|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
จีน
ไฉจิง นิตยสารแนวสืบสวนเปิดโปงของจีนเปิดเผยรายงานของคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านการเมืองแห่งมหานครฉงชิ่งระบุว่า การเพิ่มระดับน้ำเขื่อนสามโตรกถึงจุดสูงสุด ทำให้เสี่ยงต่อภัยพิบัติทางธรณีวิทยา เกือบ 700 แห่ง ซึ่ง 587 แห่ง เป็นจุดที่อาจเกิดแผ่นดินถล่มได้ แม้โฆษกเขื่อนสามโตรกจะปฏิเสธเรื่องความเสี่ยงทางธรณีวิทยา เป็นสาเหตุให้ต้องระงับแผนเพิ่มระดับน้ำ แต่หยาง หยง นักธรณีวิทยาในเมืองเสฉวน ซึ่งเฝ้าติดตามโครงการเขื่อนสามโตรกมองว่าความเสี่ยงแผ่นดินถล่มน่าจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่สำคัญ ที่ทำให้รัฐบาลระงับการกักเก็บน้ำ เพราะตระหนักถึงปัญหานี้ดี เขื่อนสามโตรกมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก อยู่ในเมืองอี๋ชัง มณฑลหูเป่ย สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าพลังน้ำโครงการใหญ่ที่สุดในโลก และสามารถยุติอุทกภัยบริเวณสองฝั่งแม่น้ำแยงซี ซึ่งเกิดขึ้นซ้ำซากมาหลายศตวรรษ
พม่า
รัฐวิสาหกิจน้ำมันและก๊าซ หรือ MOGE (Myanmar Oil and Gas Enterprise) เริ่มวางท่อจากขุมพลังงานใหญ่ อาณาบริเวณอ่าวเมาะตะมะในเขตยาดานา (Yadana) เพื่อส่งไปยังโรงไฟฟ้า เพื่อผลิตไฟไปหล่อเลี้ยงการผลิตในเขตกรุงย่างกุ้ง ศูนย์กลางเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ กับย่านที่ราบปากแม่น้ำอิรวดีทั้งหมด โดยวางท่อส่งก๊าซขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 24 นิ้ว ระหว่างวันที่ 1 ธันวาคม 2552 ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2553 ใช้เวลา 6 เดือนเต็ม เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะส่งก๊าซได้ในปริมาณ 90 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน กลุ่มบริษัทที่ดำเนินการนี้เป็นต่างชาติที่นำโดยโตตาล (Total) จากฝรั่งเศส เชฟรอน (Chevron) จากสหรัฐอเมริกา พร้อมทั้งบริษัทลูกของ ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือ ปตท.สผ.ของไทย
ลาว
รัฐบาล สปป.ลาว ขยายฐานด้านปริมาณความต้องการพลังงาน เพื่อวางแผนระยะยาวระหว่างปี 2558-2563 โดยลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOUs) ในข้อตกลงความร่วมมือกับนักลงทุนท้องถิ่นและนักลงทุนจากต่างชาติ เพื่อดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างเขื่อนผลิตไฟฟ้า 70 แห่งในประเทศ เตรียมความพร้อมในการขายไฟฟ้าทั้งหมด 12,000 เมกะวัตต์ ให้กับประเทศเพื่อนบ้าน คือให้กับไทย 7,000 เมกะวัตต์ และเวียดนาม 5,000 เมกะวัตต์ นอกจากนี้จะไม่จำกัดการส่งออกพลังงานให้กับทั้งสองประเทศ แต่จะมุ่งหาผู้ซื้อแหล่งใหม่ด้วย เช่นกัมพูชา และจีน
กัมพูชา
สมเด็จฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชา พร้อมด้วยเอกอัครราชทูตจีนประจำกรุงพนมเปญ เดินทางมายังเขตก่อสร้าง จ.กัมโป้ต (Kampot) เพื่อร่วมทำพิธีเปิดโครงการก่อสร้างเขื่อนกัมจายในส่วนที่สร้างเสร็จแล้วเมื่อ 7 ธันวาคม 2552 โดยบริษัทซิโนไฮโดร (Sinohydro Corporation) จากประเทศจีน เพิ่งจะมีการเปิดเดินเครื่องปั่นไฟหน่วยแรกจากทั้งหมด 5 หน่วย เมื่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ทั้งหมดในปี 2554 เขื่อนแห่งนี้จะมีกำลังผลิตรวม 193 เมกะวัตต์ ขณะเดียวกันยังมีการสร้างเขื่อนไฟฟ้าขึ้นอย่างน้อยอีก 4 แห่งใน จ.โพธิสัตว์ (Pursat) กับ จ.เกาะกง (Koh Kong) อีก 2 แห่ง ในเขตป่าสงวนแห่งชาติคีรีรมย์ จ.เกาะกง ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากกรุงพนมเปญไปทางตะวันตกประมาณ 120 กม. พร้อมจะผลิตไฟฟ้าแล้ว ด้วยกำลังการผลิต 30 เมกะวัตต์ ซึ่งล้วนเป็นบริษัทจากประเทศจีนที่เข้ามาดำเนินการ
เวียดนาม
รัฐบาลเวียดนามพัฒนาและก่อสร้างเพื่อขยายเส้นทางเชื่อมทางหลวง 1A สายเหนือ-ใต้ จาก จ.เกียนซยาง เตี่ยนซยาง เกิ่นเทอ หวีงลอง ลองอาน ลงใต้ถึงที่ราบปากแม่น้ำโขงที่โฮจิมินห์ มีระยะทางรวม 94 กิโลเมตร ด้วยเงินกู้ 19 ล้านล้านด่อง หรือ 1,050 ล้านดอลลาร์ จากธนาคารเพื่อการลงทุนและพัฒนาเวียดนามหรือ BIDV(Bank for Investment and Development of Vietnam) ภายใต้โครงการสัมปทานแบบบีโอที ระยะเวลา 34 ปี ที่สามารถเชื่อมโยงเข้าสู่สาย 1A ซึ่งช่วง จ.หวีงลอง กับนครเกิ่นเทอ เป็นประตูสำคัญในการเชื่อมต่อชายแดนเวียดนาม-กัมพูชา กับส่วนอื่นๆ ของประเทศ
|
|
|
|
|