"สุพจน์เป็นคนที่มุมานะ กล้าได้กล้าเสีย เขาเลี้ยงลูกน้องเขาดีพอสมควร ตรุษจีนทีเขาจะให้เงินลูกน้องเป็นก้อน
บางคนจะได้เป็นแสนขึ้นไป" อดีตเจ้าหน้าที่เยาวราชไฟแนนซ์กล่าว
การทำงานของสุพจน์แต่ไหนแต่ไรมาจะมีลักษณะเป็นการแสดงเดี่ยวตลอดเวลา ตั้งแต่สมัยเขายังขับแท็กซี่จนเป็นเจ้าของปั๊มน้ำมัน
และเป็นเจ้าของบริษัทเงินทุน คติ "ข้ามาคนเดียว" ถูกยึดถืออย่างหนักแน่น
"เขาเป็นคนยุ่งตลอดเวลาตั้งแต่เช้ายันค่ำ ลูกน้องจะเข้าไปหาก็ลำบากเพราะจะมีคนมานั่งรออยู่หน้าประตูเป็นสิบๆ
คน มีทั้งคนที่จะขอพบเพื่อขอให้ช่วยและรวมทั้งคนจีนที่เอาเงินมาฝากก็ขอพบเพื่อเป็นเกียรติแก่ตัวเองที่ได้พบกับ
ดร.สุพจน์"
"การจัดองค์กรในเยาวราชไฟแนนซ์เป็นการจัดองค์กรที่มีลักษณะคนจีนแท้ๆ คือมีผู้จัดการอยู่คนเดียวคือสุพจน์
นอกนั้นเป็นเสมียนไปหมด จะไม่มีผู้จัดการตลาด, การเงิน ผู้จัดการสินเชื่อ
ผู้จัดการบุคคล ฯลฯ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม ในที่สุดแล้วก็ต้องผ่านเข้าไปในห้องของสุพจน์"
"สุพจน์จะมีคนใกล้ชิดที่ทำงานด้วยอยู่ 2-3 คน แต่ก็ไม่มีตำแหน่งอะไร และก็ไม่ได้รับมอบหมายให้ตัดสินใจ
เพียงแต่ว่าออกความเห็นส่งเข้าไปการตัดสินใจอยู่กับสุพจน์"
คนแรกที่ใกล้ชิดคือ เกษม บัวเกิด ซึ่งอดีตทำงานธนาคารกรุงศรีอยุธยาสาขาพระประแดง
ซึ่งปั๊มน้ำมันที่สุพจน์ติดต่อมาก่อน สุพจน์เอาเข้ามาเป็นกรรมการบริษัทและทำงานเหมือนกับที่ปรึกษาทางด้านการลงทุน
คนที่สองชื่อ แคล้ว แดงดี คนที่สามเป็นเหมือนเลขาหน้าห้องชื่อ สุรพล วงศ์ปิยชน
คนหลังนี่จบนิติศาสตร์จุฬาฯ เริ่มงานกับสุพจน์เป็นคนแปลจีนเป็นไทยและไทยเป็นจีน
กินเงินเดือนไม่กี่พันบาท สุพจน์เห็นหน่วยก้านดีก็เลยเอาเข้ามาเป็นเลขาฯ
ขึ้นเงินเดือนให้ทีเดียวเป็น 15,000 บาท และทำหน้าที่สกรีนเรื่องให้สุพจน์และเป็นกรรมการบริษัทด้วย
"ในช่วง 2 ปีหลังของบริษัทเยาวราชไฟแนนซ์ สุพจน์แทบจะไม่ได้เซ็นชื่ออะไรไว้เลย
การทำนิติกรรมแทบจะทุกประเภท เซ็นโดยกรรมการสองคนคือ เกษม บัวเกิด และสุรพล
วงศ์ปิยชน เท่านั้น"
"สุพจน์ตั้งกรรมการไว้รวม 20 คน และแก้ระเบียบข้อบังคับใหม่เป็นว่าการผูกพันทางนิติกรรมให้กรรมการ
2 คนใดก็ได้ใน 20 คนเซ็นชื่อร่วมกัน"
"บริษัทเยาวราชไฟแนนซ์ตั้งมาตั้งแต่ปี 2519 ถึง 2526 ร่วม 7 ปีได้ แต่สุพจน์มีการเปลี่ยนแปลงกรรมการและอำนาจกรรมการรวม
14 ครั้ง เริ่มด้วยมีกรรมการ 3 คนต้องเซ็นชื่อ 2 ใน 3 แล้วมาถึงสุพจน์เป็นหลักเซ็นร่วมกับกรรมการคนไหนก็ได้
จนถึงกรรมการสองคนใน 20 คนเซ็นร่วมกัน ครั้งหนึ่งบริษัทมีกรรมการถึง 32 คน
ในตอนหลังอย่างต่ำๆ ก็ประมาณ 20 คน แต่การเซ็นชื่อจะมีเกษม บัวเกิด และสุรพล
ปิยวงศ์ชน เป็นหลัก ชื่อสุพจน์ไม่มี แต่สุพจน์จะเป็นคนสั่งงาน"
ไม่ทราบว่า MBA จากเมืองนอกคนไหนจะลอง comment ดูไหม?
"ผู้จัดการ" รู้แต่ว่า Management-Dr.Suphot's Style คือ "ข้ามาคนเดียว"
และก็ "ข้าขอเอาตัวรอดคนเดียว"