|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
วันที่บัณฑูร ล่ำซำ สนทนากับผู้จัดการ 360 ํ เขาเพิ่งกลับจากการพาสื่อมวลชนไปเยี่ยมชมจังหวัดน่านได้ไม่ถึง 3 สัปดาห์
ที่น่าน บัณฑูรได้ซื้อที่ดินแปลงหนึ่งบริเวณทางไปอุทยานแห่งชาติแม่จริม
นอกจากนี้เขายังได้ไปซื้อกิจการของโรงแรมน่านฟ้า ซึ่งเป็นโรงแรมเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองไว้อีกแห่งหนึ่ง
เขาตั้งใจจะเริ่มปรับปรุงสภาพของโรงแรมแห่งนี้ประมาณ เดือนมกราคมหรือกุมภาพันธ์ ใช้เวลาในการปรับปรุงประมาณ 10 เดือน เพื่อให้ทันสำหรับเปิดบริการรับนักท่องเที่ยวในฤดูหนาว ปี 2553
ธุรกิจโรงแรมถือเป็นธุรกิจที่ไม่ใช่ธนาคารแห่งแรกที่บัณฑูรเข้าไปจับในช่วง 10 ปีมานี้
และที่น่านก็ไม่ใช่เป็นเพียงจังหวัดเดียวที่เขาได้ไปมีอสังหาริมทรัพย์เอาไว้ นอกเหนือจากกรุงเทพฯ
บัณฑูรมีบ้านพักตากอากาศอยู่ริมทะเลที่หัวหิน ซึ่งเขาบอกว่าไม่ใช่ของส่วนตัว แต่เป็นของครอบครัว
เขายังมีบ้านอีกหลังหนึ่งอยู่ใกล้กับวัดญาณสังวราราม จังหวัดชลบุรี เขาตั้งชื่อว่า "บ้านสามญาณ"
เหตุผลที่เขามาสร้างบ้านไว้ที่นี่ เพราะเขามีตำแหน่งเป็นไวยาวัจกรของวัดญาณสังวราราม อีกทั้งยังเป็นไวยาวัจกรของวัดบวรนิเวศวิหาร และผู้จัดการมูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัย
บัณฑูรมีความผูกพันกับวัดบวรนิเวศวิหาร เพราะเขาเคยบวชและจำพรรษาอยู่ที่นี่ โดยมีสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช เป็นพระอุปัชฌาย์
การรับตำแหน่งไวยาวัจกรและผู้จัดการมูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัย เขาถือว่าเป็นงานซึ่งเป็นมงคลกับชีวิตอย่างยิ่ง
(อ่านเรื่อง "บ้านสามญาณ ล่ำซำ พุทธมามกะ และข้าแผ่นดิน" นิตยสารผู้จัดการ ฉบับเดือนสิงหาคม 2544 และ "บัณฑูร ล่ำซำ Role Model" นิตยสารผู้จัดการ ฉบับเดือน สิงหาคม 2546 หรือใน www.gotomanager.com ประกอบ)
บัณฑูรเริ่มให้ความสนใจกับจังหวัดน่านหลังจากที่ได้นำธนาคารกสิกรไทยไปสนับสนุนสร้างห้องสมุดให้กับโรงเรียน บ้านน้ำพาง อ.แม่จริม เมื่อเดือนพฤษภาคม 2552
เมื่อเขาตัดสินใจซื้อที่ดินและโรงแรมเอาไว้ จึงเกิดคำถามขึ้นในใจของคนที่ติดตามบทบาทของเขามานานว่าเขากำลังวางแผนอะไรบางอย่างสำหรับอนาคต
บทสนทนาต่อจากนี้คงให้รายละเอียดต่อคำถามดังกล่าวได้บ้างไม่มากก็น้อย
>> อีกเรื่องที่ต้องถาม คือเรื่องน่าน
น่านเป็นเรื่องส่วนตัว ซึ่งนึกไม่ถึง แล้วแต่ก่อนนี้ก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยไป เคยไปนานมาแล้ว แต่ไม่รู้สึกอะไร แต่รอบที่ไปเมื่อเดือนพฤษภาคมนี้ก็มีความรู้สึกพิเศษขึ้นมา เป็นความรู้สึกที่... ถามว่าทึ่งอะไรในน่าน หนึ่ง-ทึ่งในความสงบ อันที่สอง-ทึ่งในความสะอาด คือผมเป็นคนไม่ชอบไปที่ที่สกปรก น่านนี่ไปดูตามถนนสิ ไม่มีน้ำขังแบบเหม็นๆ ไม่มี วัดไม่มีขี้หมา เพราะว่าไม่มีหมาวัด แล้วพอได้สัมผัสผู้คนแล้ว เขาเป็นมิตร เพราะฉะนั้นก็มีความรู้สึกที่ดี มีความรู้สึกดีกับตรงนี้
ก็เป็นเรื่องส่วนตัว เป็นไปได้ที่ว่า จะไปใช้ชีวิตที่นั่น ใช้เวลาของชีวิตที่นั่น มากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ
>> แล้วถ้าเปรียบเทียบกับที่ชลบุรี
ชลบุรีเป็นอีกโจทย์หนึ่ง ชลบุรีที่ไปตรงนั้น เพราะว่าอยู่ติดกับวัด วัดนั้น ผมก็กำลังจะมีบทบาทมากขึ้นในการที่เข้าไปบริหารจัดการวัดญาณสังวราราม ซึ่งถือว่าเป็นงานที่เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ทำ
เพราะฉะนั้นชลบุรีจึงเป็นโจทย์อีกแบบหนึ่ง อยู่ตรงนั้น ก็อยู่ในหุบเขาที่นัยว่าศักดิ์สิทธิ์ ก็รู้สึกดี
ก็มี 2 มุม ก็คงมีอยู่แค่นี้
แต่ก็แปลกนะ แต่ก่อนนี้เคยมีหมอดูคนหนึ่งเคยทำนาย ผมถามเขาว่าบ้านที่พัทยานี่ดีไหม เขาบอกดี แต่ยังดีไม่เท่าบ้านที่อยู่บนเขา ผมก็นึกในใจว่าบ้านบนเขาที่ไหน เขาบอกว่าวันหนึ่งจะมี ตลกไหม 15 ปีมาแล้ว ตอนนั้นไม่เคยคิดเลย เพราะเราคิดว่าเราก็อยู่ที่พัทยา แค่นี้ก็ลงทุนไปตั้งเยอะแล้ว สร้างบ้านไป แล้วเราก็ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ก็อยู่บ้าน อะไรต่างๆ ก็ไปใส่ไว้ตรงนั้นเยอะเหมือนกัน แล้วก็อยู่ติดกับวัดญาณฯ เราก็มีความผูกพัน กับวัดญาณฯ อีกอย่างอยู่ตรงนั้นก็ร่มรื่นดี แล้วมาพูดถึงบ้านที่อยู่บนเขา
ตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว
>> ทุกวันนี้คุณบัณฑูรยังเป็นไวยาวัจกรอยู่
เป็น แต่ไวยาวัจกรแต่ก่อนไม่มีบทบาท ตอนนี้จะมีบทบาทแล้ว ก่อนนี้เคยมีคนอื่นดูแล ตอนนี้คนดูแลไม่อยู่แล้ว
>> ความหมายของบทบาทมากขึ้นคืออะไร
ก็จัดการสิ ต้องไปจัดการวัดต้องมีการจัดการ วัดญาณฯ มีที่ดินตั้ง 400-500 ไร่ มีกิจกรรมอะไรต่างๆมากมาย มีเงินหมุนเวียน มีการว่าจ้างคนมาทำความสะอาด มีคนไปเที่ยวมากมาย มีคนเอาเงินหยอดตู้ แล้วเป็นวัดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ท่านทรงสร้างตำหนักไว้ที่นั่น ต้องมีคนจัดการเรื่องนี้จะปล่อยไปตามยถากรรมไม่ได้
ตอนนี้ในหลักการ พระท่านก็เห็นด้วย เพียงแต่ต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย มีการจัดตั้ง ประชุมกรรมการวัด พระ ตั้งผู้บริหารเท่านั้น ซึ่งในที่สุดเราก็จะเข้าไปจัดการ
>> จะเริ่มเมื่อไหร่
ตอนนี้ก็เริ่มกระบวนการแล้ว อันนี้คือโจทย์ใหม่และก็ยินดีที่จะได้ทำ เพราะว่าผมก็มีความผูกพันกับวัดนี้
>> แล้วที่วัดบวรฯ
วัดบวรฯ ก็ทำต่อไป ที่มหามกุฏฯ เดี๋ยวนี้ก็เข้าที่หมดแล้ว ถือว่าโจทย์ตรงนั้นนิ่งไปขั้นหนึ่งแล้ว โดยรวมก็รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ทำงานนี้ เพราะฉะนั้นในส่วนที่นอกเหนือจากธุรกิจธนาคารก็เป็นส่วนนี้ คิดว่าเป็นส่วนที่เป็นมงคลกับชีวิต
ส่วนที่น่าน จะมีอีกโจทย์หนึ่งหรือไม่ ไว้วันหลังค่อยเล่า
|
|
|
|
|