ในบรรดาพลาซ่าที่กำลังแข่งกันก่อสร้างเพื่อให้เสร็จตามเป้าหมาย ถ้าไม่นับมหาทุนพลาซ่าที่ปัญหาเรื่องการเปลี่ยนแปลงเจ้าของแล้ว
ก็ต้องยอมรับว่า อมรินทร์พลาซ่าเริ่มต้นลำบากกว่าเพื่อนเพราะความล่าช้าและคดีความในเรื่องการตอกเสาเข็ม
(ผู้จัดการ ฉบับที่ 2 หน้า 21-26) กับโรงเรียนมาแตร์ฯ และโรงแรมเอราวัณจนเป็นผลต้องชดเชยให้โรงแรมเอราวัณด้วยเงินประมาณ
4 ล้านบาท
อมรินทร์ พลาซ่า กลับกลายเป็นผู้ชนะเลิศในบรรดาพลาซ่าทั้งหลาย ที่ชนะนั้นไม่ได้วัดกันที่จะเสร็จก่อนเหมือนอย่างที่พันธุ์ทิพย์
พลาซา ประโคมข่าวอยู่ตลอดเวลา
ตำแหน่งชนะเลิศนั้นมีสาเหตุจากการลงทุนที่แทบจะไม่มีปัญหาเรื่องการเงินเลย
ต่างกับพันธุ์ทิพย์ ถึงแม้จะเสร็จก่อนแต่ก็ต้องหาเงินเพิ่มเข้ามาอีก หลังจากที่ได้ลงเงินกันไปแล้วและก็ไม่พอ
แรกเริ่มนั้นอมรินทร์ พลาซ่า ได้ทำ Project Finance ไว้ประมาณ 270 ล้านบาทที่จะต้องกู้จากไทยพาณิชย์
แต่การจองของลูกค้าที่เข้ามาเร็วผิดปกติเลยต้องมาทบทวนเงินกู้ใหม่ซึ่งกู้จริงแทบไม่ถึง
100 ล้านบาท
"แบบนี้ผมถือว่าเป็น Financier's Dream" ผู้ร่างโครงการคนหนึ่งเล่าให้
"ผู้จัดการ" ฟัง
ในขณะนี้อมรินทร์แทบจะหยุดขายชั้นสุดท้ายแล้วเพราะต้องเก็บเอาไว้ให้ราคาสูงกว่าเดิม
สำหรับพันธุ์ทิพย์ พลาซา หรือ "โบ๊เบ๊" ติดแอร์ในสายตาชาวบ้านก็คงจะเปิดก่อนเพื่อน
ระหว่างพันธุ์ทิพย์กับอมรินทร์ ถ้าจะแข่งกันก็จะแข่งกันตรงดีพาร์ตเมนต์สโตร์ซึ่งพันธุ์ทิพย์มีเอ็กเซลส์ของคนไทยกับอมรินทร์มีโซโก้ของญี่ปุ่น
แต่แมคโดนัลด์ซึ่งพิถีพิถันกับการเลือก location มากกลับเลือกอมรินทร์
ซึ่งแพงกว่า ปล่อยให้พันธุ์ทิพย์คว้าเอา A&W ซึ่งเกรดต่ำกว่าไป ปัญหารถเดินทางเดียวก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง
ซึ่งพันธุ์ทิพย์จะต้องเจอเพราะกลุ่มลูกค้าทางสุขุมวิทจะไปทางพันธุ์ทิพย์จะยากเย็นกว่าการมาเซ็นทรัลชิดลม
อมรินทร์ พลาซา โรบินสัน และไดมารู ราชดำริ
แต่งานนี้คนที่เหนื่อยจริงๆ น่าจะเป็นเซ็นทรัลชิดลมมากกว่า ที่ต้องถูกศูนย์การค้าใหญ่ๆ
2 แห่งเกิดขึ้นมาดึงลูกค้าบางส่วนไป