|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
เมื่อเอ่ยถึงระบบปฏิบัติการบนเครื่องคอมพิวเตอร์เดสก์ทอป มีผลิตภัณฑ์ให้เลือกในตลาดมากมาย นอกเหนือจากระบบปฏิบัติการของวินโดวส์ของไมโครซอฟท์ เช่น ลีนุกซ์ และแมคอินทอชของแอปเปิล ซึ่งในช่วงเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา ระบบใหม่ๆ เหล่านี้ทำท่าว่าจะมีสัดส่วนทางการตลาดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนนักการตลาดบางคนออกมาพยากรณ์ว่าแนวโน้มดังกล่าวอาจจะเป็นจุดจบของระบบปฏิบัติการบนวินโดวส์ของไมโครซอฟท์ในไม่ช้า แม้ว่าสัดส่วนทางการตลาดของระบบปฏิบัติการอื่นนอกระบบวินโดวส์จะยังไม่มากนักก็ตาม
ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งมาจากความล้มเหลวทางการตลาดของระบบปฏิบัติการ วินโดวส์วิสต้านั่นเอง ที่ทำให้เกิดความไม่มั่นใจว่าไมโครซอฟท์จะยังมีน้ำยาอยู่อีก
แต่การคาดหมายดังกล่าวล้วนแต่เกิดขึ้นก่อนหน้าที่ไมโครซอฟท์จะออกมาแก้เกมทางการตลาดด้วยการเปิดตัวระบบวินโดวส์ 7 เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ที่ผลการสำรวจแสดงว่าวินโดวส์ยังเป็นระบบการปฏิบัติการที่มีสัดส่วนทางการตลาดกว่า 92% ของระบบปฏิบัติการทั้งหมด โดยระบบวินโดวส์ 7 มีส่วนแบ่งประมาณ 4% ของมูลค่าการตลาดของระบบปฏิบัติการทั้งหมดในช่วงเวลาเพียงสองสัปดาห์เท่านั้น ในขณะที่วินโดวส์วิสต้าต้องใช้เวลาถึง 7 เดือนกว่าจะได้ส่วนแบ่งครองตลาดขนาดนั้น และใกล้เคียงกับสัดส่วนการตลาดของลีนุกซ์ที่ 5.2% และส่วนแบ่งการตลาดของแมคอินทอชที่ 5.27% แบบทิ้งห่างไม่มากนัก
นักการตลาดจึงต้องปรับมุมมองที่มีต่อระบบวินโดวส์ 7 เสียใหม่ เพราะประมาทไม่ได้อีกต่อไป ซึ่งการวิจารณ์ทางการตลาดตอนนี้เปลี่ยนไปมาก โดยมีหลายหลากปัจจัยที่น่าจะสนับสนุนให้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 7 ก้าวขึ้นแท่นสินค้าอนาคตไกล
ประการแรก ความพร้อมของลูกค้าที่ปัจจุบันใช้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ เอ็กซ์พี อยู่ ในการที่จะเปิดรับความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ของระบบปฏิบัติการวินโดวส์ ทั้งนี้ ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ เอ็กซ์พี ได้เข้าไปครองตลาดอยู่แล้วประมาณ 70% ของระบบปฏิบัติการทั้งหมด หลังจากที่เริ่มเปิดตัวเมื่อปี 2001 หรือราว 9 ปีมาแล้ว ด้วยการใช้เซอร์วิส แพ็ก ทรี (three service packs) ซึ่งแม้ว่าเซอร์วิส แพ็ก ทรีดังกล่าวจะมีการปรับปรุงฟังก์ชั่นขึ้นไปบ้างแล้ว ก็ยังถือว่าออกมานาน และขาดองค์ประกอบบางอย่างที่มีอยู่ในวินโดวส์วิสต้า และวินโดวส์ 7
สิ่งที่ทำให้ลูกค้าอยากได้วินโดวส์ 7 ที่เปลี่ยนแปลงไปจากวินโดวส์ เอ็กซ์พี อีกประการหนึ่งคือ กลไกด้านความปลอดภัยบางประการที่ยังขาดหายไปเทียบกับวินโดวส์วิสต้า เช่น UAC ที่ช่วยปกป้องโหมด IE และอื่นๆ อีกหลายตัว
ประการที่สอง วินโดวส์ 7 เป็นระบบงานที่สามารถปรับใช้หรืออัปเกรดจากวินโดวส์วิสต้ากระทำได้ง่าย ไม่มีปัญหาในการอัปเกรด เหมือนกับกระบวนการอัปเกรดที่ผ่านๆ มาของระบบปฏิบัติการวินโดวส์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ลูกค้าที่ใช้วินโดวส์วิสต้า เอ็กซ์พี ต้องการอย่างมาก การปรับมาใช้วินโดวส์ 7 ทำได้ง่ายและรวดเร็วจึงโดนใจลูกค้าอย่างมาก
ประการที่สาม ตัวสินค้าที่เป็นวินโดวส์ 7 ดีกว่าเดิม แต่ไม่ได้แตกต่าง ดูยาก และเสียเวลาในการทำความคุ้นเคยและการเรียนรู้มากๆ เหมือนวินโดวส์วิสต้า และลูกค้าได้รับความตื่นเต้นจากการได้เห็นสิ่งใหม่ๆ อย่างที่อยากเห็น โดยงานที่ทำบนระบบงานไม่เสียหาย
ดังนั้น ลูกค้าส่วนใหญ่จึงไม่ได้อยากที่จะเปลี่ยนระบบปฏิบัติการของคอมพิวเตอร์ หากสามารถทำงานต่อไปได้ดีและยังได้บรรยากาศของวินโดวส์อยู่ เพราะการเปลี่ยนแพลตฟอร์มเป็นเรื่องใหญ่สำหรับการทำงานบนคอมพิวเตอร์ทีเดียว
ประการที่สี่ ข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์ที่ไม่มี ไม่ต้องการฮาร์ดแวร์ใหม่ ทำให้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 7 เป็นสินค้าที่ตลาดต้องการ เพราะการปรับเปลี่ยนตัวฮาร์ดแวร์ที่เป็นปัญหาที่เกิดกับวินโดวส์วิสต้า เป็นสาเหตุหนึ่งของการล้มเหลวของวินโดวส์วิสต้า ที่ทำให้ลูกค้าหันไปหาระบบปฏิบัติการอื่นนอกวินโดวส์ด้วย งบการปรับเปลี่ยนที่ประหยัดได้ จึงทำให้เกิดการยอมรับได้ง่ายขึ้น ในขณะที่ระบบปฏิบัติการแมคอินทอช จำกัดว่าต้องใช้กับคอมพิวเตอร์ของแอปเปิลเท่านั้น ในขณะที่วินโดวส์ 7 ไม่มีข้อจำกัดนี้
ประการที่ห้า ลูกค้าส่วนหนึ่งไม่ใช่นักท้าทาย ไม่สนใจเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าสุดๆ หรือแอปพลิเคชั่นที่หลากหลายมากมายให้เลือกใช้ในงานพิเศษหรือนอกเหนืองานปรกติ แต่สนใจผลของงานที่ออกมาสำเร็จตามเป้าหมาย การใช้งานที่ง่ายและเล่นเกมที่ต้องการได้มากกว่า ซึ่งระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 7 ได้คำนึงถึงประเด็นนี้อย่างเพียงพอ และลูกค้ากลุ่มนี้ยังสามารถใช้ประสบการณ์ในอดีตในการอัปเกรดตัวเองได้
ประการที่หก ลูกค้าส่วนหนึ่งไม่สนใจรูปทรงที่สวยงาม เตะตาของคอมพิวเตอร์ หรือไม่ถือว่าคอมพิวเตอร์ต้องสวยและทันสมัยตามแฟชั่น ทำให้สินค้าที่เป็นคอมพิวเตอร์ของแอปเปิลไม่สามารถดึงดูดลูกค้าได้ หากต้องออกไปจากระบบปฏิบัติการวินโดวส์ที่ลูกค้ากลุ่มนี้คุ้นเคย
ประการสุดท้าย ระดับราคาของระบบปฏิบัติการต้องไม่หฤโหดจนรับไม่ไหว เพราะการเปลี่ยนแปลงระบบปฏิบัติการในภาวะที่เศรษฐกิจและธุรกิจยังไม่แจ่มใสแบบนี้ เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก เพราะลูกค้าทุกคนต้องพยายามประหยัดเงินทุกบาททุกสตางค์ เพื่อให้มีเงินออมเหลือสำหรับรองรับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ยังย่ำแย่อีกยาวนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไมโครซอฟท์ยังปรับลดระดับราคาของวินโดวส์ 7 ลงมาให้อยู่ในช่วงราคาที่ลูกค้าพอรับไหว
ขณะเดียวกัน ต้นทุนการปรับปรุงฮาร์ดแวร์ที่ไม่มี ค่าใช้จ่ายการอบรมที่ไม่เพิ่มภาระมากนัก ทำให้สัดส่วนทางการตลาดของวินโดวส์ 7 ไปได้สวยอย่างเกินความคาดหมายของนักการตลาดทั้งหลาย
|
|
|
|
|