|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ซีพีเอฟ ทุ่ม 5 พันล้านบาท ขยายการลงทุนในต่างประเทศ ระบุ รัสเซียจะเป็นฐานหลักในอนาคต คาดในปีหน้ายอดขายในแดนหมีขาวจะโตกว่า 50% เพราะยังขยายตลาดได้อีกมาก พร้อมปูพรม ซีพีเฟรชมาร์ท เพิ่มอีกเป็น 1 พันแห่งทั่วประเทศ มั่นใจตลาดกุ้งสดใส คาดปีเสือจะขยายตัวสูงถึง 50% คาดปี 52 กำไรสุทธิทะลุ 1 หมื่นล้านบาท
อดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บริษท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ กล่าวว่า ทิศทางการลงทุนในปีหน้าของ ซีพีเอฟ จะมุ่งเน้นไปลงทุนในต่างประเทศเป็นหลัก คาดว่าจะใช้งบประมาณการลงทุนเบื้องต้นประมาณ 5 พันล้านบาท โดยประเทศหลักๆที่จะเข้าไปลงทุน ได้แก่ รัสเซียจะเข้าไปขยายการลงทุนในฟาร์มเลี้ยงไก่ นอกจากนี้จะเข้าไปลงทุนโรงงานแปรรูปในตุรกี ลงทุนขยายการเลี้ยงสัตว์โดยเฉพาะปลา และอาหารปลาในฟิลิปปินส์ และโรงงานอาหารสัตว์ในอินเดีย โดยตลาดรัสเซียจะเป็นฐานที่สำคัญของ ซีพีเอฟ ในอนาคต เนื่องจากมีปริมาณการบริโภคไก่สูงถึงกว่า 2 ล้านตันในแต่ละปี ซึ่งเป็นการนำเข้าถึงกว่า 1 ล้านตัน เมื่อเทียบกับไทยที่ผลิตไก้ได้เพียง 7 แสนตั้น ดังนั้นยังมีโอกาสที่จะขยายตลาดได้อีกมากอย่างครบวงจร ตั้งแต่อาหารสัตว์ไปจนถึงโรงงานแปรรูป ซึ่งมั่นใจว่าธุรกิจของ ซีพีเอฟ ในรัสเซีย จะโตกว่า 50% ในปีหน้าอย่างแน่นอน
ส่วนธุรกิจในประเทศ จะขยายช่องทางการจำหน่ายของร้านค้า ซีพีเฟรชมาร์ท ซึ่งคาดว่าในปีนี้จะเพิ่มจาก 500 แห่งไปเป็น 1,000 แห่ง กระจายไปทุกชุมชนทั่วประเทศ และในอนาคตจะกระจายเป็นแฟรนด์ไชน์ทั้งหมด 100% รวมทั้งจะขยายร้านไก่ย่าง 5 ดาว และออกสินค้าใหม่ เช่น ข้าวมันไก่ บะหมี่หมูแดง และเกี้ยวกุ้ง
ขณะที่ธุรกิจสัตว์น้ำ ในปีหน้าจคาดว่าะส่งออกกุ้งเพิ่มขึ้นถึง 50% หรือมีปริมาณ 5 หมื่นตัน เนื่องจากสามารถย่นระยะเวลาการเลี้ยงได้มากขึ้น รวมทั้งจะออกพันธ์ปลาชนิดใหม่คือปลาหยก ที่ซีพีเอฟ ทุ่มพัมนามาหลายปี ซึ่งปลาชนิดนี้จะเจาะกลุ่มตลาดชั้นสูง เนื่องจากมีรสชาติที่ดีมาก คาดว่าในอนาคตจะได้รับความนิยมอย่างแน่นอน หมือนกับปลาทับทิมที่ซีพีเอฟได้พัฒนาขึ้นมา ส่วนการส่งออกไก่นั้น ตั้งเป้าว่าจะส่งได้ 1 แสนตัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าแปรรูป
ทั้งนี้สัดส่วนโครงสร้างรายได้ของ ซีพีเอฟ ในปีนี้ที่คาดว่าจะมีมูลค่า 1.6 แสนล้านบาท จะมาจากอาหารสัตว์บกและสัตว์น้ำ 35% ฟาร์มสัตว์บกและสัตว์น้ำ 45% อาหารพร้อมรับประทานและพร้อมปรุง 20% ซึ่งในปีหน้า ซีพีเอฟ จะปรับเปลี่ยนโครงสร้างนี้ โดยจะลดสินค้าในกลุ่มฟาร์มลง และเพื่มในส่วนของสินค้าแปรรูปมากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคระบายต่างๆ และความผันผวนของราคาในตลาดโลก ส่วนรายได้ในปีหน้าคาดว่าจะขยายตัวไม่ต่ำกว่า 10% เมื่อเทียบกับปี 2552 ขณะที่การคาดการณ์กำไรสุทธิทั้งปี 2552 นั้นมีโอกาสที่จะทะลุระดับ1 หมื่นล้านบาทได้ ซึ่งสูงกว่าปีก่อนที่สามารถทำได้ 3.2 พันล้านบาท ซึ่งถือเป็นกำไรสูงสุดของบริษัท หลังจาก3 ไตรมาสที่ผ่านมาบริษัทสามารถทำกำไรได้แล้ว 8.08 พันล้านบาท โดยจากการที่ประสบความสำเร็จทั้งรายได้และกำไรสุทธินั้นมาจากการขยายตลาดต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งขณะนี้บริษัทขยายการส่งออกแล้วทั้งหมด 20 ประเทศ ซึ่งคิดเป็นการส่งออกอาหารสู่ประชากร 3 พันล้านคนทั่วโลก
|
|
|
|
|