ไฮเออร์รุกหนักครั้งใหญ่ ลุยตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในไทยเต็มสูบ ทุ่ม 10 ล้านเหรียญ เพิ่มกำลังการผลิตและโมเดลผลิตภัณฑ์ใหม่มากสุดรอบ 3 ปีที่ทำตลาดในไทย เอาใจดีลเลอร์เพิ่มส่วนต่างกำไร จับตลาดภูธร หวังดันรายได้รวมโตอีก 50% แตะ 1,000 กว่าล้านบาท
นายอู๋ หย๋ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฮเออร์ อิเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ ไฮเออร์ จากจีน เปิดเผยว่า ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ที่ไฮเออร์ได้เข้ามาทำตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศไทย โดยจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่ 4 กลุ่มหลัก คือ ตู้เย็น, เครื่องซักผ้า, เครื่องปรับอากาศ และตู้แช่แข็ง พบว่าได้รับการตอบรับดีขึ้นเรื่อยๆ หรือเฉลี่ยต่อปีมีอัตราการเติบโตราว 40-50% ทุกปี
อย่างไรก็ตามในปีนี้ ทางบริษัทพร้อมเดินหน้าทำการตลาดในประเทศไทยอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของโรงงานการผลิตที่เป็นโรงงานร่วมทุนกับซันโย ตั้งอยู่ที่ อ. กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี โดยรวมจะมีการเพิ่มทุนอีกราว 9-10 ล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐ แบ่งเป็น 3 ล้านเหรียญสำหรับเพิ่มกำลังการผลิตในสินค้า 4 กลุ่ม รองรับการจำหน่ายทั้งในประเทศและส่งออก และอีก 6-7 ล้านเหรียญสำหรับการลงทุนเพิ่มโม-โปรดักส์ชั่น เพื่อเพิ่มโมเดลสินค้าใหม่ๆเข้าสู่ตลาด ซึ่งในปีนี้จะเป็นปีแรกที่ไฮเออร์จะมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ในแต่ละผลิตภัณฑ์มากที่สุด
โดยในส่วนของการเพิ่มกำลังการผลิตนั้น ปีนี้ในกลุ่มเครื่องปรับอากาศจะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 9 หมื่น-1 แสนเครื่อง จากปีก่อนอยู่ที่ 20,000 เครื่อง เป็นการผลิตเพื่อการส่งออกกว่า 60% จำหน่ายในประเทศ 30-40%, ตู้เย็น ปีนี้จะมีกำลังการผลิตที่ 1.1 ล้านเครื่อง จากปีก่อนอยู่ที่ 9 แสนเครื่อง เป็นส่งออก 70% และจำหน่ายในประเทศ 30%, เครื่องซักผ้าปีนี้อยู่ที่ 1.3 แสนเครื่อง
จากปีก่อนผลิตที่ 90,000 เครื่อง เป็นส่งออก 40% และจำหน่ายในประเทศ 60% และตู้แช่แข็ง จะมีกำลังการผลิตเป็น 10,000 เครื่อง จาก 5,000 เครื่องในปีก่อน โดยเป็นกำลังการผลิตรองรับตลาดในประเทศทั้งหมด
นายอู๋ กล่าวต่อว่า การเพิ่มกำลังการผลิตครั้งนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากเรื่องของสิทธิประโยชน์ของเขตการค้าเสรี หรือ อาฟต้า โดยผลิตภัณฑ์ของไฮเออร์ที่ผลิตในประเทศไทย จะมุ่งเน้นการส่งออกในประเทศอาเซียนมากยิ่งขึ้น จากปัจจุบันผลิตเพื่อการส่งออกในอาเซียนเฉลี่ยที่ 20% ภายใน 3 ปี คาดว่าจะเพิ่มเป็น 40% ซึ่งการส่งออกหลักยังคงเป็น ส่งออกไปยัง ญี่ปุ่น และประเทศในแถบตะวันออกกลางเป็นหลักอยู่
ส่วนแผนการตลาดในประเทศไทยในปีนี้ จะใช้งบการตลาดมากกว่าปีก่อนอีกราว 30% เน้นเรื่องการบริการ การโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อโทรทัศน์ และการเปิดตัวสินค้าใหม่ที่มีความหลากหลาย ตอบรับความต้องการของผู้บริโภคให้มากที่สุด เริ่มจาก ตู้เย็น ปีนี้จะเปิดตัวโมเดลใหม่ราว 50 รุ่น, เครื่องปรับอากาศ 10 รุ่น, เครื่องซักผ้า12 รุ่น และตู้แช่แข็งอีก 4-5 รุ่น มากที่สุดในรอบ 3 ปี
ขณะที่ช่องทางการจัดจำหน่ายนั้น จะเน้นช่องทางพื้นฐานในกลุ่มดีลเลอร์และตัวแทนจำหน่ายในต่างจังหวัดเป็นหลัก จากปัจจุบันมีอยู่แล้ว 350 ราย ปีนี้จะเพิ่มในส่วนจังหวัดที่ยังไม่มีอีกเล็กน้อย โดยจะให้ความสำคัญกับดีลเลอร์มากยิ่งขึ้น ในแง่ของการให้ผลตอบแทนของกำไรในอัตราที่สูงขึ้นจากการขาย ซึ่งช่วงไตรมาสสี่อาจจะมีการนำสินค้าเข้าไปวางจำหน่ายในโมเดิร์นเทรดบ้างเล็กน้อย อย่างไรก็ตามผลิตภัณฑ์ของไฮเออร์ ถือว่าเป็นที่รู้จักจากลูกค้าต่างจังหวัดมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ โดยปัจจุบันยอดขายกว่า 80% มาจากต่างจังหวัด และอีก 20% เป็นในกรุงเทพฯ
จากกลยุทธ์ที่วางไว้สำหรับปี 2553 นี้ เชื่อว่าสิ้นปี ไฮเออร์ จะมีผลประกอบการเติบโตขึ้นอีกอย่างน้อย 50% คิดเป็นมูลค่ารวมมากกว่า 1,000 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้หลัก ยังมาจากผลิตภัณฑ์ตู้เย็น ถึง 60% และอีก 40% มาจาก เครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศ และตู้แช่แข็งรวมกันอีก 40%
|