Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์24 ธันวาคม 2552
เศรษฐกิจปีหน้ายังไม่ฟื้นตัว หนุนรายใหญ่กินรวบตลาด             
 


   
search resources

Real Estate




- คลังไม่ฟันธงต่ออายุมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ
- เผยเห็นสัญญาณบ่งชี้ตลาดฟื้น อาจปรับสูตรมาตรการรอบใหม่
- "อนันต์ อัศวโภคิน" มองมุมกลับ เชื่อเศรษฐกิจปีหน้าไม่ฟื้นจริง
- ย้ำปีหน้ากลไกแบงก์เข้มปล่อยสินเชื่อโครงการ หนุนรายใหญ่กินรวบตลาด-รายย่อยสูญพันธุ์

ประเด็นร้อนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วงนี้ คือ การติดตามความเคลื่อนไหวของรัฐบาลในเรื่องมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ 2 ชุดว่าจะมีการต่ออายุในเร็วๆ นี้หรือไม่ มาตรการดังกล่าว ได้แก่ สิทธิประโยชน์นำเงินที่ซื้อบ้านมาลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 300,000 บาท ซึ่งมาตรการนี้จะหมดอายุในสิ้นปีนี้ และมาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอน จาก 2% เหลือ 0.01%ค่าธรรมเนียมการจดจำนองจาก 1% เหลือ 0.01% และภาษีธุรกิจเฉพาะจาก 3.3% เหลือ 0.11% ที่จะหมดอายุในวันที่ 28 มี.ค. 53 ซึ่งที่ผ่านมาจากการใช้มาตรการดังกล่าวพบว่า หากประชาชนรู้ล่วงหน้าว่ารัฐบาลจะต่ออายุมาตรการ จะทำให้การซื้อขายหยุดชะงัก และจะมีการซื้อขายอย่างหนาแน่นเป็นพิเศษในช่วงที่มาตรการใกล้หมดอายุ ทำให้ไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี และกระทบกับยอดขายของดีเวลลอปเปอร์ จากบทเรียนในอดีตทำให้รัฐบาลต้องใช้ความระมัดระวังในการแสดงท่าทีเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวมากขึ้นเป็นพิเศษ

คลังฟันธง ศก. ฟื้นแล้ว

แต่การที่รัฐบาลจะตัดสินใจต่ออายุมาตรการออกไปหรือไม่ คงต้องขึ้นกับรัฐบาลว่าจะประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจขณะนี้และต่อจากนี้ไปในทิศทางใด หากโฟกัสเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ สมชาย สกุลสุรรัตน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้กล่าวอ้างถึงตัวเลขดัชนีต่างๆโดยระบุว่าทั้งหมดได้สะท้อนให้เห็นว่าภาคเศรษฐกิจและอสังหาริมทรัพย์ได้ฟื้นตัวขึ้นแล้วอย่างต่อเนื่อง เช่น ยอดบ้านสร้างเสร็จจดทะเบียนไตรมาส 3 ที่เพิ่มขึ้น 8% ยอดขายปูนซีเมนต์ เหล็กไตรมาส 3 เริ่มขยายตัวจากไตรมาส 2 ที่หดตัว สะท้อนว่าเริ่มมีการก่อสร้างมากขึ้น และไตรมาส 4 ที่คาดว่าจะมียอดสินเชื่อปล่อยใหม่ทั้งระบบประมาณ 80,000 ล้านบาท ส่วนหนึ่งมาจากการเร่งซื้อ เพื่อให้ทันมาตรการลดหย่อนภาษีที่จะหมดอายุสิ้นปี ซึ่งจะดันให้ยอดสินเชื่อปล่อยใหม่ทั้งปีอยู่ที่ 3 แสนล้านบาท จากเดิม 2.8 แสนล้านบาทในปีที่แล้ว

"การผลักดันงบไทยเข้มแข็ง คาดว่าจะทำให้การลงทุนภาคเอกชนปีหน้ากลายเป็นบวก อยู่ที่ 2.7-5% จาก 3 ไตรมาสแรกปีนี้ที่ติดลบ หดตัวลง 13.7% ซึ่งความเชื่อมั่นของภาคเอกชนเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ อสังหาริมทรัพย์ถือว่ามีบทบาทสำคัญ เพราะมีสัดส่วนถึง 6% ของจีดีพี มีการจ้างงานมากเป็นอันดับ 3 รองจากภาคธุรกิจอื่นๆ ถ้าอสังหาฯ โตได้ปีละ 10% ใกล้เคียงกับที่ผ่านมา จะมีส่วนดันให้จีดีพีขยายตัวได้ 0.57% ต่อปี"

สำหรับมุมมองของรัฐบาลเชื่อว่า ในปีหน้าจีดีพีของไทยจะเติบโตอยู่ที่ 2.5-3.5% ตัวเลขของตลาดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ฟื้นตัว ส่วนหนึ่งมาจากมาตรการของรัฐ ซึ่งขณะนี้กระทรวงการคลังยังไม่ได้ระบุว่าจะต่ออายุมาตรการหรือไม่ แต่ยอมรับว่าจะต้องมีการพิจารณาปรับมาตรการให้เหมาะสม โดยคำนึงถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องของภาพรวมเศรษฐกิจเป็นหลัก ซึ่งจะมีการรับฟังความเห็นจากภาคเอกชนอีกครั้ง

จัดสรรเสนอรัฐต่อมาตรการ

ด้านความเคลื่อนไหวของกลุ่มดีเวลลอปเปอร์ อิสระ บุญยัง นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยว่า ในการประชุมร่วมทุกสมาคมฯ เห็นพ้องว่า ตัวเลขต่างๆ เช่น การซื้อขาย การลงทุนโครงการไม่ได้เพิ่มขึ้น จึงไม่ได้สะท้อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างแท้จริง จึงเสนอว่าหากรัฐบาลต่ออายุมาตรการจะเป็นประโยชน์มากกว่า เพราะช่วยให้ตลาดรวมไม่ชะลอตัว ซึ่งในช่วงที่ผ่านมามาตรการมีส่วนช่วยให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไม่ติดลบ

วิษณุ สุชาติล้ำพงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เห็นว่า ตลาดไม่ได้เติบโตจริง เห็นได้จากภาพรวมการเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาไม่ได้เติบโตขึ้น มีการเปิดตัวโครงการใหม่น้อยลง แต่ยอดขายไปกระจุกตัวอยู่ที่ดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่ ส่วนเศรษฐกิจไทยปีหน้ามองว่ามีแนวโน้มจะเติบโตแต่ไม่มากนัก ซึ่งยังมีปัจจัยเสี่ยงหลายด้านที่ต้องจับตามอง เช่น การเมือง ปัญหามาบตาพุด วิกฤตที่ดูไบ อย่างไรก็ตามพบว่าดีเวลลอปเปอร์ก็มีแผนจะลงทุนในปีหน้าหลายโครงการ หากปีหน้าจะมีปัญหาเกิดขึ้น มีการแข่งขันสูง จนทำให้กำไรลดลง แต่ดีเวลลอปเปอร์ก็ยังประคองตัวอยู่ได้ เพราะส่วนใหญ่มีสัดส่วนหนี้สินต่อทุนต่ำ

ขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ กล่าวว่า เศรษฐกิจในปีหน้าน่าจะเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป หากดูตัวเลขบ้านสร้างเสร็จจดทะเบียนปีนี้น่าจะใกล้เคียงกับปีที่แล้ว คือ 85,000 ยูนิต การเก็งกำไรมีไม่มาก จึงไม่มีสัญญาณว่าจะเกิดฟองสบู่ แต่ปีหน้าก็ต้องจับตาเรื่องเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยที่จะปรับขึ้นในครึ่งปีหลัง

แลนด์ฯ ไม่เชื่อปีหน้าฟื้น

แม้กระทรวงการคลังและภาคเอกชนจะเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจปีหน้าน่าจะถึงเวลาฟื้นตัว แต่อนันต์ อัศวโภคิน ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) กลับมองในมุมกลับ โดยไม่เชื่อว่าปีหน้าไทยจะพ้นวิกฤตแล้ว โดยดูจากภาพรวมเศรษฐกิจประเทศต่างๆ เช่น อเมริกา ขณะนี้ก็ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ซึ่งวิกฤตรอบที่แล้วไทยต้องใช้เวลากว่า 4-5 ปีเศรษฐกิจจึงจะฟื้น สำหรับขณะนี้มองว่าไทยน่าจะเพิ่งอยู่ในจุดต่ำสุด และคงไม่ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วมากนัก แต่ก็หวังว่าจะไม่แย่กว่านี้ ดังนั้นจึงไม่ควรประมาท

"ตอนนี้ไม่ต้องห่วงว่าเศรษฐกิจไทยจะกลับไปเกิดฟองสบู่เหมือนเก่า เพราะมีกฎที่คุมแบงก์เข้มมาก แบงก์ก็กลัวเสี่ยง ไม่ยอมปล่อยกู้ให้รายย่อยเลย แบบนี้ทำให้รายย่อยอยู่ไม่ได้ ทุกวันนี้แบงก์เน้นปล่อยกู้ให้ดีเวลลอปเปอร์ท็อปเท็นเท่านั้น แบงก์บอกว่าจะให้กู้ดอกเบี้ยคงที่ 3 ปีเลย ไม่ต้องไปออกหุ้นกู้ ทำให้รายใหญ่ยังขยายธุรกิจได้ เชื่อว่าอีก 3 ปีข้างหน้าบริษัทใหญ่จะกินแชร์ถึง 70% ของตลาด รายกลาง-เล็กจะอยู่ได้ต้องเจาะนิช มาร์เก็ต ทำในสิ่งที่แบงก์เชื่อว่าขายได้เท่านั้น"

อนันต์มองว่า ธุรกิจในปีหน้าต้องเตรียมรับมือเรื่องต่างๆ เช่น การทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมจะมีการพิจารณาที่เข้มงวดขึ้น เพราะคณะกรรมการจะอิงจากกระแสกรณีที่มาบตาพุด รวมถึงผังเมือง กทม. ที่จะเปลี่ยนในอีก 2 ปีข้างหน้า   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us