วันนั้นเป็นวันที่ 31 มกราคม 2527 วันสิ้นเดือน
มันน่าจะเป็นวันที่น่าชื่นชมยินดีเพราะเงินเดือนออกและพรุ่งนี้ก็วันตรุษจีนแล้ว
แต่วันนั้นที่กองปราบปรามสามยอดกำลังยุ่ง เพราะพลเอกสิทธิ จิรโรจน์ เพิ่งจะเซ็นอนุมัติสั่งจับกุม
ดร.สุพจน์ เดชสกุลธร ในข้อหาฉ้อโกงประชาชนตามข้อกล่าวหาที่มีผู้ถือตั๋วสัญญาใช้เงินมาแจ้งความไว้รวมยอดเงิน
51 ล้าน 4 แสนกว่าบาทว่า ดร.สุพจน์ เอาเงินฝากไปใช้ส่วนตัว
“งานนี้ถ้าต้องใช้คนระดับรัฐมนตรีมหาดไทยอนุมัติการสั่งจับก็แสดงว่ากำลังภายในของดร.สุพจน์คงจะแข็งพอสมควร”
ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งประจำกองปราบฯ ออกความเห็น
ก็คงจะเป็นเช่นนั้น เพราะ ดร.สุพจน์เป็นผู้บริจาคค่าน้ำมันให้กับกองกำลังรักษาพระนครเป็นประจำ
เดือนละ 30,000 บาท ฉะนั้นก็คงจะรู้จักทางสีเขียวบ้างไม่มากก็น้อย
ตำรวจที่ถูกมอบหมายให้ไปขอดเกล็ดมังกรคือ พ.ต.ท.สุพจน์ (เหมือนกัน) พ่วงพัฒน์
รองผู้กำกับการ 1 และ พ.ต.ต.ประสิทธิ์ ศรีอักษร สารวัตรแผนก 5 กองกำกับการ
1
ตำรวจได้ไปเฝ้าที่หน้าบ้าน ดร.สุพจน์ ที่ 229 ซอยสารสิน ลุมพีนี ทั้งคืน
คนใช้ก็บอกว่าไม่อยู่
วันรุ่งขึ้นที่ 1 กุมภาพันธ์ นายตำรวจทั้งคู่ต้องรีบเร่งควานหาตัวสุพจน์ให้ได้เพราะข่าวหมายจับได้ออกไปในหน้าหนังสือพิมพ์แล้ว
คืนวันที่ 1 ตำรวจทั้งสองตัดสินใจแวะไปดูสถานอาบอบนวดฮองเฮา ที่ถนนสาทร
ซึ่งสุพจน์ชอบไปสิงสู่ที่นั่นเป็นประจำ และเหมือนโชคช่วย รถวอลโว่สีทอง กท.4
ค 5876 จอดอยู่
พ.ต.ท.สุพจน์ พ่วงพัฒน์ ในฐานะที่เคยอยู่ท้องที่บางรักมาก่อน แวะขึ้นไปหาผู้ควบคุมสถานที่คือโกบ๋วย
ซึ่งปฏิเสธว่าไม่เห็น ดร.สุพจน์ แต่หลังจากถูกคาดคั้นอย่างหนักถึงยอมรับว่า
ดร.สุพจน์เล่นไพ่นกกระจอกอยู่กับเพื่อนชั้น 4
ดร.สุพจน์พอรู้ว่าถูกหมายจับหน้าเสียเล็กน้อย แต่ก็ตั้งสติได้ ขอตัวไปจัดการโทรศัพท์สั่งเสีย
และหนึ่งในโทรศัพท์นั้นคือ ทส.ของทหารใหญ่คนหนึ่งซึ่งขอร้องให้ตำรวจอย่าจับวันนี้เพราะเป็นเทศกาลตรุษจีนคนจีนเขาถือ
แต่ตำรวจทั้งสองได้แจ้งผลไปยังกองปราบแล้ว และก็ไม่จับกุมไม่ได้ เพราะได้รับคำสั่งมา
ดร.สุพจน์ถูกนำตัวมาที่กองปราบตอนตี 4 ของวันที่ 2 กุมภาพันธ์ และสายของวันที่
2 ก็ถูกสอบสวน ซึ่ง ดร.สุพจน์ปฏิเสธทุกข้อหาด้วยเหตุผลที่ว่าขาดสภาพคล่องเรียกเก็บเงินคืนจากที่อื่นไม่ได้
ตำรวจพยายามเรียกเจ้าทุกข์มาสอบร่วม แต่เจ้าทุกข์ไม่ยอมมาโดยระบุว่าวันตรุษจีนเป็นวันดีไม่อยากมาเรื่องนี้
ดร.สุพจน์ก็บอกว่าวันตรุษจีนก็เป็นวันดีควรปล่อยเขาไปวันนี้ก่อน!
แต่เผอิญตำรวจเองก็คงจะไม่ใช่คนจีนก็เลยไม่ได้เห็นด้วย!
ดร.สุพจน์เลยต้องใช้วันตรุษจีนทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมา
ในวันเดียวกันนั้นก็มีนางสาวสุจินต์ วงผูกพัน อยู่แถวเสาชิงช้า ได้ยื่นหนังสือขอประกันตัว
แต่ไม่ได้เสนอหลักทรัพย์
“ประกันไม่ประกันอยู่กับนโยบายผู้ใหญ่ ผมมีหน้าที่นำเรื่องเสนอ” เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องพูดให้ฟัง
ซึ่งถ้าประกันได้ ค่าประกันก็คงเป็นล้านๆ และถ้าสุพจน์มีค่าประกันเป็นล้านๆ
ก็คงจะมีผู้ถือตั๋วเยาวราชอีกมากคงจะยอมสุพจน์ไม่ได้แน่ๆ คราวนี้