Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์11 มกราคม 2553
บทพิสูจน์วิสัยทัศน์ผู้นำ 'แม่ทองสุก MTS Gold' จากทองตู้แดง ถึงทองดิจิตอล             
 


   
search resources

Jewelry and Gold
กลุ่มบริษัทแม่ทองสุก เอ็มทีเอส โกลด์




การเริ่มต้นธุรกิจแม้จะเป็นเรื่องยากหากไม่มีความพร้อมเพียงพอ แต่การพัฒนาให้ก้าวหน้าเติบโตย่อมยากลำบากกว่า เราจึงเห็นหลายๆ ธุรกิจจบลงในรุ่นแรก เพราะไม่มีทายาทมาสืบทอดหรือมีทายาทไม่สามารถสานต่อธุรกิจให้ก้าวเดินต่อไปได้ แต่สำหรับ "ห้างทองแม่ทองสุก" ที่เกิดจากการเป็นร้านทองตู้แดงเมื่อหลายสิบปีก่อน สามารถก้าวผ่านมาถึงปัจจุบัน ซึ่งก้าวไกลกลายเป็น "แม่ทองสุก MTS Gold" ธุรกิจทองครบวงจรยุคดิจิตอล ได้โดยมี "นายแพทย์ กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ"ทายาทรุ่นสอง เป็นผู้นำขับเคลื่อนธุรกิจอย่างมีวิสัยทัศน์

๐ จะปรับตัวหรืออยู่รอวันตาย
จากเครื่องประดับ เป็นการลงทุน


นายแพทย์กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกลุ่มบริษัท แม่ทองสุก เอ็มทีเอสโกลด์ กล่าวว่า เมื่อการทำธุรกิจค้าขายทองในแบบทองตู้แดงซึ่งเป็นรูปแบบเดิมๆ นั้นมีอุปสรรคสำคัญต่อการขยายตัวของธุรกิจไม่ให้เติบโตไปได้ไกลนัก นั่นคือ เถ้าแก่จะต้องขายเอง หรือหากจะขยับขยายสาขาออกไปก็ต้องเป็นลูกหลานเครือญาติหรือคนในครอบครัวไปดูแลกิจการอย่างใกล้ชิด เพราะการทุจริตเกิดขึ้นได้ง่าย เมื่อทองสามารถนำไปเปลี่ยนเป็นเงินได้อย่างสบายๆ

นอกจากนี้ การขยายร้านแบบทองตู้แดงยังต้องใช้เงินทุนสูง ควบคุมบริหารยากเพราะเป็นของมีค่า และการรักษาคุณภาพมาตรฐานให้มั่นคงแน่นอนทำได้ยาก หากควบคุมดูแลไม่ทั่วถึง สามารถถูกโกงจากลูกจ้างด้วยการนำทองคุณภาพต่ำหรือของปลอมมาแขวนขายแทนของจริง เพราะฉะนั้น หลังจากขยับขยายร้านทองแม่ทองสุกจากเดิมที่มีอยู่ 1 สาขาไปเป็น 4 สาขา การปรับเปลี่ยนธุรกิจเข้าสู่เส้นทางใหม่คือการเป็นผู้ค้าส่ง จนถึง การเป็นผู้ส่งออกและผู้นำเข้าจึงเกิดขึ้นตามมาอย่างต่อเนื่อง

จากนั้น แม้ว่าการเป็นผู้ค้าส่งจะต้องใช้เงินทุนมากและไม่สามารถทำให้เกิดขึ้นได้ทันทีเพราะต้องมีความรู้มากพอ แต่เมื่อสะสมองค์ความรู้แล้วจึงตัดสินใจเข้าสู่ธุรกิจในรูปแบบใหม่นี้ ทั้งๆ ที่ผู้ประกอบการที่อยู่ในธุรกิจนี้ไปไกลแล้ว และเมื่อเห็นว่า แนวโน้มของการขายปลีกเริ่มไปในทิศทางที่ตีบตัน ดูจากกำไรขั้นต้นที่ลดลงเรื่อยๆ จาก 4%ในอดีต กลายมาเหลือแค่ 1%ในปัจจุบัน เพราะค่ากำเน็จเท่าเดิม แต่ต้นทุนราคาทองสูงขึ้น และการที่ร้านทองตู้แดงยังอยู่รอดได้เพราะส่วนใหญ่มีรายได้จากการรับจำนำทอง ไม่ใช่การขายทอง เพราะฉะนั้น แม้ผลกำไรของการค้าส่งจะต่ำเช่นกัน คือในอดีตอยู่ที่ 1% ขณะที่ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 0.3-0.4% ก็ตาม แต่การขายจำนวนมากทำให้การค้าส่งเป็นอีกรูปแบบทางธุรกิจที่แม่ทองสุกเลือกเดินไป

ในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมานี้ ภาพที่เห็นได้ชัดคือผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงการซื้อทองรูปพรรณทั่วโลก เพื่อใช้เป็นเครื่องประดับลดลงอย่างมากประมาณ 60-70% เพราะราคาทองคำที่สูงขึ้นอย่างมาก และมีวัสดุอื่นๆ ที่ใช้ทำเครื่องประดับได้สวยงามมาทดแทน ในขณะที่ เมื่อโลกยุคดิจิตอลส่งผลกระทบทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การซื้อ-ขายทองเปลี่ยนเป็นการลงทุนทองคำแท่งอย่างคึกคักในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา สำหรับในประเทศไทยเมื่อประมาณ 1 ปีที่ผ่านมา มีเครื่องมือใหม่มาช่วยผลักดันคือ Gold Futures ซึ่งเป็นการซื้อขายทองคำในลักษณะสัญญาซื้อขายล่วงหน้า

การเข้ามารับช่วงธุรกิจกว่า 20 ปีของทายาทรุ่นที่สอง หลังจากที่รุ่นพ่อแม่บุกเบิกมาตั้งแต่ปี 2500 จนถึงปัจจุบันกว่า 50 ปีแล้ว จากร้านขายทองเล็กๆ "แม่ทองสุก" พัฒนาจากทองตู้แดงที่ขายทองรูปพรรณ กลายเป็นผู้ค้าทองที่ครบวงจร ก้าวสู่ธุรกิจทองดิจิตอลเป็น "แม่ทองสุก เอ็มทีเอส โกลด์"

๐ เปิดมุมมองบริหาร
พัฒนาสู่ความยั่งยืน


หลักการบริหารธุรกิจ 3 ข้อ คือ CIA ที่ใช้อย่างได้ผลมาตลอด ประกอบไปด้วย 1.C- Creative Thinking คือการมีความคิดริเริ่มในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ 2.I- Innovation เมื่อคิดสร้างสรรค์ไม่ว่าจะเป็นเรื่องขององค์กรหรือโปรดักส์ ต้องมีการนำความคิดนี้ไปสร้างนวัตกรรมใหม่ ยกตัวอย่าง การพัฒนาธุรกิจจากการเป็นเพียงผู้ค้าปลีกเป็นผู้ผลิต และต่อยอดการผลิตด้วยการนำเทคโนโลยีใหม่มาเปลี่ยนจากการผลิตด้วยมือมาเป็นการใช้เครื่องจักร ซึ่งต่อมาพัฒนาไปเป็นการสร้างเครื่องจักรในการสกัดทองที่ทันสมัยที่สุดเครื่องหนึ่งของโลกและมีการจดลิขสิทธิ์ไว้ด้วย

และ3.A-Adaptation เมื่อคิดสร้างสรรค์และริเริ่มนวัตกรรม คนในองค์กรต้องปรับตัวและเปลี่ยนแปลง ซึ่งมาพร้อมกับการพัฒนาไปอย่างไม่หยุดนิ่ง เพราะฉะนั้น หลังจากนำหลักการดังกล่าวมาปฏิบัติอย่างจริงจังแล้ว ธุรกิจของแม่ทองสุกจึงสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็วถึงประมาณปีละ 100-300%ต่อปี จากประมาณ 9,000 ล้านบาทเมื่อ 7 ปีก่อน เป็น 1.9 แสนล้านบาทในปัจจุบัน มีพนักงานเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 160 คนในช่วง 15 ปี เป็นกลไกขับเคลื่อนธุรกิจในเครือที่มีอยู่ 9 บริษัทในปัจจุบัน และกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านทองคำทั้งระบบ

นพ.กฤชรัตน์เล่าว่า จุดเริ่มต้นของการเข้ามาสานสร้างธุรกิจของครอบครัว เริ่มที่การเรียนรู้ก่อนไม่ใช่การตั้งเป้าหมาย เพราะในตอนนั้น แม่ทองสุกยังเป็นเพียงร้านทองเล็กๆ ร้านหนึ่งหรืออาจจะเป็นร้านทองที่อยู่ในอันดับท้ายๆ ของร้านทองตู้แดงที่มีอยู่มากมายนับพัน ขณะที่ ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับธุรกิจทองของเขายังมีอยู่น้อยมาก เพราะยังยึดอยู่กับการเป็นแพทย์ แต่เมื่อเรียนรู้และผ่านประสบการณ์มาจนถึงขั้นที่แข็งแรงระดับหนึ่งแล้ว การตั้งเป้าหมายจึงเกิดขึ้นในช่วงที่ต้องการและพร้อมจะต่อยอดธุรกิจไปอีกขั้น

"ในตอนแรกๆ แค่ได้ทำธุรกิจแล้วสำเร็จค้าขายดีเท่านั้นก็พอแล้ว ไม่กล้าตั้งเป้าอะไร ใช้วิธีวางแผนสั้นๆ และปรับปรุงพัฒนาตัวเองตลอดเวลา แค่คิดขยายสาขาปีละสาขาก็พอแล้ว แต่เมื่อถึงจุดที่สำเร็จจะมองไปที่ role model ว่าอยากเป็นแบบไหน และเมื่อทบทวนวิเคราะห์ธุรกิจแล้วเห็นว่าการขยายสาขาแบบทองตู้แดงเป็นร้านขายปลีกไปเรื่อยๆ มีอุปสรรคและไม่สามารถทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างรวดเร็ว การพัฒนาธุรกิจในแนวทางใหม่จึงเกิดขึ้น"

การพัฒนาวิสัยทัศน์มาจากการไม่หยุดเรียนรู้ ผู้บริหารต้องตื่นตัวตลอดเวลาและทำให้องค์กรเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ไปพร้อมๆ กัน บทพิสูจน์ความสำเร็จของแม่ทองสุกเกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดยิ่งขึ้นภายในช่วง 7-8 ปีหลัง ที่สามารถทำให้องค์กรเล็กๆ กลายเป็นองค์กรใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว ที่สำคัญคือการศึกษาเรียนรู้ที่ทำมาตลอด มีการนำมาปรับปรุงสร้างสรรค์ใหม่และพัฒนา เพราะมีผู้บริหารจำนวนมากที่เรียนรู้มากมาย แต่ไม่ได้นำมาใช้จริงหรือนำมาพัฒนาต่อยอด

"การเป็นหมอทำให้มีพื้นฐานอยู่บนความเป็นจริง ชอบเรียนรู้ ความเป็นหมอทำให้มีวิธีคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมีสาเหตุจากอะไร สาเหตุนั้นทำให้เกิดผลอะไร และวิเคราะห์ว่าเป็นโรคอะไร และต้องรู้ว่าจะรักษาอย่างไร ถ้าเป็นการทำธุรกิจต้องวิเคราะห์หาสาเหตุและการแก้ไขเช่นเดียวกัน แต่นอกจากการรู้กลยุทธ์ทั่วไปซึ่งเป็นเรื่องพื้นฐานคือวางเป้าหมาย วางแผนปฏิบัติการ ยังต้องสามารถคิดเป็นองค์รวมและริเริ่มสร้างสรรค์ได้ด้วย"

"คำสอนของในหลวงบอกว่า ให้คิดเยอะๆ ก่อนทำ แต่ไม่ต้องทำทุกอย่างที่คิด แต่ให้คิดทุกอย่างที่จะทำ อยากจะย้ำว่า ทุกอย่างที่เรียนรู้มาไม่ได้เอามาใช้ได้เลย ไม่ได้ตรงเป๊ะ เราต้องนำมาปรับใช้ให้เข้ากับปัญหา ยกตัวอย่าง เราเข้ามาทำธุรกิจซื้อขายทองคำแท่งแล้วไปได้ดี ถึงขั้นเป็นที่ปรึกษาแนะนำได้ เพราะเรียนรู้มาตลอดแบบ learning by doing และชอบอ่านตำราต่างประเทศ ทำให้รู้ลึกและเป็นข้อได้เปรียบ และทำให้เราขยายไปสู่ตลาดใหม่ๆ ได้ก่อนคนอื่น เช่น การซื้อขายทองคำด้วยระบบออนไลน์ ซึ่งเป็นความท้าทายระดับโลก"

ทายาทธุรกิจที่นำพาธุรกิจให้ก้าวมาไกลกว่าจุดเริ่มอย่างมากมาย มองว่าเมื่อโลกเปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก การทำธุรกิจในโลกยุคปัจจุบันต้องทันกับการเปลี่ยนแปลงให้ได้ ไม่เช่นนั้นคนที่ปรับเปลี่ยนไม่ได้มีโอกาสจะตกกระแสได้รวดเร็วมากเช่นกัน เรียกได้ว่าเป็นยุคที่ต้องพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง ซึ่งไม่เพียงแค่ผู้นำ แต่ต้องทำให้องค์กรปรับเปลี่ยนได้ทันสถานการณ์อีกด้วย เป็นการพัฒนาจากภายในสู่ภายนอก ซึ่งการปรับเปลี่ยนมีทั้งที่สามารถทำได้ทันที เช่น การใช้เทคโนโลยี กับการเปลี่ยนแปลงที่ต้องใช้เวลา เช่น บุคลากร

"เราเป็นผู้นำต้องทำให้ตัวเราเป็นตัวอย่าง เพราะพนักงานมักจะดูผู้บริหารและอดีตที่ผ่านมาขององค์กรหรือสิ่งที่เขาได้รับ เพราะฉะนั้น เมื่อมีการต่อต้านการเปลี่ยนแปลงอยู่บ้าง จะพยายามโน้มน้าวให้มีมุมมองของการพัฒนาและใช้เรื่องการให้รางวัลเป็นหลักมากกว่าการลงโทษ ขณะที่ผู้บริหารต้องมองไปที่อนาคตและ role model เพราะฉะนั้น การขยายธุรกิจยังจะเติบโตไปอีกมาก และ role model เปลี่ยนไปตามยุค ตอนนี้ถ้าเป็นองค์กรในไทยมองที่แบงก์กสิกรเพราะเห็นการปรับตัวและพยายามพัฒนาอยู่ตลอดเวลา ถ้าเป็นองค์กรระดับโลก มองที่ CNBC เพราะเห็นการปรับเปลี่ยนองค์กรที่ดี"

สิ่งสำคัญคือ การสื่อสารไปสู่หนักงานในองค์กรอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง เพราะจะทำให้เกิดความเข้าใจผู้บริหารได้ดี และรู้ว่าจะต้องทำอย่างไร ไปในทิศทางไหน โดยการปรับเปลี่ยนจะทำแบบค่อยเป็นค่อยไปทีละส่วนงาน เพราะการพัฒนาองค์กรที่ดีต้องใช้เวลา ไม่สามารถก้าวกระโดด การเปลี่ยนแปลงเหมือนการขึ้นบันไดทีละขั้น เพื่อจะสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคง

แต่เพราะมองว่าการเติบโตและการพัฒนาต้องก้าวไปพร้อมกับเครือข่ายหรือหุ้นส่วนทางการค้าที่ดี ซึ่งเป็นเรื่องของการค้ายุคใหม่ และมองว่าภายใน 5 ปี หากร้านทองตู้แดงไม่ปรับตัวจะต้องก้าวไปสู่ทางตัน นักค้าทองข้ามชาติจะเข้ามากลืนกินธุรกิจ จึงทำให้พยายามที่จะผลักดันให้ร้านทองตู้แดงเกิดการเปลี่ยนแปลง ส่วนหนึ่งคือการปรับตัวเป็น Selling Agent ให้กับ MTS Gold Futures ซึ่งกำลังขยายตัวออกไปเพื่อครอบคลุมทั่วประเทศ ในขณะเดียวกันกับการพัฒนาความรู้ให้วงการด้วยการสนับสนุนสถาบันพัฒนาทองคำ เพราะการค้าทองคำยุคใหม่ต้องพัฒนาไปสู่การมีความรู้ในการลงทุน

นอกจากนี้ MTS Gold Futures ซึ่งได้ทายาทรุ่นที่สามมาช่วยดูแลหลังจากปูพื้นฐานความรู้จากการศึกษาทั้งเรื่องการบริหารการเงินและความเป็นผู้ประกอบการจากสถาบันการศึกษาระดับชั้นนำของโลก ทำให้วางเป้าหมายจะเติบโตเป็นบริษัทหลักทรัพย์ที่สามารถซื้อขายหุ้นได้ทุกอย่าง ในขณะที่ วางแผนให้กลุ่มบริษัทห้างทองแม่ทองสุกเติบโตสู่การเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปี 2555

แต่อย่างไรก็ตาม เป้าหมายของการพัฒนามองไปที่การเติบโตแบบยั่งยืนอย่างต่อเนื่องด้วยพื้นฐานที่มั่นคงไม่ใช่การเติบโตแบบกลวงๆ เพราะฉะนั้น การเป็นเบอร์หนึ่งหรือการสูญเสียตำแหน่งผู้นำไปบ้างไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุด โดยยึดหลักว่า ผู้นำต้องมุ่งไปที่การมุ่งมั่นพัฒนาตลอดเวลา ขณะที่พนักงานต้องเน้นความซื่อสัตย์สุจริตทั้งต่อตนเองและองค์กร เพราะจะทำให้ซื้อสัตย์กับลูกค้า และส่งผลต่อการศึกษาเรียนรู้และทำให้องค์กรพัฒนาเติบโตต่อไปได้ เพราะองค์กรจะก้าวไปสู่ความสำเร็จได้ต้องมีทุกเรื่องประกอบกัน   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us