8 นักบริหารใหญ่พูดถึง Jobs ว่า อะไรที่ทำให้เขาเป็นหนึ่งในนักธุรกิจที่ดีที่สุดแห่งยุค


Andy Grove
อดีตประธานและ CEO Intel

จะพูดถึง Steve ต้องแยกให้ออกระหว่าง Jobs 1 หนุ่มผู้เริ่มสร้าง Apple กับ Jobs 2 ผู้กลับคืนสู่ Apple และชุบชีวิตมันอีกครั้ง ยุค Jobs 1 มีชาว Silicon Valley อย่างเราได้รับเชิญไปรับประทานอาหารกับเขาที่ Palo Alto นั่นเป็นเมื่อปี 1983 Steve ลุกขึ้นยืนและตะโกนว่า คนที่อายุเกิน 30 ไม่เข้าใจหรอกว่า คอมพิวเตอร์คืออะไร

ผมดึงเขามาข้างๆ สั่นนิ้วใส่หน้าเขา จัดการสั่งสอนเขาว่า คุณยโสมาก คุณยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณยังไม่รู้อะไร เขาตอบผมว่า ก็สอนผมสิ สอนสิ่งที่ผมควรรู้ เรากินข้าวกันแล้วก็คุยกันเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัว แต่ผมไม่คิดว่าผมได้สอนอะไรเขาหรอก แต่ที่แน่ๆ คือเขาคิดผิด ที่คิดจะตัดคนทิ้งไปทั้งรุ่น คิดดูสิ ตัวเขาเองก็คิดค้น iPod ได้ตอนอายุปาเข้าไปเท่าไหร่ 46 เชียว

ยุค Jobs 2 เขากลายเป็นศิลปินผู้พลิกฟื้นธุรกิจแห่งทศวรรษ ไม่มีบริษัทไฮเทคอื่นใดอีกแล้ว ที่จะเริ่มต้นอย่างแข็งแกร่ง แล้วยังสามารถสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นไปได้อย่างนี้อีก แล้ว พวกเราที่เหลือก็แค่โชคดีเท่านั้นเอง ถ้าทำได้อย่างเขา

Andrea Jung
ประธานและ CEO Avon

เราทุกคนคงอยากจะคิดว่า เราให้ความสำคัญกับผู้บริโภคและประสบการณ์ของผู้บริโภคคนสุดท้ายได้มากเท่ากับ Steve เขาต้องการสร้างโทรศัพท์ที่ดีที่สุด เครื่องเล่น MP3 ที่ดีที่สุด PC ที่ดีที่สุด และร้านค้าปลีกที่ดีที่สุด และเขาชัดเจนมาก ในขณะที่คนอื่นๆ คลุมเครือและไม่สามารถทะลุกรอบของตัว เขาทำอย่างกะว่ามันเป็นเรื่องง่าย ทั้งๆ ที่สิ่งที่เขาทำเป็นเรื่องที่แสนจะยุ่งยากซับซ้อน เขาจะต้องทำทุกอย่างอย่างถูกต้องที่สุด คณะกรรมการบริหาร Apple มีเพียง 7 คน ซึ่งดิฉันก็เป็นหนึ่งในนั้น น้อยกว่าบริษัทไหนๆ รวมทั้ง Avon ด้วย เราคุยกันอย่างเปิดอกมาก กรรมการทุกคนรู้สึกมีอิสระที่จะแย้งความคิดของคนอื่น ซึ่งเป็นสิ่งที่เยี่ยมมาก ดิฉันรู้สึกเหมือนได้เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างประวัติศาสตร์ เวลาที่เดินออกจากห้องประชุมกรรมการ ดิฉันจะรู้สึกทุกครั้งว่า "ฉันจะต้องทำงานให้ดีขึ้น"

Larry Ellison
ผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO Oracle

ผมจำได้ตอนที่ Steve เป็นเพื่อนบ้านของผมที่ Woodside แคลิฟอร์เนีย เขาไม่มีเฟอร์นิเจอร์ ผมรู้สึกว่าคงไม่มีเฟอร์นิเจอร์ไหนในโลกนี้ที่จะดีพอสำหรับ Steve เขายอมที่จะไม่มีอะไรเลย ถ้าหากไม่ได้สิ่งที่สมบูรณ์แบบที่สุด ผมเคยพูดเล่นๆ ว่า "สิ่งที่ผมกับ Steve ต่างกันก็คือ ผมเต็มใจที่จะอยู่กับสิ่งที่ดีที่สุดที่โลกนี้จะให้ได้ แต่สำหรับ Steve แค่นั้นยังอาจไม่พอ" แล้วถ้าคุณเห็นตอนที่เขากำลังสร้างโทรศัพท์ หรือเครื่อง laptop เขาพยายามจะสร้างสิ่งที่สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง ทั้งด้านเทคนิคและความสวยงาม และเขาไม่ยอมให้น้อยไปกว่านั้น

แต่เงินไม่ใช่สิ่งที่จูงใจเขาได้ ครั้งหนึ่งเราไปเดินป่ากัน Steve พูดกับผมว่า "Larry รู้มั้ย มันสำคัญมากจริงๆ ที่ผมเป็นเพื่อนกับคุณ เพราะคุณไม่ต้องการเงินเพิ่มอีกแล้ว"

เขาภูมิใจมากๆ กับการที่ Apple เป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดใน Silocon Valley สูงกว่า Cisco, Intel, Google รวมทั้ง Oracle ของผมด้วย

Marc Andressen
หุ้นส่วนใหญ่ Andreessen Horowitz

ผมไม่รู้ว่าใครๆ รู้เรื่องนี้กันหรือยัง ตอนที่เขากลับมาที่ Apple อีกครั้งในปี 1997 นั้น Apple เกือบล้มละลายแล้ว แต่เขาทำให้บริษัทที่ใกล้ล้มละลายสามารถสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยม ทั้งๆ ที่เขาถูกกดดันอย่างหนักตลอดช่วงเวลานั้น แต่เขายังกล้าที่จะกำหนดมาตรฐานประสิทธิภาพในการคิดค้นและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ทุกคนปรารถนาจะได้ครอบครอง เขาได้สอน พวกเราว่าในอุตสาหกรรมนี้ผลิตภัณฑ์มีความสำคัญมากเพียงใด

Ralph de la Vega
กรรมการผู้จัดการใหญ่และ CEO AT&T Mobility

ตอนที่ผมเห็น iPhone ครั้งแรก ทั้งๆ ที่มันยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่ผมก็รู้สึกทึ่งมากกับสิ่งที่ Steve ใส่ลงไปทั้งหมดในเครื่องมือเล็กจิ๋วนี้ เขาทำได้อย่างไรที่สามารถเอา Mac OS X ทั้ง ระบบยัดลงไปในโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กจิ๋วนี้ได้ ผมรู้ในนาทีนั้นว่า เจ้าโทรศัพท์จิ๋วนี่จะเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมไปตลอดกาล และมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ทำให้สหรัฐฯ กลายเป็นศูนย์กลางการพัฒนา smartphone

Jimmy Iovine
ผู้ก่อตั้งและประธาน Interscope Records

ไม่ว่าใครจะพูดถึง Apple ว่าอย่างไร แต่ถ้าไม่มี Steve Jobs ก็ไม่มีการซื้อขายเพลงออนไลน์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย และทุกคนต่างก็แพ้กันหมด บริษัทเพลงกำลังถูกแช่แข็ง ตอนที่เขามาพร้อมกับ iTunes ทำให้เรามีวิธีที่จะเสนอขายเพลงลิขสิทธิ์ออนไลน์ ก่อน iTunes จะมา Napster ต้องออกไปจากธุรกิจนี้ภายในเวลาเพียง 2-3 ปี แล้วยังมี Kazaa และเว็บ file sharing อื่นๆ เกิดขึ้น อีก แต่ยังไม่มีวิธีซื้อขายเพลงอย่างถูกลิขสิทธิ์ใดๆ เกิดขึ้นเลย ผมคิดว่าสิ่งที่ Jobs ทำมีผลต่อวงการเพลงอย่างไม่ธรรมดาเลย

Bob Iger
ประธานและ CEO Disney

เมื่อคิดถึง Steve ผมคิดถึงคำว่า เพื่อน เป็นอย่างแรก อย่างที่สองคือ เมื่อเราตัดสินใจจะยกเครื่องร้าน Disney Steve บอกให้เราถามตัวเองก่อนว่า ต้องการจะให้ร้านของเราบอกกับคนที่เดินเข้ามาว่าอย่างไร แต่เขาไม่ได้บอกว่า สิ่งที่เราควรจะต้อง บอกกับลูกค้านั้นคืออะไร เขาเพียงแต่แนะว่า เป็นเรื่องสำคัญที่เรา ควรจะตอบตัวเองด้วยคำถามนั้นให้ได้ ก่อนที่จะลงมือปรับปรุงร้าน คำแนะนำที่มีค่าอีกอย่างหนึ่งที่เขาให้กับผมคือ ให้เราสร้างร้านต้นแบบในที่ของเราก่อน อย่าเพิ่งไปสร้างในห้างหรือที่อื่น ให้อยู่ใกล้เราที่สุดพอที่เราจะเดินเข้าไปได้ทุกเมื่อ เพื่อไปดูแลมัน ไปเรียนรู้จากมัน และเมื่อคุณรู้สึกพร้อมจริงๆ เมื่อไหร่ จึงค่อยขยับขยายไปที่อื่น

จุดเด่นอย่างหนึ่งขอ Steve คือเขาคาดหวังจากคนอื่นสูง ผมเคยทำงานกับ Roone Arledge ประธานระดับตำนานของ ABC News เขาต้องการความสมบูรณ์แบบเท่านั้น ไม่น้อยไปกว่านั้น และ Steve ก็เหมือนกัน ผมเห็นจากวิธีที่เขาบริหารคน เขาคาดหวังสูงทั้งคุณภาพและการท้าทายสิ่งเก่าๆ และไม่เคยยอมรับ คำตอบว่าไม่

Bill Campbell
ประธานและอดีต CEO Intuit

ผมไม่เคยเห็นเขาหยุดเลย ตลอดเวลาที่รู้จักเขามาตั้งแต่ปี 1983 ผมเริ่มงานที่ Apple เป็นรองผู้บริหารด้านการตลาด ตอนนี้ ผมอยู่ในคณะกรรมการบริหารของ Apple ไม่เคยมีแม้แต่วันเดียว ในชีวิตที่ Steve จะไม่ตื่นขึ้นมาและคิดเกี่ยวกับบริษัท หรือสิ่งที่เขากำลังจะทำต่อไป เพราะสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ผลักดันเขา เขาเป็นสามีและพ่อที่วิเศษ แต่ชีวิตของเขาคือการได้สร้างสรรค์สิ่งที่มีคุณค่า และนั่นคือมรดกของเขา ความจริงเขาคงไม่ได้คิดหรอกว่า สิ่งที่เขาทำนั้นจะเป็น "มรดก" เขาเพียงแต่ทำอย่างที่เขาทำเท่านั้น

สิ่งที่ผมชอบดู Steve คือ เวลาที่เขาเลือกคน เขาเป็นนักสัมภาษณ์งานที่เยี่ยมยอด เขารู้ว่าเขาต้องการอะไร และรู้ว่าจะหา คนเก่งๆ ได้อย่างไร ถ้าคุณลองมองทีมบริหารของเขาหลังจาก 12 ปีผ่านมา หลายคนยังอยู่ หลายคนก็จากไป แต่ทุกๆ คนล้วนเป็นคนที่มีคุณภาพสูงเยี่ยม

ตอนที่เขาหยุดไปรักษาตัวนั้น บริษัทยังคงมีความมั่นคงถาวร ซึ่งเป็นสิ่งที่ Steve ได้สร้างไว้ แต่บริษัทจะเป็นอย่างไรถ้าเขาไม่อยู่นานกว่านี้ แม้แต่ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมรู้แต่ว่า เมื่อเขากลับมา กระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ก็กลับมาน่าตื่นเต้นอีกครั้ง

แปล/เรียบเรียง เสาวนีย์ พิสิฐานุสรณ์
เรื่อง ฟอร์จูน 23 พฤศจิกายน