนัย จันทร์เจ้าฉาย
Advertising and Public Relations




สองบิ๊กบอสวงการประชาสัมพันธ์ฟันธง ปีนี้ตลาดรวมสดใสคาดโต 10%จากปีที่แล้วที่ทรงตัว เหตุความกดดันและวิกฤติทางสังคมเป็นตัวเร่งผลักดัน ชี้แต่ละค่ายต้องสร้างจุดต่างดึงดูดลูกค้า เผย”สื่อสารภายใน-เพอร์ซันนอลแบรนด์-ไอเอสอาร์” มาแรง จับตาพีอาร์หน้าใหม่จ้องเข้าวงการ

แหล่งข่าวจากวงการบริษัทประชาสัมพันธ์ เปิดเผยว่า การแข่งขันของธุรกิจบริษัทที่ให้บริการด้านประชาสัมพันธ์และที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์ในปี 2553 นี้มีแนวโน้มสดใสและทวีความรุนแรงมากขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2552 ที่ผ่านมา ทั้งจากการรุกทำตลาดอย่างหนักของผู้ประกอบการรายเดิม ที่ต้องการขยายตลาดและส่วนแบ่งตลาด เนื่องจากมองว่า สภาพเศรษฐกิจเริ่มกลับมากระเตื้องขึ้น คาดว่าจะส่งผลดีต่อธุรกิจประชาสัมพันธ์ ทำให้จะมีปริมาณงานจำนวนมากขึ้น

ขณะที่มีแนวโน้มอย่างมากด้วยว่า จะมีบริษัทประชาสัมพันธ์เกิดขึ้นมาใหม่อีกจำนวนมาก ทั้งจากกลุ่มของคนไทยและบริษัทข้ามชาติที่จะขยายในส่วนนี้เพิ่มขึ้นด้วยในตลาดเมืองไทย ปัจจุบันบริษัทฯที่ดำเนินธุรกิจประชาสัมพันธ์ในไทยมีรายใหญ่ไม่กี่รายทั้งที่เป็นต่างชาติและเป็นบริษัทไทยเอง เช่น บางกอกพีอาร์, ดีซีฯ, สยามพีอาร์, 124คอมมูนิเคชั่น, อาซีแฮมเบอร์สันมาสเทลเลอร์, โอกิลวี่พีอาร์ เป็นต้น นอกนั้นก็เป็นระดับกลางและรายย่อย

นายคริส ฮัสซัน กรรมการผู้จัดการ บริษัทบางกอก พับลิค รีเลชั่นส์ จำกัด หรือบางกอกพีอาร์ซึ่งเป็นบริษัทระดับใหญ่รายหนึ่งของไทยมองว่าการแข่งขันในตลาดรวมจะเข้มข้นขึ้น ซึ่งแต่ละบริษัทจำเป็นที่จะต้องสร้างเอกลักษณ์และนำเสนอกลยุทธ์ของตัวเองที่แตกต่างจากรายอื่นๆเพื่อสร้างแรงดึงดูดให้กับลูกค้าในการเลือกใช้บริการ

ขณะที่นายดนัย จันทร์เจ้าฉาย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดีซี คอนซัลแทนส์ แอนด์ มาร์เก็ตติ้ง คอมมูนิเคชั่นส์ จำกัด รายใหญ่ของไทยอีกราย ประเมินว่า ตลาดรวมของธุรกิจประชาสัมพันธ์ในปีนี้คาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 4-5,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 5% ของเม็ดเงินอุตสาหกรรมโฆษณาทั้งระบบที่มีประมาณ 80,000-90,000 ล้านบาท จากที่ปีที่แล้วตลาดรวมไม่เติบโตคือทรงตัว

“เศรษฐกิจไทยปี 2553 นี้มีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการปรับตัวที่ดีขึ้นของเศรษฐกิจคู่ค้าที่น่าจะส่งผลให้การส่งออกของไทยสูงขึ้นและการเร่งลงทุนของภาครัฐภายใต้แผนปฎิบัติการไทยเข้มแข็ง ประกอบกับรายได้ของเกษตรกรที่สูงขึ้นตามราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลก รวมถึงการจ้างงานที่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ จะช่วยทำให้การใช้จ่ายภายในประเทศปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตามภาครัฐยังคงมีความจำเป็นที่จะต้องเร่งเบิกจ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามเป้าหมาย ในช่วงที่เอกชนยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ และต้องเร่งผลักดันให้ภาคเอกชนกลับมาเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยโดยเร็ว” นายดนัยกล่าว

อย่างไรก็ตาม หากมองดูถึงพฤติกรรมการใช้งบประชาสัมพันธ์ของบริษัทเจ้าของสินค้าแล้ว นายคริส ฮัสซัน กรรมการผู้จัดการ บางกอกพีอาร์ ให้ความเห็นว่า การใช้งบประชาสัมพันธ์ของบริษัทลูกค้านั้นในภาพรวมระหว่างบริษัทไทยกับบริษัทข้ามชาติจะมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด 2 กรณีคือ 1. กรณีเป็นบริษัทข้ามชาติเมื่อเศรษฐกิจไม่ดี ก็ไม่ตัดงบประมาณประชาสัมพันธ์แต่ถ้าเศรษฐกิจดีก็ใช้งบปรกติไม่ได้พุ่งขึ้นมากมาย 2.กรณีบริษัทคนไทย เมื่อเศรษฐกิจไม่ดีก็ตัดงบออกไปมาก แต่เมื่อเศรษฐกิจดีขึ้นก็หันกลับมาเพิ่มงบประมาณมากขึ้น

สำหรับแนวทางการดำเนินธุรกิจในปีนี้ นายคริส กล่าวว่า บางกอกพีอาร์ ยังคงมุ่งแนวทางเดิมคือ การเน้นไปที่งานประชาสัมพันธ์ระดับมืออาชีพให้กับสินค้าและองค์กรต่างๆที่ต้องการและเน้นการทำงานแบบสัญญาระยะยาว ไม่เน้นการรับงานแบบเป็นจ๊อบบายจ๊อบเล็กๆ

ล่าสุดปีนี้บริษัทฯได้ลูกค้าข้ามชาติรายใหญ่รายใหม่ คือ บริษัท เนสท์เล่ จำกำด เข้ามาเป็นลูกค้าอีกราย ซึ่งถือว่ามีบิลลิ่งในการใช้งบมากทีเดียว โดยจะมีหน้าที่หลักในการรับผิดชอบทางด้าน คอร์ปอรเรต แบรดนด์ และการทำซีเอสอาร์ ขณะที่ยังอยู่ระหว่างการเจรจาต่อสัญญากับลูกค้ารายเดิมอีก 1 ราย โดยที่ปัจจุบันบริษัทบางกอกพีอาร์มีลูกค้าประมาณ 16 ราย เช่น พีแอนด์จี เนสท์เล่ โค้ก ฮอนด้า ไฟเซอร์ ผาแดง เป็นต้น ยอดบิลลิ่งอยู่ในระดับประมาณ100กว่าล้านบาท มีพนักงานประมาณ 16-18คนโดยเฉลี่ย

ส่วนนายดนัย วิเคราะห์ภาพรวมของตลาดว่า ปีนี้ธุรกิจประชาสัมพันธ์จะมีบทบาทอย่างมาก แต่ทั้งนี้รูปแบบจะมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก ตามการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมการใช้สื่อ และการเกิดขึ้นของนิวมีเดียที่จะเป็นตัวกระตุ้นทำให้สื่อใหม่ๆเติบโตอย่างรวดเร็วด้วย

ทั้งนี้การทำประชาสัมพันธ์ปี 2553 นื้ มั่นใจว่า ประเด็นหลักจะหนีไม่พ้น เรื่องการสื่อสารภายในองค์กรจะมีบทบาทที่ชัดเจน การทำซีเอสอาร์ โดยเน้นไปที่การทำไอเอสอาร์ก่อน เพราะบุคคลเป็นพื้นฐานที่สำคัญของการพัฒนาระดับองค์กร การปรับเปลี่ยนทัศนคติและพฤติกรรมของพนักงานในองค์กร การใช้กลยุทธ์น่านน้ำสีขาว การสร้างเพอร์ซันนอลแบรนด์

“สิ่งที่เราควรปลูกฝังมากที่สุดในขณะนี้คือ ความรับผิดชอบต่อสังคม เพราะวิกฤติต่างๆที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่การล่มสลายของสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯรวมถึงวิกฤติด้านการเมืองและสังคมในไทยที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตของคนไทยล้วนมาจากสาเหตุเดียวกันคือ การขาดจิตสำนึกต่อสังคมทั้งในส่วนของปัจเจกบุคคลที่ไม่ได้รับการปลูกฝังไปจนถึงระดับผู้นำดังนั้นการประชาสัมพันธ์จึงกลายเป็นกลยุทธ์หลักที่จะนำมาใช้ในการกระตุ้นกลุ่มเป้าหมายให้เปลี่ยนทัศนคติให้หันมารู้จักเสียสละและช่วยกันสร้างสรรสิ่งที่ดีเพื่อส่วนรวมให้มากขึ้น”นายดนัยกล่าว

ปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มลูกค้าในส่วนที่เป็นบริษัทจดทะเบียนมากขึ้นด้วย ซึ่งขณะนี้บริษัทฯมีลูกค้าที่เป็นบริษัทจดทะเบียนเพียง 10% จากลูกค้าทั้งหมด เพราะเห็นแนวโน้มของตลาดกลุ่มนี้ ด้วยกฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯที่ต้องมีมาตรฐานไอเอสโอ26000 ที่ระบุไว้ว่าบริษัทจดทะเบียนทั้งหมดจะต้องมีการทำซีเอสอาร์ที่ชัดเจนและเป็นระบบ

ขณะนี้ดีซี มีพนักงานกว่า 50 คน และมีลูกค้าประมาณ 20 รายกระจายทั้งภาครัฐและเอกชนไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิต ธุรกิจดูแลสุขภาพท่องเที่ยวสินค้าคอนซูเมอร์ ยานยนต์ เทเลคอม อสังหาริมทรัพย์ สายการบิน เป็นต้น โดยแบ่งสัดส่วนออกเป็นลูกค้าในประเทศ 50% ลูกค้าข้ามชาติจำนวน 30% และอีก 20% เป็นภาคราชการ นายดนัยกล่าวด้วยว่า ขณะนี้มีลูกค้ารายใหญ่ที่เจรจาให้ทางดีซีฯเข้าไปวางแผนธุรกิจให้ด้วย ซึ่งเป็นองค์กรที่มียอดรายได้มากกว่า 1-20,000 ล้านบาท   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us