"เดมเลอร์ไครสเลอร์" ประกาศในการประชุมสุด ยอดผู้นำธุรกิจอาเซียน ทุ่มเม็ดเงินกว่า
100 ล้านยูโร หรือกว่า 4.5 พันล้านบาท ลงทุนในภูมิภาคนี้ โดยมีไทยเป็นเป้าหมายใหญ่
ศูนย์กลางอุตสาหกรรมยานยนต์ของอาเซียน หวังเพิ่มยอดขายเป็น 3 เท่าในอีก 10 ปีข้างหน้า
ขณะที่ ประธาน ฟอร์ด มอเตอร์ เตรียมบินมาแถลงขยายการลงทุนในไทยด้วยเม็ดเงินมหาศาล
ในวันจันทร์ที่ 13 ตุลาคมที่จะถึงนี้ "ฟอร์ด" จะประกาศการลง ทุนครั้งใหญ่ในไทย
โดยนาย บิล ฟอร์ด ประธานและประธานเจ้า หน้าที่บริหาร ฟอร์ด มอเตอร์ คอมปานี สหรัฐอเมริกา
จะเดินทาง มาเมืองไทย เพื่อแถลงข่าวขยายการลงทุน ในบริษัท ออโต้ อัลลายแอนซ์ จำกัด
หรือ AAT หลังเข้า หารือกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย จากนั้นจะ
เดินทางต่อไปยังประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งฟอร์ดมีโรงงานประกอบรถยนต์นั่งอีกแห่งในภูมิภาคนี้นอกจากไทย
ทั้งนี้ออโต้ อัลลายแอนซ์ เป็น โรงงานประกอบรถยนต์ของกลุ่ม ฟอร์ดในไทย ซึ่งทำการประกอบรถ
ปิกอัพของฟอร์ด และมาสด้า เพื่อ ทำตลาดในประเทศและส่งออกทั่วโลก โดยฟอร์ด มอเตอร์
ได้ลงทุน ในการเข้ามาตั้งโรงงานแห่งนี้เป็นเงิน กว่า 2 หมื่นล้านบาท จากนั้นก็มีการลงทุนเพิ่มอีกเป็นระลอก
และล่าสุดในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ คาดว่าจะมีการลงทุนเพิ่มอีกหลายพันล้านบาท
เบนซ์ทุ่ม 4.5 พันล.บุกอาเซียน
ด้านนายแฟรงก์ เมสเซอร์ ประธาน และหัวหน้าฝ่ายบริหาร เดมเลอร์ไครสเลอร์ ประจำภูมิภาคอาเซียน
ผู้ผลิตรถยนต์ยี่ห้อเมอร์เซเดส-เบนซ์ และไครสเลอร์ ได้เปิดเผยในระหว่างมาร่วมประชุมสุดยอดผู้นำ
ธรุกิจ 10 ชาติ สมาชิกสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน ที่ประเทศอินโดนีเซียว่า
ทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์ในภูมิภาคอาเซียนมีความน่าสนใจอย่างมาก และเดมเลอร์ไครสเลอร์ก็พร้อมที่จะลงทุน
เพื่อเพิ่มยอดขายในภูมิภาคนี้อย่างต่อเนื่อง
"เดมเลอร์ไครสเลอร์จะใช้เงินลงทุนเพิ่ม อีก 100 ล้านยูโร (116 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
หรือประมาณ 4.5 พันล้านบาท ในอีก 2 ปีข้างหน้า เพื่อ สร้างความแข็งแกร่ง และเพิ่มยอดขายเป็น
3 เท่า ในอีก 10 ปีข้างหน้า" นายเมสเซอร์กล่าว
อย่างไรก็ตาม งบประมาณการลงทุนที่กล่าวมา ไม่ได้หมายความว่าจะลงทุนหมด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม
โดยมีการตั้งงบการลงทุนอยู่ระหว่าง 50-100 ล้านยูโร หรือประมาณ 2.25-4.50 พันล้านบาท
สำหรับเป้าหมายของเดมเลอร์ไครสเลอร์ในปีหน้า คาดว่าจะมียอดขายในภูมิภาคอาเซียนเติบ
โตประมาณ 10-15% หรือ 35,000 คัน โดยปีที่ผ่านมาเดมเลอร์ไครสเลอร์มียอดขาย 1 พันล้านยูโร
หรือประมาณ 4.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเมื่อดูตลาดรถยนต์ในอาเซียนถือว่ายังต่ำเพียง
1.5 ล้านคันเท่า นั้นในปีที่แล้ว ฉะนั้นตลาดในภูมิภาคจึงมีแนวโน้มที่จะเติบโตอีกมาก
นายเมสเซอร์กล่าวว่า การลงทุนในช่วงสองปีที่ผ่านมา เดมเลอร์ไครสเลอร์ลงทุนไป
100 ล้านยูโร หรือประมาณ 4.5 พันล้านบาท ในส่วนของโรงงานและอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นที่ประเทศไทย,
มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม มีการจ้างพนักงานกว่า 2,000 ตำแหน่ง
ยกไทยศูนย์กลางภูมิภาค
"ประเทศไทยถือว่าเป็นศูนย์กลางของบริษัท รถยนต์ทุกยี่ห้อ ในการเข้าไปลงทุนรวมทั้งเดมเลอร์
ไครสเลอร์ เพราะมีองค์ประกอบที่สนับสนุนหลาย อย่าง ทั้งในเรื่องของโซ่อุปทาน และกฎระเบียบต่างๆ
ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลอย่างเต็มที่ รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานของไทย ที่ถือว่ามีความพร้อมอย่างมาก
แต่ในอนาคตมาเลเซียและอินโดนีเซีย เป็นอีกประเทศที่จะให้ผลตอบแทนอย่างดีต่อการเข้าไปลงทุน"
นายเมสเซอร์กล่าวอีกว่า เหตุผลหนึ่งที่ทำให้ บรรดาบริษัทรถยนต์ต่างๆ เข้ามาลงทุนในภูมิภาค
อาเซียนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ฮอนด้า มอเตอร์ จาก ประเทศญี่ปุ่น หรือคู่แข่งจากเยอรมนีอย่าง
บีเอ็ม-ดับเบิลยู ต่างมุ่งมาลงทุนในภูมิภาคนี้ เนื่องจากมีต้นทุนที่ต่ำจากการเปิดเสรีทางการค้าในอาเซียน
หรืออาฟตา (ASEAN Free Trede Area : AFTA) ทำให้การนำเข้ารถยนต์ระหว่างกลุ่มประเทศอาเซียน
เสียภาษีเพียงร้อยละ 5 เท่านั้น
สำหรับการบังคับใช้กรอบข้อตกลงอาฟตา ในส่วนของอุตสาหกรรมยานยนต์ ได้เริ่มใช้ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา
ยกเว้นประเทศมาเลเซีย ซึ่ง จะมีผ่อนคลายการคุ้มครองอุตสาหกรรมยานยนต์ ในปี 2005
เบนซ์ไทยคุยขอกลับจุดสูงสุด
การประกาศเพิ่มยอดขายของเดมเลอร์ ไครสเลอร์ ไม่ใช่สิ่งที่เกินเลยไปนัก เพราะหากดูที่เฉพาะตลาดในเมืองไทย
ที่ปีนี้ผ่านไป 8 เดือน เมอร์เซเดส-เบนซ์กวาดยอดขายไปแล้ว 4 พันคัน ครองแชมป์ตลาดหรูหราชนิดทิ้งห่างคู่แข่งบีเอ็มดับเบิลยูกว่าเท่าตัว
คือบีเอ็มดับเบิลยูขายได้ 1,642 คัน ดังนั้นเป้าหมายหมาย 5,000 คันในปีนี้ จึงไม่น่าจะใช่เรื่องยากเย็นสำหรับเมอร์เซเดส-เบนซ์
อย่างไรก็ตามเป้าหมายของเมอร์เซเดส-เบนซ์ นั้นไม่หยุดอยู่แค่ 5,000 คัน แต่เป็น
10,000 คันในอนาคตอันใกล้นี้ ซึ่งเบนซ์เคยสามารถทำยอดขายได้ถึง 11,870 คันในปี
2538 ดังนั้นกลยุทธ์ใด ที่ทำให้เบนซ์สามารถกลับไปยืน ณ จุดนั้นได้
นายคาร์ล-ไฮซ์ เฮคเฮาเซ่น ประธานบริหารบริษัท เดมเลอร์ไครสเลอร์ (ประเทศไทย)
จำกัด เปิดเผยถึงปัจจัยที่จะทำให้เมอร์เซเดส-เบนซ์ บรรลุเป้าหมายดังกล่าว คือ 1.หาสินค้าใหม่มาทำตลาด
2.วางแผนร่วมกับผู้จัดจำหน่าย ว่าควรจะ เป็นรถรุ่นใด และราคาเท่าไร 3. เซกเมนต์ในตลาด
รถหรูจะต้องเติบโตด้วย เพราะที่ผ่านมาตลาดตกลง แม้จะเป็นตัวเลขไม่เยอะแต่ส่งให้ตลาดโดยรวมไม่โต
หลังจากนี้ไปคงต้องจับตามองค่ายนี้ให้ดี เพราะแค่แบรนด์เนมก็แข็งปึ้กในตลาดเมืองไทยอยู่แล้ว
เมื่อบวกกับแผนในการรุกตลาดยังคงเดินหน้าชนิดไม่หวั่นคู่แข่ง โดยเฉพาะการแนะนำสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะเม็ดเงินที่นำมาอัดฉีดอยู่ตลอดเวลา ความฝันที่จะมียอดขาย 10,000 คัน จึงเป็นไปได้สูง
และนี่จะเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันยอดขายตามเป้าที่วางไว้แน่นอน