ผมนั่งคิดอยู่นานว่าจะเริ่มต้นฉบับเดือนมกราคมปีนี้ด้วยเรื่องที่เรียกว่าเป็นเทรนด์ของปีนี้จริงๆ เรื่องไหนดี ซึ่งเทรนด์ในปีนี้ก็มีหลายๆ อย่างที่ต่อเนื่องมาจากปีกลายซึ่งจะกลายเป็นเทรนด์ที่ยิ่งใหญ่ได้ในปีนี้
แล้วผมก็หันไปมองที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ แล้วก็เห็น facebook เปิดหราอยู่ ไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่า แต่เหมือนว่า เพื่อนๆ และคนรอบๆ ข้างผมเริ่มหายและ จมจ่อมไปอยู่ใน facebook มากขึ้นๆ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกมที่มีเกมมาล่อตาล่อใจทั้งเด็กและผู้ใหญ่อยู่เรื่อยๆ ไปจนถึงการเป็นจุดศูนย์กลางของการเชื่อมต่อความทรงจำในวันเก่ามาจนถึงความจริงในปัจจุบันของ facebook
ผมขอเริ่มต้นเทรนด์ใหญ่ของปีนี้ด้วย facebook ละกันครับ
สำหรับ facebook นั้นหลายฝ่าย กำลังจับตามองอย่างใกล้ชิดคล้ายๆ กับที่เราให้เครดิตกูเกิลเมื่อปีก่อนตอนต้นๆ ปีว่า พวกเขากำลังจะมาเข้าครอบครองโลก ของอินเทอร์เน็ตอย่างเบ็ดเสร็จ แต่แล้วเมื่อ เวลาผ่านไป facebook และ twitter ก็กลับมามีบทบาทอย่างฉุดไม่อยู่แต่ดูเหมือน ว่า facebook จะไปไกลกว่า twitter หลายช่วงตัว และความเป็น facebook ก็มีความหลากหลายมากกว่า twitter มาก โดยคุณลักษณะส่วนหนึ่งของ twitter ก็มีอยู่ใน facebook ด้วยเช่นกันในปัจจุบันซึ่ง facebook ดูจะมีความหลากหลายมากกว่า และดูจะเหมาะสมกับการใช้งานที่หลากหลายมากกว่าด้วยเช่นกัน
เมื่อต้นปีที่แล้ว facebook เพิ่งเริ่ม เป็นที่รู้จักกว้างขวางมากขึ้นๆ ณ เวลานั้น มีสมาชิกประมาณ 150 ล้านคน และมีคนที่ใช้ประจำต่อวันประมาณ 370,000 คน ในตอนนั้นหลายๆ คนก็มอง facebook ว่า ก็คงไม่ต่างกับเว็บไซต์อื่นๆ ที่เป็นที่นิยมขึ้น มาช่วงเวลาหนึ่งก่อนที่จะเริ่มเสื่อมความนิยมไปเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป
นอกจากนี้ในตอนนั้น twitter กำลัง มาแรงสุดๆ พร้อมกับการที่เหล่าคนดังและ สื่อต่างๆ ล้วนหันหน้าเข้าหา twitter และพร้อมจะเกาะกระแสเว็บไซต์ใหม่ๆ กันต่อไปและดูเหมือนจะเริ่มทิ้ง facebook ไว้ข้างหลัง
กลางปีที่แล้ว facebook ได้ปรับเปลี่ยนหน้าตาของตัวเองใหม่ โดยการทำให้ facebook สามารถแสดงผลการอัพเดตได้ ทันทีทันใดเหมือนกับจุดขายของ twitter ซึ่งถือเป็นการเคลื่อนไหวครั้งสำคัญที่ทำให้ อิทธิพลของ twitter เริ่มเสื่อมคลายลงแต่รัศมีของ facebook กลับเริ่มฉายชัดแจ้งขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะการที่ facebook สามารถทำในสิ่งที่ twitter มีอยู่ได้ นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผู้ใช้ทั้งหน้าเก่า และหน้าใหม่หันกลับมาหา facebook เหมือนเดิม
หลังจากนั้น ดูเหมือนกับว่าอัตราการเติบโตของจำนวนสมาชิก รวมถึงจำนวนผู้ใช้งานของ facebook ก็เพิ่มขึ้นในอัตราเร่ง เดือนกันยายนที่ผ่านมา facebook ประกาศว่า พวกเขามีสมาชิก 300 ล้านคนแล้ว และกลางเดือนธันวาคนที่ผ่านมาจำนวนสมาชิก facebook ได้ผ่าน พ้นตัวเลข 350 ล้านคนเข้าไปแล้ว โดยเฉพาะมีสมาชิกถึง 600,000 คนที่ล็อกอินเข้าใช้งาน facebook ทุกวัน เมื่อมองถึง twitter แล้ว พวกเขาไม่เคยบอกจำนวนผู้ใช้งานที่แท้จริงออกมา แต่เมื่อพิจารณาถึงจำนวนความหนาแน่นของการเข้าใช้งานหรือ traffic ของ twitter แล้วจะพบว่า เริ่มแสดงให้เห็นแนวโน้มที่ลดลง ซึ่งจริงๆ แล้วอาจจะกล่าวได้ว่าจำนวนคนใช้งาน twitter อาจจะน้อยกว่าจำนวนคนเล่นเกม FarmVille ของ facebook ซึ่งมีจำนวน 69 ล้านคนเสียด้วยซ้ำไป
เมื่อวิเคราะห์ถึงอัตราการเพิ่มขึ้นของจำนวนคนใช้งาน facebook ถือได้ว่า Facebook Connect ซึ่ง facebook ทำขึ้นมาเพื่อให้เหล่านักพัฒนารวมถึงเว็บไซต์ต่างๆ สามารถนำเอาไปใส่ไว้ในเว็บของตน โดย Facebook Connect จะดึงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก facebook นั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลส่วนตัว คอนเนก ชั่นในเครือข่ายของตนและกิจกรรมต่างๆ ที่ทำใน facebook ไปแสดงในเว็บนั้นๆ ได้ด้วย นอกจากนี้ Facebook Connect จะเป็นตัวเชื่อมโยงข้อมูลใน facebook เข้ากับเว็บอื่นๆ Facebook Connect มีบทบาทอย่างสูงในการช่วยขยายอาณาจักร ของการใช้งานนอกเหนือไปจากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการอย่าง facebook.com โดย Facebook Connect ได้เชื่อมโยงคนใช้งาน facebook ให้เชื่อมต่อไปยังทุกซอกทุกมุมบนโลกอินเทอร์เน็ตใบนี้
ด้วย Facebook Connect ทำให้เราสามารถอัพเดต Facebook รวมถึงการใส่ความเห็นหรือพูดคุยกับเพื่อนในขณะ ที่อ่านข่าวใน CNN, Digg หรือเว็บไซต์ อื่นๆ อีกมากมาย Yahoo! ก็เพิ่งประกาศว่าทุกบริการของ Yahoo! จะเชื่อมโยงเข้ากับ Facebook Connect ทั้งหมด
แม้ว่า ตอนนี้ Yahoo! จะยังไม่ได้อธิบายว่าทุกบริการของพวกเขาจะสามารถ ทำงานร่วมกับ Facebook Connect ในลักษณะไหนก็ตาม แต่เราก็อาจจินตนาการได้ว่า เราอาจจะสามารถแบ่งปันรูปภาพระหว่าง Flickr ซึ่งเป็นของ Yahoo! และ Facebook นอกจากนี้เรายังสามารถแสดง ความเห็นในเรื่องราวต่างๆ ในหน้า Yahoo! News โดยอาศัยล็อกอินของ facebook เราอาจจะกล่าวได้ว่า การเป็นพันธมิตรกัน ครั้งนี้ระหว่าง facebook และ Yahoo! จะเป็นการเข้าใกล้จินตนาการของการมีระบบ ล็อกอินเดียวที่สามารถใช้งานกับบริการใดๆ ก็ได้บนอินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะถ้า facebook สามารถตอบคำถามให้กับความต้องการทุกอย่างของผู้ใช้งานได้
อย่างไรก็ตาม การเติบโตอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องของ facebook ก็ได้สร้างคำถามต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นความสงสัยว่า ทำไมผู้คนถึงยังเข้าใช้ facebook กันอยู่อย่างต่อเนื่อง, facebook ได้ไปถึงจุดสูงสุดหรือยัง และจะเริ่มลดความนิยมลงหรือยัง ซึ่งเป็นวัฏจักรที่เกิดขึ้นกับเว็บไซต์ในลักษณะ social network รุ่นก่อนๆ หน้านี้ และที่สำคัญที่สุด เราจำเป็น ต้องมีบริการระบบล็อกอินกลางที่จะเป็นเว็บที่เก็บข้อมูลเรื่องราวทั้งหมดของเรา, ความสัมพันธ์ของเรา ความเห็น รูปภาพ รวมถึงสถานะล่าสุดในเรื่องต่างๆ
ในความเห็นของผม ผมคิดว่าคน ใช้งานอินเทอร์เน็ตทุกคนก็คงต้องการระบบในลักษณะนี้ แต่ปัญหาคือ เราจะจัดการมันอย่างไรดี และเราจะเชื่อถือได้อย่างไรว่าถ้าเราเลือก facebook หรือเว็บไซต์ใดๆ ก็ตามให้เป็นเว็บศูนย์กลางเก็บข้อมูลของเราแล้ว วันหนึ่งเมื่อมันเสื่อม ความนิยมลง เรายังจะสามารถใช้งานมันได้อีกต่อไป หรือถ้าเราจำเป็นต้องโอนย้ายข้อมูลจากเว็บหนึ่งไปยังอีกเว็บหนึ่ง เป็น ไปได้หรือไม่ในทางปฏิบัติ นี่น่าจะคล้ายๆ ปัญหาของการโอนย้ายเบอร์มือถือจากผู้ให้บริการรายหนึ่งไปยังอีกรายหนึ่ง เพียง แต่คราวนี้จะมีความยุ่งยากซับซ้อนมากกว่าการโอนย้ายเบอร์มือถือหลายเท่านัก
การที่ facebook กลายเป็นที่นิยม อย่างต่อเนื่องและยังไม่ถึงจุดสูงสุดสักที ก็เป็นหลักฐานที่ค่อนข้างชัดเจนว่า facebook กำลังจะกลายเป็นเหมือนปัจจัยพื้นฐานของการใช้งานอินเทอร์เน็ต เหมือนๆ กับที่กูเกิลและเว็บเมลทั้งหลายเป็น โดยเป็นสิ่งที่ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตไม่สามารถขาดมันได้สำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน แต่ละวันจำเป็นต้องมี ก็เลยทำให้คนที่ ยังไม่เป็นสมาชิก facebook ต้องสมัครเข้ามาใช้เรื่อยๆ
นั่นคือ facebook กำลังกลายเป็น ที่ที่แรกที่เราจะนึกถึงเมื่อเราต้องการเห็นภาพล่าสุดของเพื่อนๆ หรือญาติๆ ของเรา เมื่อเราต้องการเล่าเรื่องตลกเล็กๆ น้อยๆ ที่พบเจอในชีวิตประจำวันให้เพื่อนๆ ฟัง หรือแม้แต่เป็นที่ที่เราจะเข้าไปหางานทำ นอกจากนี้ Mutual-friends list ของ facebook ยังสร้างความสัมพันธ์แบบใหม่ให้เกิดขึ้น หลายคนอาศัย Mutual-friend list ในการเช็กสถานะหรือข่าวสารล่าสุดของเพื่อนๆ ในกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นการเช็กว่าใครจะไปปาร์ตี้ด้วยกันเย็นนี้ รวมไปถึงเข้าไปดูสถานภาพหรือเรื่องราวความเป็นไปต่างๆ ล่าสุดของเพื่อนๆ ที่สำคัญ ยังเป็นช่องทางที่ทำให้เราสามารถสนิทกับเพื่อนในกลุ่มได้ง่ายขึ้นด้วย
หลายคนยังมองว่า facebook ดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมีสมาชิกมากขึ้นๆ หมาย ถึงว่าอัตราการเติบโตที่รวดเร็วของสมาชิก ของ facebook เป็นจุดขายและจุดแข็งที่สำคัญของ facebook ในการเรียกหาสมาชิกใหม่ๆ ให้เข้ามาร่วม ขนาดที่ใหญ่ขึ้นๆ ของ facebook เป็นกำแพงที่หนาแน่นในการป้องกันการรุกคืบเข้ามาในตลาดที่ facebook ถือครองอยู่ของคู่แข่งรายอื่นๆ ซึ่งแนวทางนี้ของ facebook เองจะกลายเป็นมาตรฐานในการใช้งานในอินเทอร์เน็ตในอนาคต เหมือนอย่างที่ทุกวันนี้ทุกความเห็นที่เราแสดงบนหน้าหนังสือพิมพ์หรือหน้าเว็บไซต์ข่าวต่างประเทศจะไปแสดงให้เพื่อนๆ ในกลุ่ม facebook ของเราเห็นด้วยเช่นกัน โดย Facebook Connect จะเป็นตัวเชื่อมระหว่างเว็บไซต์ต่างๆ เข้ากับ facebook. com
ในอนาคตเราคงคาดหวังที่จะให้Facebook Connect สามารถเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับ Connect ใน ลักษณะเดียวกันที่ใช้กับเว็บไซต์ในลักษณะของ social networking เหมือนอย่าง Facebook ไม่ว่าจะเป็น Hi5, Tagged และอื่นๆ ซึ่งรวมถึงกูเกิลที่ครองตลาดใหญ่ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตอยู่แล้วและเหล่าเว็บเมลทั้งหลายด้วย
ปีนี้คงมีเว็บไซต์ประเภท social networking ล้มหายตายจากไปอีกเยอะ แต่ก็มีรายใหม่เข้ามาเรื่อยๆ แต่อย่างน้อย facebook คงต้องหาของมาหลอกล่อสมาชิกให้ติดหนึบอยู่กับ facebook ต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งคงเป็นเรื่องที่ยากพอดูทีเดียว
ถ้า facebook ผ่านปีนี้ไปได้ก็คง จะต้องเจองานหนักในปีถัดๆ ไป จนกว่า facebook กลายเป็นมาตรฐานในวงการอินเทอร์เน็ตเหมือนที่กูเกิลพอจะกล่าวอ้างได้ว่าเป็นหนึ่งในมาตรฐานไปแล้ว
คำถามคือใครจะมาหยุด facebook ได้ในเวลานี้
อ่านเพิ่มเติม:
1 Facebook Connect, http://developers.facebook.com/connect.php
2 Bilton, N. (2009), Facebook's Killer Feature: The Mutual Friends List,' December 2, 2009, http://bits.blogs.nytimes.com/2009/12/02/facebooks-killer-feature-the-mutual-friends-list/
3 Manjoo, F. (2009), Can Anyone Stop Facebook?,' http://www.slate.com/id/2237376/
4 300 Million and on, http://blog.facebook.com/blog.php?post=136782277130
5 Zuckerberg, M. (2009), An Open Letter from Facebook Founder Mark Zuckerberg, Dec 1, 2009, http://blog.facebook.com/blog.php?post=190423927130
6 Schonfeld, E. (2009), Blogging Vs. Microblogging: Twitter's Global Growth Flattens, While WordPresss' Picks UP,' Nov 24, 2009, http://www.techcrunch.com/2009/11/24/twitter-wordpress-blogging-vs-microblogging/
7 Anthony, S. (2009), Facebook reveals its crazy usage figures. FarmVille more popular than Twitter,' Dec 3, 2009, http://www.downloadsquad.com/2009/12/03/facebook-reveals-its-crazy-usage-figures-farmville-more-popular/
8 Mast, L. (2009), Update once to share with many on Yahoo! And Facebook,' Dec 2, 2009, http://ycorpblog.com/2009/12/02/facebook
|