|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
แบงก์กสิกรไทยเผยกลยุทธขยายฐานบัตรเครดิต เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่แทนฐานลูกค้าเดิม ตั้งเป้าเติบโตสินเชื่อ 7% แย้มเตรียมปรับเกณฑ์รายได้ขั้นต่ำลงหากเศรษฐกิจเอื้อ
นางสาวอัญชลี จรัสยศวุฒิชัย ผู้อำนวยการ ฝ่ายผลิตภัณฑ์และการตลาดบัตรเครดิต ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK) เปิดเผยว่า ในปี 2553 ธนาคารได้ตั้งเป้าเติบโตสินเชื่อบัตรเครดิตเพิ่มขึ้นจากปี 2552 ไว้ที่ 7% หรือคิดเป็นยอดสินเชื่อที่ปล่อยใหม่จะอยู่ที่ 2.2 หมื่นล้านบาท โดยจะใช้กลยุทธ์เจาะลูกค้ารายใหม่เป็นหลัก จากในปีที่แล้วที่ธนาคารเน้นเติบโตจากฐานลูกค้าเดิม ด้วยการเพิ่มการมีบัตรเครดิตในมือลูกค้าอีก 1 ใบพร้อมทั้งให้สิทธิประโยชน์เพิ่มเติมจากที่ลูกค้าเคยได้รับ นอกจากนี้ธนาคารจะมีการบริหารจัดการในการใช้ข้อมูลของฐานลูกค้าเดิมที่มีอยู่เพื่อคิดค้นสิทธิประโยชน์ที่ลูกค้าต้องการมากที่สุดออกมาใช้กับลูกค้ารายใหม่
ทั้งนี้ ธนาคารในช่วงหลายปีที่ผ่านมาธนาคารได้สร้างฐานลูกค้าที่มีคุณภาพก่อน ด้วยการให้มูลค่าเพิ่มกับลูกค้าที่ใช้บริการสินเชื่อบัตรเครดิตกับธนาคารอีกทั้งได้สร้างประสบการณ์ ความพึงพอใจให้กับลูกค้า หลังจากนั้นธนาคารก็จะเริ่มต้นที่จะไปหาลูกค้าใหม่ที่ทำการสำรวจแล้วว่ามีคุณภาพดีให้เข้ามาใช้สินเชื่อบัตรเครดิตกับธนาคารต่อไป ซึ่งลูกค้าใหม่ที่ธนาคารจะเน้นนั้นจะเป็นกลุ่มคนทั่วไปที่ เข้าไปสำรวจตลาดแล้วว่ามีคุณภาพตรงกับเกณฑ์ที่ธนาคารกำหนดไว้
โดยที่ในปีนี้ธนาคารวางแผนว่าจะเติบโตสินเชื่อบัตรเครดิตไว้ 2 รูปแบบคือ 1.เติบโตจากเป้าหมายมีจำนวนบัตรเครดิตใหม่เพิ่มขึ้นอีก 3.5 แสนใบ จากปีที่ผ่านมาที่ยอดบัตรใหม่ประมาณ 3.4 แสนใบ และ 2.เติบโตจากการกระตุ้นยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตไปพร้อมกับการควบคุมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) อย่างรัดกุมมากขึ้น
“ในอดีตเราได้สร้างพื้นฐานด้านสิทธิประโยชน์ให้กับลูกค้าได้ดีมาในระดับหนึ่งแล้ว ซึ่งต่อจากนี้ไปในอนาคตธนาคารก็จะเริ่มต้นเจาะลูกค้าใหม่ที่ดีเข้ามาในพอร์ต และกลยุทธ์ที่จะใช้กับลูกค้าในแต่ละกลุ่มก็จะแตกต่างกันทั้งลูกค้าที่เป็นบัตรแพลตินัมที่ได้สร้างผลกำไรให้เยอะ เพราะลูกค้ามีการใช้จ่ายผ่านบัตรในระดับที่สูง”นางสาวอัญชลี กล่าว
สำหรับเกณฑ์ฐานรายได้ขั้นต่ำลูกค้าที่จะสมัครใช้สินเชื่อกับธนาคารก็ยังคงอยู่ในระดับเดิมคือ 2 หมื่นบาทต่อเดือน ซึ่งขณะนี้ธนาคารยังไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนเกณฑ์รายได้ขั้นต่ำให้เพิ่มขึ้นหรือลดลงแต่อย่างใด แต่หากสภาพเศรษฐกิจโดยรวมในปีนี้มีการฟื้นตัวดีและมีความชัดเจนมากขึ้น ธนาคารก็อาจจะพิจารณาปรับเกณฑ์รายได้ขั้นต่ำของลูกค้าลดลงจากเดิมที่กำหนดไว้ ซึ่งธนาคารก็จะต้องติดตามและรอดูสถานการณ์ทางเศรษฐกิจต่อไปเพื่อที่จะได้นำแผนงานดังกล่าวเข้าหารือกับฝ่ายที่ดูแลเกี่ยวกับสินเชื่อบัตรเครดิตต่อไป
ส่วนทางด้านยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตของธนาคารนั้น ตั้งเป้าหมายว่าจะเติบโตประมาณ 18-19% จากปีที่แล้วที่ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเติบโต 24-25% คิดเป็นเม็ดเงินเฉลี่ยจะอยู่ที่ 8-9 พันล้านบาทต่อเดือน โดยคาดว่าจะมียอดการใช้จ่ายผ่านบัตรอย่างสม่ำเสมอ (แอคทีฟ) อยู่ที่ 60-70% ต่อคนต่อเดือน จากเดิมยอดดังกล่าวอยู่ที่ 65% ซึ่งเฉลี่ยต่อเดือนต่อบัตรอยู่ที่ 1.3หมื่นบาททั้งนี้ ธนาคารไม่ได้ตั้งเป้าหมายยอดการใช่จายผ่านบัตรลดลง แต่เพราะฐานบัตรของธนาคารและยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรมีการเติบโตติดต่อกันมา 3-4 ปี ดังนั้นต่อไปธนาคารจึงต้องการที่จะเติบโตทั้งสองด้านแบบมีคุณภาพมากกว่า
ในขณะเดียวกันนางสาวอัญชลี ยังกล่าวถึงตลาดบัตรเครดิตว่ายังไม่ได้ถึงจุดอิ่มตัวในเรื่องของการใช้จ่ายผ่านบัตรหรือทำโปรโมชั่นแต่อย่างใด เพราะตลาดบัตรเครดิตยังมีช่องว่างที่จะเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการเข้าไปทำการตลาดในขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศยังคงมีพฤติกรรมในการใช้จ่ายซื้อสินค้าด้วยเงินสดมากกว่าใช้จ่ายผ่านบัตร แต่เนื่องจากตลาดบัตรเครดิตถูกทำการศึกษาตลาดมาพอสมควรจากผู้ประกอบการ ดังนั้นปัจจัยดังกล่าวจึงถือได้ว่าเป็นจุดอิ่มตัวของตลาดบัตรเครดิต จึงทำให้การแข่งขันต่อจากนี้ไปจะไปได้ด้วยตัวเองในการสร้างความแตกต่างของโปรโมชั่นได้มากขึ้น
“ถ้าจะพูดแล้วตลาดบัตรตอนนี้ยังไม่ใช่จุดอิ่มตัวอะไร แต่เพราะผู้ประกอบการมีการทำการศึกษาตลาดมาเป็นระยะเวลานานและลูกค้าก็รู้จักตลาดนี้มาก จึงทำให้ผู้ประกอบการบัตรหลายรายหันไปมุ่งทำการตลาดเพื่อเติบโตในส่วนของสินเชื่อบุคคลมากขึ้นเพราะผู้ประกอบการที่ให้สินเชื่อจะได้อัตราดอกเบี้ยมาก จากที่ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาหยุดทำการตลาด เพราะสภาพเศรษฐกิจไม่ดีและไม่เอื้ออำนวยต่อการขยายฐานสินเชื่อ ดังนั้นจึงจะเห็นว่าทุกค่ายตั้งเป้ามหายเติบโตสินเชื่อบุคคลในปีนี้ไว้ในอัตราที่สูงมาก และสูงกว่าสินเชื่อบัตรเครดิต โดยธนาคารตั้งเป้าหมายเติบโตสินเชื่อดังกล่าวในปีนี้ไว้ที่ 15%” นางสาวอัญชลี กล่าว
|
|
|
|
|