|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ASTVผู้จัดการรายวัน-"รสาฯ" ขอทดสอบความสามารถเปิดโครงการทาวน์เฮาส์ระดับราคา 3-5 ล้านบาท ย่านเกษตรนวมินท์ รามอินทรา รอเพียงเจรจาซื้อที่ดิน เล็งจีบสถาบันการเงินร่วมทุนพัฒนาโครงการอสังหาฯหลังธปท.ผ่อนเกณฑ์บริหารNPA
นายเลิศมงคล วราเวณุชย์ กรรมการ บริษัท รสา พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ RASA กล่าวถึงการขยายโครงการอสังหาริมทรัพย์ในปี 53 ว่า จะมีทั้งโครงการแนวราบและแนวสูง แต่จะให้ความสำคัญโครงการแนวราบเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะประเภททาวน์เฮาส์ที่ทางบริษัทไม่เคยทำมาก่อน ซึ่งจะช่วยเพิ่มพอร์ตโครงการแนวราบให้มากขึ้นด้วย ที่มีสัดส่วน 25% และอีก 75% เป็นโครงการคอนโดมิเนียม ขณะที่โครงการประเภทคอนโดฯจะยังให้ความสำคัญ แต่อาจจะเป็นคอนโดฯขนาด 8 ชั้น เพราะปัจจุบันคอนโดฯส่วนใหญ่จะเป็นโครงการสูง เช่น 32 ชั้น หรือ 38 ชั้น
" ตอนนี้เรากำลังหาที่ดินและเจรจาในการซื้อที่ดินมาพัฒนาโดรงการแนวราบ โดยเฉพาะทาวน์เฮาส์ที่ระดับราคา 3-5 ล้านบาทที่เราไม่เคยทำ เพราะจะเป็นการเพิ่มช่องทางสร้างรายได้ให้เรานอกเหนือบ้านเดี่ยว แต่ทั้งนี้ก็คงขึ้นอยู่กับลักษณะของที่ดิน เราคงเน้นทำเลที่เรามีโครงการอยู่แล้ว อย่างเช่น ย่านเกษตรนวมินท์ รามอินทรา ซึ่งหากเจรจาได้ก็คงพัฒนาโครงการมูลค่าประมาณ 300 ล้านบาท "นายเลิศมงคลกล่าว
สำหรับความคืบหน้าของการร่วมทุนกับเจ้าของที่ดินแห่งหนึ่งเพื่อพัฒนาโครงการนั้น ได้ยุติไปก่อนหน้านี้ เนื่องจากไม่สามารถตกลงเงื่อนไขได้ โดยเฉพาะราคา แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อแผนการพัฒนาโครงการในปี 53 เพราะบริษัทยังมีการเจรจากับเจ้าของที่ดินแห่งอื่นอีก 1-2 รายทั้งเจ้าของที่ดินโดยตรงและธนาคารพาณิชย์ ประกอบกับการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ผ่อนผันให้ธนาคารพาณิชย์ สามารถนำที่ดินที่ยึดมาร่วมทุนกับผู้ประกอบการ ทำให้มีช่องทางที่มากขึ้น อีกทั้งการซื้อที่ดินจากธนาคารพาณิชย์ยังเป็นการลดความเสี่ยงจากการลงทุนด้วย
" บริษัทไม่ได้รีบเร่งที่จะสรุปการเจรจา เพราะตามแผนจะพัฒนาโครงการในช่วงไตรมาส 3/53-ไตรมาส 4/53 เพื่อไปรับรู้รายได้ในปี 54 เพราะในปี 53 บริษัทมียอดขายรอโอน(backlog) ตุนไว้ที่จะทยอยรับรู้ฯภายปีนี้ประมาณ 1.4 พันล้านบาท แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 1.3 พันล้านบาท และที่เหลือ 100 ล้านบาทเป็นโครงการบ้านเดี่ยว นอกจากนี้ อาจมีการรับรู้รายได้บางส่วนจากโครงการใหม่ที่จะเปิดตัวในปี 53 จำนวน 1-2 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 1 พันล้านบาท"
ดังนั้น การที่บริษัทวางเป้าหมายรายได้ในปี 53 ที่ 1,080 ล้านบาท หรือเติบโต 2 เท่าจากปี 52 ที่คาดรายได้จะอยู่ที่ 540 ล้านบาทไม่น่าจะเป็นเรื่องยาก และปีนี้ยังถือเป็นปีที่มีรายได้สูงสุดตั้งแต่บริษัทเปิดทำการในปี 38 เป็นต้นมา
|
|
|
|
|