Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์7 มกราคม 2553
จับตา"ธุรกิจโรงแรมไทย" ปีเสือ ระดับ 4 - 5 ดาวเริ่มฟื้น - บัดเจ็ตโฮเต็ลมาแรง!...             
 


   
search resources

Tourism
Hotels & Lodgings




ผลกระทบจากวิกฤตการเงินโลก และสถานการณ์ทางการเมืองไทยที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่ปลายปี 2551 ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาเที่ยวไทยในปี 2552 มียอดลดลงอย่างรุนแรง ถึงขึ้นติดลบในรอบกว่าสามทศวรรษ

แม้ว่าในช่วงเดือน ส.ค.52 เริ่มมีสัญญาณการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นก็ตาม ขณะที่อัตราการหดตัวของนักท่องเที่ยวลดลงเหลือเพียงร้อยละ 5 ในเดือนสิงหาคม และกลับมาขยายตัวเป็นบวกนับจากเดือนกันยายนเป็นต้นมา โดยมียอดนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยรวมแล้วไม่ต่ำกว่า13.1 ล้านคนตลอดทั้งปี'52

ปัจจุบันสถานการณ์ที่เริ่มคลี่คลายขึ้น ทำให้ปี'53 นี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือททท. และภาคธุรกิจท่องเที่ยว ต่างประเมินว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยอยู่ราวๆ 13.6-13.7 ล้านคน ใกล้เคียงกับปี 2552 ที่คาดการณ์ไว้ว่าจะทำให้ได้ถึงจำนวน 14 ล้านคน แต่เนื่องจากตัวเลขนักท่องเที่ยวยังติดลบจากปี 2551 ถึงร้อยละ 4 ดังนั้น การคาดการณ์ว่าในปี 2553 จะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ7-10 เมื่อเทียบกับปี 2552 หรือคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวราว15-15.5 ล้านคนนั้น ททท.คงต้องทำการบ้านหนักขึ้นกว่าเดิม เพราะนั่นหมายถึงรายได้จากการท่องเที่ยวจะอยู่ที่ 560,000-570,000 ล้านบาททีเดียว

ซึ่งที่ผ่านมาประเทศไทยถูกตอกย้ำชัดเจนยิ่งขึ้นถึงการเผชิญกับภาวะหดตัวอย่างหนักของการท่องเที่ยวไทยในปี 2552 อันส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจท่องเที่ยวเป็นอย่างมากจนทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องได้รับผลกระทบไปตามๆ กัน

สอดคล้องกับธุรกิจโรงแรมที่ ชนินทธ์ โทณวณิก กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล เคยกล่าวไว้ว่า ตั้งแต่ดำเนินธุรกิจในแวดวงท่องเที่ยวมากว่า 30 ปี ต้องยอมรับว่าในปี 2552 ถือเป็นปีวิกฤตสุดของการท่องเที่ยวไทย จากผลกระทบจากการปิดสนามบินภูเก็ตเมื่อกลางปี 2551 การปิดสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อปลายปี 2551 และความวุ่นวายในช่วงเดือนเมษายน 2552 สำหรับการเกิดเหตุจลาจลที่พัทยา ระหว่างการประชุมอาเซียน ซัมมิต

"ส่งผลให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวในช่วง 9 เดือนแรกแย่มาก ยอดนักท่องเที่ยวลดลงไป 20-30% และถือว่าตกมากที่สุดในเอเชีย-แปซิฟิก เพราะที่อื่นๆ เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย จีน ก็ยังไม่ตกมากเท่าไทย เพิ่งจะเริ่มกระเตื้องขึ้น 3-4 เดือนหลังมานี้ ดังนั้น ในปีนี้เฉลี่ยทั้งปี 2552 ธุรกิจท่องเที่ยวจะมีรายได้ลดลงกว่า 25-30% หรือรายได้จะหายไปราว 1.5 แสนล้านบาทได้ แต่ปีหน้ามีสัญญาณที่ดีขึ้น"

ปรากฏการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นทำให้รายได้ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวนั้นหายไป ส่งผลให้ในปีนี้จึงเห็นภาพของการปลดพนักงานในอุตสาหกรรมนี้นับแสนคน โดยเฉพาะการทยอยเลย์ออฟพนักงานของกลุ่มที่บริหารโดยเชนจากต่างประเทศ ส่วนโรงแรมในระดับเอสเอ็มอี ได้รับผลกระทบมากที่สุด ต้องเผชิญกับวิกฤตสภาพคล่อง ขณะที่มาตรการช่วยเหลือภาคธุรกิจ โดยเฉพาะการปล่อยสินเชื่อให้โรงแรมระดับเอสเอ็มอี ที่ในทางปฏิบัติกลับไม่ได้มีการปล่อยสินเชื่อให้แต่อย่างใด

ขณะที่มาตรการสินเชื่อฟาสต์แทร็ก ไม่ต้องพูดถึง เพราะช่วงที่ผ่านมารัฐบาลพูดมากแต่ทำน้อย ซึ่งในการทำงานของรัฐบาล 1 ปีเฉพาะผลงานด้านการท่องเที่ยว กลับถูกผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมประเมินผลงานให้แค่ระดับ C เท่านั้น

สอดคล้องกับข้อมูลของธุรกิจโรงแรมในปี 2552 ของสมาคมโรงแรมไทยหรือทีเอชเอ ที่สรุปภาพรวมของธุรกิจไว้ว่า เฉลี่ยแล้วอัตราการเข้าพักตลอดทั้งปี 2552 น่าจะลดลงจากปีที่ผ่านมา 10-15% โดยอัตราการเข้าพักเฉลี่ยทั่วประเทศจะไม่ถึง 60% ลดลงจากปรกติซึ่งจะอยู่ที่ 70% กว่าๆ ขณะที่รูมเรต (ราคาค่าห้องพักเฉลี่ยซึ่งนับเฉพาะห้องที่มีการเข้าพัก) ลดลงไปกว่า 18%

แต่สิ่งสำคัญคือ Revpar (ราคาเฉลี่ยต่อจำนวนห้องพักทั้งหมดรวมห้องพักที่มีการเข้าพักและไม่มีการเข้าพัก) ลดลงไปถึง 32%

ว่ากันว่า รายได้จากการท่องเที่ยวที่ลดลงนั้นเกิดจาก 2 ปัจจัยหลัก ได้แก่ การลดลงของจำนวนนักท่องเที่ยว และการใช้กลยุทธ์สงครามราคาในการทำตลาด โดยเฉพาะเมื่อกลุ่มโรงแรมขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมในระดับ 4 ดาว 5 ดาว หันมาลดราคาแข่งขันกับโรงแรมขนาดกลางอย่าง 3 ดาว พร้อมกลยุทธ์ลด แลก แจก แถม หวังกระตุ้นทัวริสต์ให้เข้าไปใช้บริการให้ได้มากที่สุด เพื่อไม่ให้ห้องพักว่างมากเกินไป

ขณะเดียวกันในช่วงตลอดทั้งปี'52 กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมเริ่มแตะเบรกการลงทุนร่วมไปแล้วไม่ต่ำกว่า 18 แห่ง โดยส่วนใหญ่เป็นโรงแรมขนาดใหญ่ ซึ่งสวนทางกับโรงแรมในสไตล์ต้นทุนต่ำหรือบัดเจ็ต โฮเต็ล ที่มีแนวโน้มการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

จากสัญญาณการฟื้นตัวขึ้นในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปี 2552 สะท้อนให้เห็นว่า ในปี 2553 หากไม่เกิดความรุนแรงจากปัญหาการเมืองในไทย เชื่อว่า การท่องเที่ยวไทยน่าจะไปได้ดี จำนวนนักท่องเที่ยวที่คาดการณ์เอาไว้ราว 15 ล้านคนจึงเป็นสิ่งที่น่าจะทำได้ เนื่องจากในช่วงไฮซีซันนี้มีสายการบินต่างๆ รวมถึงเที่ยวบินเช่าเหมาลำ มีการเปิดเที่ยวบินเข้าไทยเพิ่มมากขึ้น

โดยเฉพาะตลาดนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งหลังจากชะลอการเดินทางมาเที่ยวในปีที่ผ่านมา ว่ากันว่าในปีหน้าทางสมาคมท่องเที่ยวสัมพันธ์ไทย-จีน ประเมินว่าน่าจะมีจำนวนถึง 1 ล้านคน หรือเพิ่มถึง1.2 ล้านคนทีเดียว

แม้การท่องเที่ยวภาพรวมของปี'53 จะดีขึ้นก็ตาม แต่สิ่งที่เป็นปัญหาสำหรับผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยในปี 2553 คือ วิบากกรรมของกับดักสงครามราคา เนื่องจากปัจจุบันแม้การท่องเที่ยวจะดีขึ้น แต่โจทย์ที่ตีไม่แตก คือ การจะทำอย่างไรให้สามารถปรับราคาขายขึ้นมาเท่ากับที่เคยเป็นในช่วงปี 2550 ได้ เพราะหากจะปรับราคาขึ้นพรวดพราดในขณะนี้ก็คงจะเป็นการเสียโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการที่ยังคงราคาขายเดิมไว้อยู่ หรือถ้าปรับขึ้นมามากนักท่องเที่ยวก็คงรับไม่ได้เช่นกัน

สอดคล้องกับที่ ประกิจ ชินอมรพงษ์ นายกสมาคมโรงแรมไทย หรือทีเอชเอ กล่าวว่า ทีเอชเอ ต้องเร่งสร้างความเข้าใจกับสมาชิกโรงแรมและเอเยนต์ ถึงการกำหนดราคาห้องพัก ที่ไม่ให้ปรับลดราคาห้องพักจนเกินพอดี เพราะในปี 2552 ภาพรวมของ Revpar (ราคาเฉลี่ยต่อจำนวนห้องพักทั้งหมดรวมห้องพักที่มีการเข้าพักและไม่มีการเข้าพัก) ลดลงไปถึง 32% ทำให้โครงสร้างราคาโรงแรมทั้งประเทศถูกกระทบไปทั้งหมด

สำหรับภาพรวมธุรกิจโรงแรมในปี'53 ว่ากันว่าจะเป็นปีแห่งการแข่งขันทางธุรกิจที่รุนแรงขึ้นด้วย เพราะในอีก 1-2 ปีจะมีโรงแรมเปิดใหม่รวมกว่า 4,000-5,000 ห้องทีเดียว ทั้งหมดน่าจะเกิดจากการท่องเที่ยวที่เริ่มส่งสัญญาณในทางที่ดีขึ้น ทำให้โครงการที่เคยชะลอไปในปี 2552 นั้นต่างหันมาเร่งมือก่อสร้างให้แล้วเสร็จเพื่อเปิดดำเนินการ โดยเฉพาะโรงแรมที่จะเปิดตัวใหม่มีตั้งแต่โรงแรมหรูระดับ 5 ดาว ที่เห็นๆ คือ เชน เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ ณ บริเวณศูนย์การค้าสยามพารากอน, โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ, โฟร์วิง ศรีนครินทร์ นอกจากนี้ยังมีโรงแรมราคาประหยัดที่ผุดขึ้นราวดอกเห็ดจำนวนมาก อาทิ Tune โฮเต็ล ป่าตอง เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นบทสรุปของการท่องเที่ยวในปี 2552 และผู้ประกอบการธุรกิจต่างเชื่อว่าแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในปีเสือคงจะทำให้ทุกฝ่ายลืมตาอ้าปากและแข่งขันกับต่างชาติได้   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us